คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิพากษา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 361 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เป็นมรดก: ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นมรดก ไม่เป็นการพิพากษานอกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย แต่ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทยังเป็นมรดกของย่าจำเลยอยู่ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย ดังนี้ ไม่เป็นการพิพากษานอกฟ้อง นอกประเด็นข้อต่อสู้ หากแต่เป็นการฟังข้อเท็จจริงในคดีว่าที่พิพาทเป็นมรดกของย่าจำเลย ซึ่งหมายความว่าศาลไม่ฟังว่าเป็นของโจทก์และไม่เป็นของจำเลย ดังโจทก์จำเลยโต้เถียงกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1643/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกในคดีหมิ่นประมาท และการพิพากษาคดีที่ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 98 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษให้จำคุก 5 ปี เป็นการเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์: พิพากษาได้แม้โจทก์อุทธรณ์จำเลยบางส่วน
คดีอาญา ถ้าศาลอุทธรณ์จะพิพากษาไม่ลงโทษหรือลดโทษให้จำเลยหากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ถึงแม้โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวเฉพาะจำเลยอื่นที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยคนที่ถูกศาลชั้นต้นลงโทษในความผิดฐานเดียวกันหรือต่อเนื่องกันได้ คู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ไม่สำคัญตามฎีกาที่1031/2498(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากปล้นทรัพย์เป็นบุกรุก และผลกระทบต่อการพิพากษา
ฟ้องว่าปล้นทรัพย์ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าบุกรุก ลงโทษจำเลยไม่ได้ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: ข้อแตกต่างระหว่าง ม.67 และ ม.68 กับผลต่อการพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา ม.67 แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา 68 ดังนี้ เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงอย่างเดียวกัน และตรงกันพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ เป็นการต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด ศาลฎีกาพิพากษาว่ามีเจตนาฆ่าจริง
เหตุที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ซึ่งโดยสารมาในเรือเพราะผู้เสียหายได้ถามนายท้ายเรือว่า พวกจำเลยนี้จะไปไหนกัน จำเลยกับพวกคงโกรธเพราะฤทธิ์สุราผสมด้วย จึงสมคบร่วมกันคิดทำร้ายขณะผู้เสียหายไม่ทันรู้ตัว โดยพวกของจำเลยลุกไปนั่งคุมเชิงผู้เสียหายอยู่ข้างหลังก่อน พอเรือแวะจะส่งนักเรียน จำเลยก็แหวกนักเรียนตรงเข้าไปทำร้ายผู้เสียหาย พวกของจำเลยก็เข้าช่วยใช้มีดปลายแหลมยาวคืบกว่าแทงผู้เสียหายซ้ำ 2 ที ถูกที่สำคัญลึกถึงตับและปอด ซึ่งอาจทำให้ตายได้ จนผู้เสียหายล้มลง ก็จะแทงซ้ำอีก แต่มีคนกันไว้ จำเลยกับพวกจึงพากันหลบหนีไปเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า มีเจตนาฆ่าให้ตายเมื่อแพทย์ทำการผ่าตัดรักษาไว้ได้ทันท่วงทีจำเลยก็ย่อมต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อพิพาทที่ดินจากพยานร่วมและเอกสาร การพิพากษาตามคำท้าที่ตกลงกันไว้
คู่ความตกลงให้สืบพยานร่วม และถ้าพยานเบิกความอย่างหนึ่งโจทก์ยอมแพ้ ถ้าเบิกความอีกอย่างหนึ่งจำเลยยอมแพ้ ศาลย่อมวินิจฉัยคำพยานได้ว่าเบิกความสมข้างฝ่ายใด และพิพากษาคดีไปตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1262/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองสัญญาและการพิพากษาคดีค่าจ้าง: ศาลพิพากษาตามสัญญาที่จำเลยรับรองโดยไม่ต้องสืบพยาน
โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างดำเนินงานเกี่ยวกับการชำระบัญชี จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาจ้างโจทก์กำหนดอัตราค่าจ้างไว้จริง ไม่ได้ยกข้อต่อสู้อื่นอีกแต่ประการใด เช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างนี้ได้เลยโดยไม่ต้องสืบพยานหรือวินิจฉัยประการใดอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาโดยใช้หลักความสงสัยอันสมควร และการรับฟังพยานหลักฐาน
อันประโยชน์แห่งความสงสัยที่จะยกให้เป็นผลดีแก่จำเลยตาม ป.วิ.อาญา ม.227 นั้น มีหลักอยู่ว่าจะต้องมีเหตุผลอันสมควรที่จะทำให้เกิดความสงสัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญา: เหตุผลแห่งความสงสัยต้องสมควรและมีน้ำหนัก
อันประโยชน์แห่งความสงสัยที่จะยกให้เป็นผลดีแก่จำเลยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 นั้นมีหลักอยู่ว่าจะต้องมีเหตุผลอันสมควรที่จะทำให้เกิดความสงสัย
of 37