พบผลลัพธ์ทั้งหมด 823 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4144/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุรายละเอียดความเสียหาย หากไม่ชัดเจน ศาลไม่สามารถลงโทษตามข้อหาอื่นได้
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทผู้เสียหายด้วยข้อความอย่างไรเท่านั้น หาได้บรรยายว่าการโฆษณาข้อความดังกล่าวในฟ้องเป็นการแสดงอย่างเคลือบคลุมว่าได้มีความเสื่อมโทรมเลวทรามหรือผิดร้ายเสียหายในกรมเจ้าท่าโดยไม่แสดงว่าเป็นเรื่องใดข้อใดไม่ จึงถือไม่ได้ว่าฟ้องได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดในข้อหาตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519ข้อ 2(4)แม้โจทก์จะมีคำขอให้ลงโทษตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวและจำเลยให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ เพราะจะเป็นการพิพากษานอกไปจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง แม้ศาลอื่นจะมีอำนาจ
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่า หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: โจทก์ผูกพันต้องฟ้องตามข้อตกลง แม้จะมีเขตอำนาจอื่น
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา4ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา7โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตังและสาขาตรังให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานครโจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการอุทธรณ์คดีเช็คและการฉ้อโกง: จำนวนเงิน, ข้อหา, และความชัดเจนของฟ้อง
โจทก์ฟ้องข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในเช็คแต่ละฉบับเป็นความผิดแต่ละกระทงเรียงกันไป การพิจารณาว่ากระทงใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ ต้องพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ระบุในเช็คแต่ละฉบับว่าหากศาลลงโทษปรับสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุในเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือไม่ ถ้าไม่เกินกว่าหกหมื่นบาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง กรณีก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว จะนำจำนวนเงินตามที่ระบุในเช็คฉบับอื่นแม้จะลงวันสั่งจ่ายวันเดียวกันมารวมคำนวณด้วยหาได้ไม่
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่แก้ไขแล้ว
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับ และได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่า เช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคาร อันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วย จึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3967/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการอุทธรณ์คดีเช็คและการระบุสถานที่เกิดเหตุในฟ้อง
โจทก์ฟ้องข้อหาความผิดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497มาตรา3ในเช็คแต่ละฉบับเป็นความผิดแต่ละกระทงเรียงกันไปการพิจารณาว่ากระทงใดต้องห้ามอุทธรณ์หรือไม่ต้องพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ระบุในเช็คแต่ละฉบับว่าหากศาลลงโทษปรับสองเท่าของจำนวนเงินที่ระบุในเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแล้วเกินกว่าหกหมื่นบาทหรือไม่ถ้าไม่เกินกว่าหกหมื่นบาทเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องกรณีก็ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา193ทวิจะนำจำนวนเงินตามที่ระบุในเช็คฉบับอื่นแม้จะลงวันสั่งจ่ายวันเดียวกันมารวมคำนวณด้วยหาได้ไม่ ความผิดฐานฉ้อโกงตามป.อ.มาตรา341มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา193ทวิ โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับเช็คที่นำมาฟ้องเป็นจำนวนหลายสิบฉบับและได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าเช็คแต่ละฉบับนั้นเป็นของธนาคารใดพร้อมกับระบุสาขาของธนาคารอันถือว่าเป็นสถานที่ที่เกิดการกระทำความผิดเนื่องจากธนาคารแห่งนั้นปฏิเสธการจ่ายเงินไว้ด้วยจึงหาจำเป็นที่จะต้องระบุแขวงและเขตอีกไม่การที่โจทก์นำเอาชื่อแขวงและเขตที่เกิดการกระทำความผิดไปกล่าวรวมไว้ในตอนท้ายเพื่อบอกสถานที่เกิดเหตุย่อมเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3138/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การอนุญาตฟ้องต่อศาลที่มูลคดีเกิด พิจารณาความสะดวกในการพิจารณาคดีเป็นหลัก
กฎหมายบัญญัติให้ศาลใช้ดุลพินิขอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องจำเลยต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลนั้นได้ต่อเมื่อการพิจารณาคดีในศาลนั้นจะเป็นการสะดวกเป็นข้อสำคัญหาใช่พิจารณาการเดินทางของจำเลยว่าไกลหรือใกล้เป็นข้อสำคัญไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้อง: การระบุตัวผู้ว่าจ้างในนามนิติบุคคลเพียงพอแล้ว แม้ไม่ได้ระบุตัวบุคคล
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคล เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ. 2523 จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม 10 ครั้ง ซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล หาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็น ใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้ว แม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใคร วันเวลาจ้างทั้ง 10 ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้อง: การระบุตัวผู้กระทำผิดไม่จำเป็นต้องละเอียดหากระบุชัดเจนว่ากระทำในนามนิติบุคคล
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคล เมื่อประมาณกลางปีพ.ศ.2523 จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม 10 ครั้ง ซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคล หาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็นใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้ว แม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใคร วันเวลาจ้างทั้ง 10 ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้อง: การระบุตัวผู้กระทำผิดไม่จำเป็นหากระบุตัวนิติบุคคลผู้ว่าจ้างชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นนิติบุคคลเมื่อประมาณกลางปีพ.ศ.2523จำเลยโดยโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์เข้าปกหนังสือรวม10ครั้งซึ่งหมายความถึงว่าทางโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหงว่าจ้างโจทก์ในนามของจำเลยซึ่งเป็นนิติบุคคลหาจำเป็นต้องบรรยายไม่ว่าตัวบุคคลของโรงพิมพ์ที่ว่าจ้างนี้เป็นใครส่วนเวลาที่จ้างก็ระบุในฟ้องแล้วแม้ไม่ได้บรรยายว่าตัวบุคคลผู้ว่าจ้างนั้นเป็นใครวันเวลาจ้างทั้ง10ครั้งตามฟ้องเป็นวันเวลาใดบ้างก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอบังคับรวมทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสมบูรณ์ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา172แล้ว.