คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยกฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกฟ้องโดยปริยายและการสิ้นสุดสิทธิในการฎีกาในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วว่า จำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ก็ตาม ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องในความผิดข้อหานี้แล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้แก้คำ-พิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้ จึงถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องในข้อหานี้ด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกายกฟ้องข้อหาอาวุธปืน ทำให้ข้อหาดังกล่าวหมดอายุความ และศาลฎีกาพิจารณาเฉพาะข้อหาฆ่าคนตายและปล้นทรัพย์
ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในคำพิพากษาแล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด แม้ว่าศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในคำพิพากษาก็ตาม ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดทั้งสองข้อหานี้แล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้ให้เป็นอย่างอื่น จึงถือว่าศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ในสองข้อหานี้ด้วยข้อหาทั้งสองดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อหาอาวุธปืน เนื่องจากศาลชั้นต้นและอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว แต่รับวินิจฉัยข้อหาฆ่าผู้อื่นและปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วว่า จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ก็ตามก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องในความผิดข้อหานี้แล้วเมื่อศาลอุทธรณ์มิได้แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้ จึงถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องในข้อหานี้ด้วยความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1423/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาลักทรัพย์ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา เมื่อศาลฎีกายกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 และฟังว่า การกระทำของจำเลยที่ 3 ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แม้จำเลยที่ 3 มิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 3 ได้ เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213,225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่ 3 เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ากระทำความผิด
เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3 กระทำความผิดศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ถึงความผิดอื่นที่เป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกันและยุติแล้วได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคแรก ประกอบมาตรา215 และมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ และพยานหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ศาลยกฟ้องคดีอาญา
ตามคำของ พ. ได้ความว่า เห็นจำเลยเดินวนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ และตามคำของ ส.ก็คงได้ความว่าเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเห็นผู้ตายกับผู้เสียหายถูกทำร้ายนอนอยู่ มีจำเลยถือไม้เดินอยู่บริเวณนั้น แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำร้ายด้วยสาเหตุอะไร ส่วน ณ.แม้จะเบิกความว่าเห็นจำเลยใช้ไม้เข้าร่วมชุลมุนตีกันด้วย แต่ก็ตอบคำซักค้านของทนายจำเลยว่าไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ตีทำร้ายผู้เสียหายเพราะตีกันยุ่งไปหมดทั้งตามคำของพนักงานสอบสวนประกอบรายงานการชันสูตรพลิกศพก็ได้ความว่าคนร้ายที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายคือ อ.กับพวก ไม่มีจำเลยร่วมทำร้ายด้วย คำของ ณ.ไม่แน่นอนขัดแย้งกับคำของพนักงานสอบสวน ไม่น่าเชื่อว่า ณ.รู้เห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายจริงโจทก์จึงมีเพียงคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเท่านั้น ซึ่งจำเลยโต้เถียงอยู่ว่าถูกบังคับขู่เข็ญให้รับสารภาพ คดีฟังลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148(3)
แม้ศาลจะสืบพยานหลักฐานไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อมีคำพิพากษาให้ยกคำฟ้อง ศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องใหม่ภายใต้มาตรา 148(3) ป.วิ.พ.
ในกรณีที่ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ มาตรา 148(3)แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง บัญญัติรับรองให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งได้ด้วยว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ภายในอายุความ โดยไม่มีเงื่อนไขหรือวางกฎเกณฑ์ไว้ว่า ศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวได้ภายในเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์อย่างใดจึงเป็นอำนาจทั่วไปของศาลที่จะใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยสั่งได้แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร แม้ศาลชั้นต้นจะสืบพยานหลักฐานไปแล้ว แต่เมื่อมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นก็สามารถใช้ดุลยพินิจพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องและคำขอท้ายฟ้องต้องสอดคล้องกัน หากไม่สอดคล้องกัน ศาลต้องยกฟ้องข้อหาที่โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษ และศาลฎีกาไม่สามารถเพิ่มโทษเกินกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาได้หากไม่อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีไม้ยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง ปรากฏว่าโจทก์บรรยายการกระทำผิดในข้อหานี้มาในคำฟ้อง แต่ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์มิได้อ้างบทมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด ฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ได้ขอให้ลงโทษในข้อหามีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองแล้วหาได้ไม่กรณีจึงต้องยกฟ้องข้อหานี้
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 เดือน ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อ พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48, 73 วรรคสอง มีอัตราโทษจำคุกขั้นต่ำ 1 ปีที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาจึงเป็นการลงโทษจำคุกจำเลยต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดแต่โจทก์มิได้อุทธรณ์และฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยเพิ่มขึ้น ศาลฎีกาลงโทษจำคุกจำเลยเพิ่มขึ้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาพยานหลักฐานและยกฟ้องแม้จำเลยรับสารภาพ หากพยานหลักฐานไม่สอดคล้อง
ศาลมีอำนาจพิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ในสำนวนทั้งหมดการที่ศาลชั้นต้นสั่งคดีมีมูลแทนที่จะสั่งยกฟ้องโจทก์เสียในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็เป็นเพียงแต่ให้รับคำฟ้องไว้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น แต่ในชั้นพิจารณาเมื่อปรากฏจากพยานหลักฐานชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง ศาลก็มีอำนาจยกฟ้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185
of 164