พบผลลัพธ์ทั้งหมด 587 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1708/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประโยชน์จากการใช้รถยนต์ของบริษัทถือเป็นเงินได้พึงประเมินและรายรับที่ต้องเสียภาษี
โจทก์รับฝากขายสินค้าผงชูรสและผลิตภัณฑ์พลอยได้จากผงชูรสให้แก่บริษัท อ. โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินที่เรียกว่า"ค่าบริการดำเนินการจัดธุรกิจให้กับผู้อื่น" หรือ "คอนซายน์เมนท์ฟี"เป็นรายเดือนตามอัตราแน่นอนที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยไม่คำนึงถึงยอดขายสินค้าว่าจะเป็นจำนวนเท่าใด เหตุที่มีการกำหนดค่าตอบแทนแน่นอนตายตัวก็เนื่องจากบริษัท อ. ได้มอบรถยนต์ของตนจำนวน60-70 คัน ต่อเดือนให้โจทก์ใช้เป็นยานพาหนะในการจำหน่ายสินค้าโดยไม่เสียค่าตอบแทน ซึ่งหากบริษัท อ. ไม่ได้ให้รถยนต์โจทก์ใช้โดยไม่เสียค่าตอบแทนแล้ว โจทก์จะต้องมีรายจ่ายเกี่ยวกับยานพาหนะในการประกอบกิจการและย่อมเป็นการแน่นอนว่าการกำหนดค่าบริการหรือค่าตอบแทนอันเป็นรายรับหรือเงินได้ของโจทก์จะต้องสูงขึ้นเพราะต้องคิดคำนวณต้นทุนในเรื่องยานพาหนะเพิ่มขึ้นและคงไม่กำหนดค่าตอบแทนเป็นจำนวนแน่นอนตายตัว การที่บริษัท อ. ได้ให้โจทก์ใช้รถยนต์โดยไม่เสียค่าตอบแทนจึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าตอบแทนหรือค่าบริการที่บริษัท อ. ให้แก่โจทก์นอกเหนือไปจากค่าตอบแทนที่กำหนดไว้เป็นจำนวนตายตัวในสัญญา ถือได้ว่าเป็นประโยชน์ที่โจทก์ได้รับ ซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน จึงเป็นเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และเป็นรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่โจทก์กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีซึ่งจะต้องนำมาคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 ทั้งเป็นประโยชน์อันมีมูลค่าที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการประกอบการค้าอันถือได้ว่าเป็นรายรับตามมาตรา 79 ที่จะต้องเสียภาษีการค้าตามมาตรา 78 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1293/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิของผู้รับประกันภัยหลังชำระค่าซ่อมรถยนต์ที่เสียหายจากอุบัติเหตุ
โจทก์ที่ 1 ผู้รับประกันภัยนำรถของโจทก์ที่ 2 ผู้เอาประกันภัยที่ถูกรถของฝ่ายจำเลยชนเสียหายไปให้อู่ซ่อมจนเสร็จ และโจทก์ที่ 1มอบรถให้โจทก์ที่ 2 รับไปเรียบร้อยแล้ว ความเสียหายที่โจทก์ที่ 2เจ้าของรถได้รับคือรถของตนบุบสลายเสียหายเพราะถูกฝ่ายจำเลยชนเมื่อโจทก์ที่ 1 ได้สั่งให้อู่จัดการซ่อมและอู่ทำการซ่อมเสร็จเรียบร้อยจนกระทั่งส่งมอบให้โจทก์ที่ 2 รับไปแล้ว ดังนั้นโจทก์ที่ 1ก็ต้องมีความผูกพันที่จะต้องใช้ราคาซ่อมให้แก่อู่ตามจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ ถือว่าโจทก์ที่ 1 ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้วตามจำนวนราคาค่าจ้างที่ได้ตกลงไว้กับอู่ผู้ทำการซ่อม โจทก์ที่ 1จึงรับช่วงสิทธิของโจทก์ที่ 2 ที่มีต่อฝ่ายจำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของลูกจ้างและผู้ว่าจ้าง รวมถึงความรับผิดตามสัญญาประกันภัยรถยนต์
หลังเกิดเหตุแล้วโจทก์ จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 หุ้นส่วนผู้จัดการและพนักงานประกันภัยของจำเลยที่ 4 ได้มีการเจรจาเรื่องค่าเสียหายกัน ทั้งได้ความว่ารถยนต์บรรทุกเป็นของจำเลยที่ 2เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 4 ประกอบกับจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2โดยจำเลยที่ 3 ยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วย เมื่อจำเลยที่ 2 ต้องรับผิด จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยรถยนต์จากจำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดตามสัญญาประกันภัย รถยนต์โจทก์ถูกชนท้ายและไถลไปชนรถยนต์บรรทุกที่จอดอยู่ข้างหน้า ได้รับความเสียหายทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีสภาพพังยับเยินต้องซ่อมแซม ศาลกำหนดค่าซ่อมแซมให้ 106,705 บาทค่าขาดประโยชน์ 36 วัน วันละ 300 บาท เป็นเงิน 10,800 บาท น้อยกว่าที่โจทก์ขอ และการที่รถยนต์โจทก์ถูกชนเสียหายยับเยินย่อมเสื่อมราคาลง แม้จะทำการซ่อมแซมอย่างดีแล้วก็ตาม ศาลกำหนดค่าเสื่อมราคาเป็นเงิน 5,000 บาท เป็นการเหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททั้งสองฝ่ายในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ค่าเสียหายตกเป็นพับ
ช.ขับรถยนต์ของโจทก์แซงรถผู้อื่นใกล้กับสี่แยกแล้วขับเข้าไปในบริเวณสี่แยกด้วยความเร็ว นับว่าเป็น การกระทำโดยประมาท สำหรับจำเลยที่ 1เมื่อขับรถมาถึงสี่แยกก็ชอบที่จะลดความเร็วของรถลงและตรวจดูให้ปลอดภัยเสียก่อนที่จะขับรถเข้าไปบริเวณสี่แยกแต่จำเลยที่ 1 กลับขับรถด้วยความเร็วโดยประมาทเข้าไปในสี่แยกที่เกิดเหตุ จึงเกิดชนกับรถยนต์ของโจทก์นับได้ว่าทั้งช.และจำเลยที่ 1 ต่างขับรถด้วยความประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์ของโจทก์และรถยนต์ของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ค่าเสียหายจึงตกเป็นพับทั้งสองฝ่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: การซื้อรถยนต์ที่ได้จากการปล้นในราคาต่ำกว่าตลาด ชี้ความไม่สุจริต
การที่จำเลยที่ 4 อ้างว่าเช่าซื้อรถยนต์ต่อจากผู้เช่าซื้อเดิม โดยชำระเงินดาวน์ ให้ จ. ทันที เป็นเงินถึง 20,000 บาททั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนเช่าซื้อและใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงทั้งยังไม่ทราบว่าคู่สัญญาเดิม จะยอมให้จำเลยที่ 4 เข้าเป็นผู้เช่าซื้อแทนหรือไม่ เป็นการผิดปกติวิสัยที่คนทั่วไปจะทำกัน ไม่มีเหตุผลให้รับฟังได้ นอกจากนั้นในชั้นสอบสวน จำเลยที่ 4 ก็ให้การว่าเป็นการซื้อขายไม่ใช่เช่าซื้อ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 4ซื้อรถยนต์ของผู้เสียหายจากจำเลยที่ 1 ในราคาเพียง 20,000 บาท จำเลยที่ 4 รู้อยู่แล้วว่ารถยนต์คันที่ถูกปล้นราคาที่แท้จริงเป็นจำนวนเท่าใด และรับซื้อไว้ในราคาที่ถูกกว่ากันมาก เป็นการชี้ให้เห็นว่าไม่น่าจะซื้อไว้โดยสุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและฟ้องเคลือบคลุม: การมอบอำนาจและกรรมสิทธิ์รถยนต์
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า รถยนต์แท็กซี่ของโจทก์ที่ถูกชนส่วนไหนของรถที่ได้รับความเสียหาย เสียค่าซ่อมแซมเป็นเงินเท่าใดโจทก์ไม่ต้องกล่าวมาในคำฟ้องว่าชิ้นส่วนของรถที่ได้รับความเสียหายนั้น รายการใดเป็นการเปลี่ยนอุปกรณ์ รายการใดเป็นการซ่อมของเดิม ในแต่ละรายการเป็นเงินเท่าใด รายละเอียดดังกล่าวเป็นเรื่องที่คู่ความนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ที่ 1 ฟ้องแทนโจทก์ที่ 2 และแนบหนังสือมอบอำนาจมาในท้ายฟ้อง โดยหนังสือมอบอำนาจระบุชัดแจ้งว่าโจทก์ที่ 2 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 ฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ แม้หนังสือมอบอำนาจมีโจทก์ที่ 2 ลงชื่อฝ่ายเดียว โจทก์ที่ 1 มิได้ลงชื่อในฐานะผู้รับมอบอำนาจด้วยก็ใช้ได้ เพราะไม่มีกฎหมายบังคับให้ผู้รับมอบอำนาจต้องลงชื่อด้วย รถยนต์แท็กซี่คันเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ซื้อมาก่อนเกิดเหตุโจทก์ที่ 1 จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ แม้โจทก์ที่ 1 จะโอนใส่ชื่อโจทก์ที่ 2 ในทะเบียนเป็นเจ้าของรถยนต์ดังกล่าวเพื่อความจำเป็นในทางธุรกิจกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ก็ยังเป็นของโจทก์ที่ 1 อยู่เพราะทะเบียนรถยนต์มิใช่ทะเบียนกรรมสิทธิ์ โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายรถเช่าซื้อ: โจทก์ต้องพิสูจน์ความเสียหายจากการใช้งานที่ปราศจากความระมัดระวัง
ตามบันทึกการรับรถคันที่เช่าซื้อคืนไม่ปรากฏว่ารถมีความเสียหายเกี่ยวกับเครื่องยนต์ เบรก ช่วงล่าง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและได้ความว่าโจทก์ยึดรถในขณะที่จำเลยที่ 1 นำออกใช้งานตามปกติและรถเพิ่งใช้ได้เพียง 9,000 กิโลเมตร ประกอบกับโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการใช้ปราศจากความระมัดระวัง เยี่ยงวิญญูชน อันเป็นความผิดปกติอย่างไร จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดค่าซ่อมรถต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตและการริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
จำเลยมีไม้ยางแปรรูป ปริมาตร 0.23 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้พ.ศ.2484 มาตรา 48 ที่เป็นความผิดตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองไม้แปรรูปนั้นอยู่ จำเลยได้ใช้รถยนต์ของกลางเป็นพาหนะบรรทุกไม้ดังกล่าวนำไป รถยนต์ของกลางจึงเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด จึงอยู่ในข่ายอันจะพึงริบตามมาตรา 74 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2944/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้แปรรูปผิดกฎหมาย: ศาลฎีกายืนตามศาลล่างว่ารถยนต์เป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิดจึงริบได้
จำเลยมีไม้ยางแปรรูปปริมาตร 0.23 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 ที่เป็นความผิดตลอดเวลาที่จำเลยยังครอบครองไม้แปรรูปนั้นอยู่ จำเลยใช้รถยนต์เป็นพาหนะบรรทุกไม้นำไป รถยนต์จึงเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด อยู่ในข่ายอันจะพึงริบตามมาตรา 74 ทวิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอนสิทธิจากรถยนต์ที่มีเจ้าของเดิม การคิดดอกเบี้ยค่าเสียหาย และอายุความ
โจทก์ตกลงซื้อรถพิพาทจากจำเลยทั้งสอง เมื่อปรากฏว่าขณะที่จำเลยทั้งสองโอนรถพิพาทให้กับโจทก์นั้น บริษัทสยามกลการ จำกัด เป็นเจ้าของรถพิพาท มิใช่จำเลยทั้งสอง ต่อมารถพิพาทถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไปเป็นของกลางเพื่อคืนให้แก่เจ้าของเดิม ถือว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิแล้ว
รถพิพาทถูกยึดไปทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้รถพิพาทได้ นับได้ว่าความเสียหายเกิดขึ้นแก่โจทก์แล้ว โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้นับตั้งแต่วันที่รถพิพาทถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไป และสามารถคิดดอกเบี้ยในค่าเสียหายดังกล่าวได้ ไม่เป็นการคิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อนแต่อย่างใด
โจทก์มีเหตุอันสมควรที่จะคาดคิดได้ว่าถ้าโจทก์ไม่ยอมให้ยึดรถพิพาท โจทก์อาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม กรณีหาใช่เป็นการยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้อง ซึ่งมีอายุความ 3 เดือนดังที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 481 ไม่ ต้องใช้อายุความธรรมดา 10 ปี ตามมาตรา 164
รถพิพาทถูกยึดไปทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้รถพิพาทได้ นับได้ว่าความเสียหายเกิดขึ้นแก่โจทก์แล้ว โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้นับตั้งแต่วันที่รถพิพาทถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไป และสามารถคิดดอกเบี้ยในค่าเสียหายดังกล่าวได้ ไม่เป็นการคิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อนแต่อย่างใด
โจทก์มีเหตุอันสมควรที่จะคาดคิดได้ว่าถ้าโจทก์ไม่ยอมให้ยึดรถพิพาท โจทก์อาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม กรณีหาใช่เป็นการยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้อง ซึ่งมีอายุความ 3 เดือนดังที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 481 ไม่ ต้องใช้อายุความธรรมดา 10 ปี ตามมาตรา 164