พบผลลัพธ์ทั้งหมด 644 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3866/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานลักทรัพย์และรับของโจร: โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่งชัดเจน
ความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรนั้นเป็นความผิดคนละฐานะจะลงโทษคนคนเดียวในเรื่องเดียวกันทั้งสองฐานะด้วยกันไม่ได้คำรับของจำเลยไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าได้ทำผิดฐานใดเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความถึงการทำผิดของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานรับของโจร: รู้ว่าของได้มาจากการลักทรัพย์ ช่วยขนย้ายหวังผลประโยชน์
จำเลยรู้อยู่แล้วว่า จ. ไปลักเครื่องยนต์ของผู้เสียหายมาจำเลยช่วยพาเครื่องยนต์นั้นไปเพื่อหวังว่าจะได้ส่วนแบ่งจากการขายเครื่องยนต์ดังกล่าวจึงมีความผิดฐานรับของโจร.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดทางแพ่งในคดีรับของโจร: การบังคับคดีชำระหนี้เฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์เงินเหรียญของผู้เสียหายรวมเป็นเงิน 110,000 บาท หรือรับของโจรเงินเหรียญของผู้เสียหาย ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจยึดได้จากจำเลยรวมเป็นเงิน22,300 บาท และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 87,700 บาทที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายจำเลยให้การรับสารภาพฐานรับของโจรเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยคงมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 87,700 บาท ตามคำขอท้ายฟ้องแก่ผู้เสียหาย ก็ต้องแปลว่าเป็นคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่จำเลยรับของโจร เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้วย่อมไม่อาจขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้อีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดทางแพ่งในคดีรับของโจร ศาลจำกัดเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผิดอาญา ผู้เสียหายขอบังคับคดีเกินกว่านั้นไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรและขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยคงมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ก็ต้องแปลว่าเป็นคำสั่งให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ในส่วนที่จำเลยรับของโจร เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้ว ย่อมไม่อาจขอให้ยึดทรัพย์ของจำเลยขายทอดตลาดอีกได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2530)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4503/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลลงโทษฐานรับของโจร แม้ฟ้องฐานปล้นทรัพย์ - ข้อเท็จจริงไม่แตกต่างในสาระสำคัญ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่ กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญอันเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4503/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลลงโทษฐานรับของโจร แม้ฟ้องฐานปล้นทรัพย์ และการแก้ไขโทษจำคุกเกินอัตรา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญอันเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4503/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นรับของโจร และการลงโทษเกินอัตราโทษตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานรับของโจรก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในสาระสำคัญอันเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3417/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร แม้ไม่ได้ฎีกาขอลงโทษ ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคสาม
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ ตามฟ้องข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร ซึ่งแม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิดฐานนี้มาด้วย ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยในฐานรับของโจรได้ตามที่พิจารณาได้ความตาม ป.วิ.อ.มาตรา 192 วรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3417/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจร แม้โจทก์ไม่ได้ฎีกาขอโทษฐานนี้
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ ตามฟ้องข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร ซึ่งแม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิดฐานนี้มาด้วย ศาลฎีกาก็มีอำนาจลงโทษจำเลยในฐานรับของโจรได้ตามที่พิจารณาได้ความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายทรัพย์ที่ถูกทิ้งร้าง: ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร หากเชื่อว่าเจ้าของทอดทิ้ง
เครื่องยนต์ ฝาสูบ และหัวสูบน้ำ ของกลางเป็นทรัพย์ที่มีผู้นำมาใช้ทำเหมืองแร่และถูกเผาทิ้งอยู่ในบริเวณเหมืองร้างไม่มีผู้ใดดูแล จำเลยได้ขายเป็นเศษเหล็กให้แก่ ส. เมื่อจำเลยทราบว่าผู้เสียหายกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรของกลางดังกล่าว จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนอันแสดงถึงความสุจริตของจำเลย โดยจำเลยเชื่อว่าของกลางดังกล่าวเจ้าของได้ทอดทิ้ง จำเลยจึงได้ขายเป็นเศษเหล็กแก่ ส. โดยไม่มีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.