คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สละสิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 386 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแถลงของทนายแทนโจทก์มีผลผูกพัน การสืบพยานโจทก์ถือเป็นหน้าที่ของโจทก์ หากไม่มาศาลถือว่าสละสิทธิ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์รอพยานอยู่จนเวลา 10.30 น. พยานโจทก์ก็ยังไม่มาศาล ทนายโจทก์แถลงว่านัดกับ ร. พยานโจทก์แล้วว่าจะมา แต่ไม่มา ไม่ทราบจะทำประการใด ขอให้ศาลสั่งต่อไป ดังนี้เป็นการแถลงของทนายโจทก์ซึ่งมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 เมื่อศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ให้ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไปตามที่จำเลยแถลงขอสืบพยาน จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว การที่วันรุ่งขึ้นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้สืบพยานโจทก์ใหม่ โดยอ้างว่าความจริงในวันนัด ร. มาศาลเมื่อเวลา 10.15 น. แต่มิได้เข้าฟังการพิจารณาเพราะดูในกระดานนัดความของศาลไม่พบชื่อบริษัทโจทก์ ก็จะนำมาลบล้างคำแถลงของทนายโจทก์โดยจำเลยมิได้ยินยอมด้วยไม่ได้ ทั้งเป็นการล่วงเลยเวลาสืบพยานโจทก์ไปแล้ว ไม่มีเหตุที่จะสืบพยานโจทก์ใหม่ ศาลชอบที่จะยกคำร้องของโจทก์เสีย กรณีเช่นนี้ข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ตามคำร้องของโจทก์ชัดแจ้งแล้ว ศาลหาจำต้องไต่สวนคำร้องนั้นอีกไม่ และมาตรา 21 ก็ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องไต่สวนก่อนมีคำสั่ง ทั้งไม่ใช่กรณีที่ศาลไม่ให้โอกาสเต็มที่แก่คู่ความที่จะมาฟังการพิจารณาและใช้สิทธิเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาตามมาตรา 103 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเสร็จและมีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะใช้อำนาจตามมาตรา 243(2) ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อนแล้วสั่งใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนีประนอมยอมความแพ่ง ไม่กระทบสิทธิฟ้องอาญา ต้องมีการสละสิทธิชัดเจน
การประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่ง ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้แสดงความประสงค์ที่จะสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อจำเลยหรือไม่ จะถือว่าสิทธิดำเนินคดีอาญาของโจทก์ระงับไปด้วยหาได้ไม่ การยอมความในคดีแพ่งที่จะมีผลให้คดีอาญาระงับไปนั้น จะต้องเป็นกรณีที่โจทก์ตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อจำเลยด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การรับชำระหนี้หลังกำหนดไม่ถือเป็นการสละสิทธิ การบอกกล่าวหนี้เป็นสำคัญ
ในสัญญาจะซื้อขายที่ดิน ผู้ซื้อชำระเงินไม่ตรงตามงวดแต่ผู้ขายก็รับชำระ ไม่ถือเอากำหนดเวลาผ่อนชำระรายเดือนเป็นสำคัญ แม้จะไม่ชำระราคาที่ดินตามกำหนด ผู้ขายก็ต้องบอกกล่าวให้ชำระหนี้ก่อนเลิกสัญญาตาม มาตรา387 ผู้ขายไม่รับชำระราคาที่ดินจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ผู้ซื้อบังคับให้โอนที่ดินได้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินท้ายฟ้อง จำเลยรับตามนั้น ฟังได้โดยไม่ต้องอาศัยต้นฉบับที่โจทก์ส่งศาลภายหลัง แม้ไม่ปิดอากรแสตมป์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2025/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงสละสิทธิเช่าที่ดินเพื่อขายฝากบ้าน ย่อมผูกพันโจทก์ ห้ามฟ้องรื้อถอนบ้าน
ภรรยาโจทก์เอาบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่โจทก์เช่ามาไปขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด 2 ปี โดยโจทก์กับภรรยาโจทก์บอกจำเลยว่า ถ้าภรรยาโจทก์ไม่ซื้อบ้านคืนภายในกำหนดให้สิทธิการเช่าที่ดินตกเป็นของจำเลย อันเป็นการแสดงเจตนาว่าจำเลยไม่ต้องรื้อถอนบ้านออกไป ดังนี้ เมื่อภรรยาโจทก์ไม่ซื้อบ้านคืนภายในกำหนด โจทก์ก็จะฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินที่โจทก์เช่าไม่ได้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศที่ดินให้วัด และการสละสิทธิในที่ดิน ทำให้ไม่เกิดการรุกล้ำ
โจทก์ฟ้องว่า วัดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้รุกล้ำเข้าไปปลูกสร้างวัดและกำแพงเขตของวัดจำเลยที่ 1 ในที่ดินมีโฉนดของโจทก์กับญาติโดยไม่สุจริต ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยกับบริวารให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปและคืนที่ดินให้โจทก์ ทางพิจารณาฟังได้ว่า โจทก์ได้อุทิศที่พิพาทให้แก่วัดจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ก่อนวัดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ลงมือสร้างวัดจำเลยที่ 1 ขึ้นใหม่ดังนี้ กรณีไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 ดังฎีกาของโจทก์ และเมื่อวัดจำเลยที่ 1 วางศิลาฤกษ์ สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ อาคารถาวร โจทก์ทราบและไม่คัดค้าน แสดงว่าโจทก์ยินยอมให้วัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 กระทำเช่นนั้น ฟังได้ว่าโจทก์ได้สละที่พิพาทให้แก่วัดจำเลยที่ 1 แล้ว ยังฟังไม่ได้ว่าวัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้รุกล้ำเข้าไปปลูกสร้างวัดและกำแพงเขตวัดจำเลยที่ 1 ในที่ดินของโจทก์กับญาติโดยไม่สุจริต รูปคดีกลับเชื่อว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องจำเลยโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศที่ดินให้วัดและการสละสิทธิในที่ดินโดยปริยาย
โจทก์ฟ้องว่า วัดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้รุกล้ำเข้าไปปลูกสร้างวัดและกำแพงเขตของวัดจำเลยที่ 1 ในที่ดินมีโฉนดของโจทก์กับญาติโดยไม่สุจริต ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยกับบริวารให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปและคืนที่ดินให้โจทก์ ทางพิจารณาฟังได้ว่าโจทก์ได้อุทิศที่พิพาทให้แก่วัดจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ก่อนวัดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ลงมือสร้างวัดจำเลยที่ 1 ขึ้นใหม่ดังนี้ กรณีไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 525 ดังฎีกาของโจทก์ และเมื่อวัดจำเลยที่ 1 วางศิลาฤกษ์ สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญอาคารถาวรโจทก์ทราบและไม่คัดค้าน แสดงว่าโจทก์ยินยอมให้วัดจำเลยที่ 1 จำเลย ที่ 2 กระทำเช่นนั้น ฟังได้ว่าโจทก์ได้สละที่พิพาทให้แก่วัดจำเลยที่ 1 แล้ว ยังฟังไม่ได้ว่าวัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้รุกล้ำเข้าไปปลูกสร้างวัดและกำแพงเขตวัดจำเลยที่ 1 ในที่ดินของโจทก์กับญาติโดยไม่สุจริต รูปคดีกลับเชื่อว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องจำเลยโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2517 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษา การไม่โต้แย้งในชั้นศาลทำให้สละสิทธิในชั้นฎีกา
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาคดีไม่ครบองค์คณะและจำเลยมีโอกาสบริบูรณ์ที่จะคัดค้านได้ตั้งแต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่นั้น แต่จำเลยละเลยเสีย มิได้โต้แย้งคัดค้านในเวลาอันสมควร ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธินั้นแล้วจะยกขึ้นโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 938/2472, 535/2480)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษา: จำเลยต้องโต้แย้งตั้งแต่ศาลชั้นต้น
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาคดีไม่ครบองค์คณะและจำเลยมีโอกาสบริบูรณ์ที่จะคัดค้านได้ตั้งแต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่นั้น แต่จำเลยละเลยเสีย มิได้โต้แย้งคัดค้านในเวลาอันสมควร ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธินั้นแล้ว จะยกขึ้นโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 938/2472,535/2480)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1903/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่คัดค้านองค์คณะไม่ครบถ้วนในชั้นศาลชั้นต้น ถือเป็นการสละสิทธิ โต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้
การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาคดีไม่ครบองค์คณะ.และจำเลยมีโอกาสบริบูรณ์ที่จะคัดค้านได้ตั้งแต่ในขณะที่ศาลชั้นต้นกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่นั้น แต่จำเลยละเลยเสีย. มิได้โต้แย้งคัดค้านในเวลาอันสมควร. ถือได้ว่าจำเลยสละสิทธินั้นแล้ว. จะยกขึ้นโต้แย้งในชั้นฎีกาไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 938/2472,535/2480).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686-1689/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การจัดสรรที่ดินโดยรัฐและการสละสิทธิโดยปริยาย
โจทก์เข้าครอบครองที่พิพาทโดยทางราชการจัดสรรให้ตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 30 และได้รับใบจองแล้ว แม้จำเลยจะได้ยึดถือครอบครองที่พิพาทอยู่ก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน จำเลยก็ไม่มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน และพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ.2497 มาตรา 5 ให้ถือว่าจำเลยมีเจตนาสละสิทธิครอบครองที่ดินนั้นแล้ว สิทธิของจำเลยหากจะดีกว่าผู้อื่นทั่วๆไป ก็หาอาจใช้ยันโจทก์ผู้ได้รับสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินโดยชอบแล้วไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกไปจากที่พิพาทได้
of 39