คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิในที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 460 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2675/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินมรดกที่แบ่งโดยเจตนาของผู้ตาย การฟ้องแย่งคืนโฉนดจากผู้รับโอนจากการกระทำของผู้จัดการมรดก
โจทก์บรรยายฟ้องความว่า ที่ดินตามโฉนดทั้งสามฉบับจะ ต้องตกได้แก่โจทก์ทั้งสามตามลำดับตามคำสั่งของนางผิวจำเลยขอยืมโฉนดที่ดินดังกล่าวไปจากนายเงินผู้จัดการมรดกเพื่อนำไปค้ำประกันเงินกู้ จำนอง และจำนำต่อธนาคารและเอกชนแล้วไม่คืนให้ดังนี้ ที่ดินตามโฉนดดังกล่าวเป็นมรดก ของนางผิวนิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นทายาทกับ นายเงินซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก มีความผูกพันกันในฐานะตัวการกับตัวแทน เมื่อนายเงินซึ่งเป็นตัวแทนให้จำเลยยืมโฉนดที่ดินไป แล้วไม่เรียกคืน โจทก์ซึ่งเป็นตัวการย่อมมีสิทธิติดตามและเอาโฉนดที่ดินคืนจากจำเลยได้โจทก์จึง มีอำนาจฟ้อง แม้ที่ดินที่นางผิวจดทะเบียนรับโอนมรดกจากนายเชยเป็น สินสมรสระหว่างนายเงินกับนางผิว แต่นางผิวได้สั่งด้วย วาจาแบ่งที่ดินให้บุตรทั้งแปดคนโดยกำหนดว่าที่ดินแปลงใดและตอนใดได้แก่บุตรคนใด โดยสั่งไว้ก่อนนางผิวถึงแก่กรรมกว่า 10 ปี โดยความเห็นชอบของนายเงินจาก นั้นบุตรทุกคนต่างเข้าครองที่ดินส่วนของตนตลอดมาโจทก์ทั้งสามจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ได้รับแบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เมื่อที่ดินซึ่งโจทก์ทั้งสามครอบครองอยู่ตรงกับโฉนดเลขที่ 15338,15339และ 8104 ตามลำดับ นายเงินก็ไม่มีสิทธิโอนที่ดินตามโฉนดดังกล่าวให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3016/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบเมื่อไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เรื่องอายุความก่อนอ้างสิทธิในที่ดิน
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้หลังจากจำเลยที่ 1 ได้แย่งการครอบครองของโจทก์ไปเกินกว่า 1 ปีแล้ว โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวว่าไม่ถูกต้องอย่างไร กลับฎีกาว่าที่นาพิพาทเป็นของโจทก์เพราะพยานหลักฐานและเหตุผลอื่น ดังนี้ ฎีกาของโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบหรือผิดพลาดอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1232/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงคำขอทางสิทธิในที่ดิน: โจทก์ต้องอุทธรณ์หากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางจำเป็นและเป็นทางภารจำยอมเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่เป็นทางภารจำยอม แต่เป็นทางจำเป็น จึงพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปิดกั้นทางพิพาทคำขออื่นๆ ให้ยก หากโจทก์เห็นว่าโจทก์ได้สิทธิทางภารจำยอม โจทก์ก็จะต้องอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าวินิจฉัยไม่ถูกต้องอย่างไร แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ เพียงแก้อุทธรณ์และขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมด้วย ฉะนั้นประเด็นในเรื่องทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาให้ศาลฎีกาวินิจฉัยได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันตามกฎหมาย แม้มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิในที่ดินภายหลัง
จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ต่อศาลและศาลได้ พิพากษาตามยอมแล้ว ว่าจำเลยจะออกจากห้องพิพาทภายในกำหนด สองปี เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออกไป ถือว่าจำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอยู่ใน ห้องพิพาทต่อไป ส่วนการที่จำเลยได้รับอนุมัติจากกรมการศาสนาซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ห้องพิพาทตั้งอยู่ให้เช่าที่ดินได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะกล่าวอ้างมา เพื่อไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231-2232/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิในที่ดินของตนเองไม่ถือเป็นการละเมิด แม้จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น หากไม่มีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อ
จำเลยปลูกสร้างตึกแถว 3 ชั้นครึ่ง เพื่อขายพร้อมที่ดิน โดยด้านหลังของตึกแถวหันเข้าหาด้านหลังตึกแถวของโจทก์ แต่เว้นช่องว่างด้านหลังอาคารไม่ถึง 2 เมตรตามแบบแปลน จำเลยได้ก่อสร้างกำแพงติดผนังตึกห้องครัวโจทก์ด้านหลังและด้านข้าง และเทพื้นคอนกรีตสูงขึ้น ทำให้ประตูครัวด้านหลัง และประตูด้านข้างตึกแถวโจทก์ปิดเปิดไม่ได้ ทั้งช่องลมห้องครัวด้านหลังถูกปิดด้วยนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำลงในที่ดินส่วนของจำเลยเอง เป็นการใช้สิทธิเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยทรัพย์สินของจำเลยโดยตรง มิใช่เป็นเรื่องจงใจหรือ ประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมาย ทั้งรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยไม่สุจริตกลั่นแกล้งใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทำละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินโดยการต่อเติมอาคาร การครอบครองโดยอาศัยสิทธิเจ้าของเดิม และสิทธิในที่ดิน
ตึกแถวของโจทก์และของจำเลยอยู่ติดกัน ที่ดินและตึกแถวทั้งสองห้องนี้เดิมเป็นของเจ้าของคนเดียวกันโจทก์จำเลยต่างก็เช่าตึกแถวจากเจ้าของเดิม ระหว่างที่เช่าอยู่นั้นจำเลยได้ต่อเติมห้องน้ำห้องครัวที่ด้านหลังของตึกแถว โดยเจ้าของที่ดินคนเดิมรู้เห็นยินยอมต่อมาโจทก์จำเลยต่างก็ซื้อที่ดินและตึกแถวมาเป็นกรรมสิทธิ์ ปรากฏว่าที่ดินส่วนที่จำเลยต่อเติมเป็นห้องน้ำห้องครัวนั้นอยู่ในโฉนดที่โจทก์ซื้อ จำเลยเพิ่งครอบครองที่ดินดังกล่าวของโจทก์มาเพียง 2 ปี จึงหามีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ โจทก์จึงมีสิทธิบังคับให้จำเลยรื้อถอนห้องน้ำห้องครัวออกจากที่ดินโจทก์ได้ เพราะการก่อสร้างต่อเติมห้องน้ำห้องครัวนั้นก็โดยอาศัยสิทธิของเจ้าของเดิมไม่ใช่เข้าไปก่อสร้างโดยไม่รู้ว่าที่ดินนั้นเป็นของเจ้าของเดิม อันจะถือได้ว่าเป็นการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตามมาตรา 1312 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3429/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีรื้อถอนอาคารรุกล้ำทางน้ำชลประทาน แม้มีข้อพิพาทเรื่องสิทธิในที่ดิน
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไปจากเขตชลประทาน คำพิพากษาดังกล่าวเป็นยุติว่าที่พิพาทเป็นทางน้ำชลประทาน จำเลยถูกผูกพันมิให้โต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นของผู้อื่น จำเลยไม่สามารถแสดงข้อแก้ตัวที่จะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงมีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งจับกุมและกักขังจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3093/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องทุกข์ฐานบุกรุกและสิทธิในที่ดิน: แม้มีการผ่อนผันก็ไม่ถือเป็นการยินยอม และการใช้ประโยชน์ต่อเนื่องย่อมแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของ
เมื่อข้อความในบันทึกตามรายงานประจำวันแสดงถึงเจตนาของโจทก์กับพวกจะว่ากล่าวเอาผิดฐานบุกรุกแก่จำเลยแล้ว ก็ถือได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมได้ร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว แม้จะมีข้อความว่าโจทก์กับพวกผ่อนผันให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปภายในกำหนด 2 เดือนก็ตาม ก็เป็นเพียงรอการดำเนินคดีไว้เท่านั้น หาใช่โจทก์ยินยอมไม่เอาความกับจำเลยต่อไปแต่ประการใดไม่
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทยังเป็นของโจทก์กับพวกอยู่ แม้น้ำจะเซาะที่ดินโจทก์กับพวกตรงที่พิพาทจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์กับพวกก็ยังใช้สิทธิเป็นเจ้าของโดยใช้เป็นทางเข้าออกอยู่ มิได้ทอดทิ้งให้เป็นที่สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ที่พิพาทจึงไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาคดีก่อน: ห้ามจำเลยโต้แย้งสิทธิในที่ดินหลังศาลตัดสินแล้ว
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่าที่ดินพิพาทคดีนี้เป็นของจำเลย ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ดังนี้ จำเลยจะต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยอีกไม่ได้เพราะผลแห่งคำพิพากษาคดีก่อนผูกพันจำเลยมิให้โต้แย้งเป็นอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา145

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2761/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำและการผูกพันตามคำพิพากษาเดิม กรณีครอบครองปรปักษ์และสิทธิในที่ดิน
ในคดีก่อน จำเลยที่ 2 ฟ้องขับไล่โจทก์ทั้งสอง มีประเด็นว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินโฉนดที่ 1238 โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตหรือไม่โจทก์ทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์หรือไม่ และยกเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 2 ได้หรือไม่อันเป็นประเด็นเดียวกับประเด็นในคดีนี้ เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีก่อนว่าโจทก์ทั้งสองได้ที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนการได้มาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินโดยไม่สุจริต หรือจดทะเบียนโดยไม่สุจริตโจทก์ทั้งสองยกขึ้นต่อสู้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ดังนี้ฟ้องโจทก์คดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อนและคำพิพากษาคดีก่อนก็ผูกพันจำเลยที่ 2 และโจทก์ทั้งสองว่าที่พิพาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ 1238 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วโจทก์อ้างในคดีนี้ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง และไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาขายที่ดิน โฉนดที่ 1238 อันกระทบถึงสิทธิของจำเลย
of 46