พบผลลัพธ์ทั้งหมด 340 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928-1931/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของนิติบุคคล, หนังสือมอบอำนาจ, การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, และการตัดพยาน: หลักเกณฑ์ตามกฎหมาย
การเป็นนิติบุคคลประเภทหุ้นส่วนบริษัทและอำนาจของผู้แทนนิติบุคคลนั้น นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจะต้องแต่งย่อรายการซึ่งได้ลงทะเบียนส่งไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาและถือว่าเป็นอันรู้แก่บุคคลทั้งปวงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1021 และ 1022จำเลยให้การแต่เพียงว่าโจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่และบ.จะเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนตามฟ้องหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่รับรองคำให้การของจำเลยเป็นการฝ่าฝืน ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดตามกฎหมายจึงไม่เป็นประเด็นที่โจทก์ จะต้องนำสืบ การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ทราบไม่รับรองมิใช่เป็นการปฏิเสธความแท้จริงของใบมอบอำนาจ การที่จำเลยไม่ทราบไม่ใช่เหตุที่จะทำให้หนังสือมอบอำนาจของโจทก์เสียไป และที่จำเลยไม่รับรองก็ไม่ปรากฏเหตุผลจึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ศ.มีอำนาจบอกกล่าวฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหาย ผู้เช่าที่ดินผู้เช่าอาคารและผู้อยู่อาศัยในที่ดินโฉนดเลขที่ 3997เลขที่ดิน 72 เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวที่พิพาทซึ่ง ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวศ.ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยแทน โจทก์โดยโจทก์หาจำต้องระบุชื่อผู้ที่จะถูกฟ้องในหนังสือมอบอำนาจด้วยไม่ เอกสารการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและตึกแถวเป็นเอกสารมหาชนซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของจำเลย ที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันจะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารจำเลยไม่มีพยานหลักฐานอย่างใดดังนั้นเมื่อโจทก์นำสืบผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนประกอบ เอกสารการจดทะเบียนซื้อขายก็เป็นการเพียงพอแล้วไม่จำต้องนำสืบกรรมการของโจทก์หรือผู้ขาย หรือเจ้าพนักงานผู้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104 ศาลมีอำนาจเต็มที่ในอันที่จะวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่คู่ความนำมาสืบนั้นจะเกี่ยวกับประเด็นและเป็นอันเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ แล้วพิพากษาคดีไปตามนั้นเมื่อศาลสืบพยานจำเลยในเรื่องค่าเสียหายไปบ้างแล้วจึงสั่งตัดพยาน จำเลยดังนี้ เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่ใช่เอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9)
หนังสือมีข้อความว่า โจทก์มอบให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจจัดการให้กรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในฐานะตนเองและเป็นตัวแทนอีกฝ่ายหนึ่งได้ เป็นเพียงเอกสารที่โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยมีอำนาจทำนิติกรรมแทนโจทก์เท่านั้น ไม่เป็นเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิ จึงไม่เป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) แม้จำเลยกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจที่มีลายมือชื่อโจทก์โดยโจทก์ไม่ ยินยอม ก็ไม่มีความผิดตามมาตรา 265
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ: การเบิกความยืนยันของตัวแทนเพียงพอรับฟังได้ แม้ผู้มอบอำนาจมิได้เบิกความ
เมื่อผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเบิกความยืนยันว่า หนังสือมอบอำนาจมีลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงชื่อแทนและประทับตราสำคัญของนิติบุคคลถูกต้อง แม้ผู้มอบอำนาจมิได้มาเบิกความ ก็เพียงพอให้รับฟังว่าได้มีการมอบอำนาจกันจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี: พยานเบิกความยืนยันหนังสือมอบอำนาจเพียงพอต่อการรับฟัง
เมื่อผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเบิกความยืนยันว่าหนังสือมอบอำนาจมีลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงชื่อแทนและประทับตราสำคัญของนิติบุคคลถูกต้อง แม้ผู้มอบอำนาจมิได้มาเบิกความก็เพียงพอให้รับฟังว่าได้มีการมอบอำนาจกันจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจในการยื่นคำร้องขอคืนของกลางต้องระบุชัดเจนในหนังสือมอบอำนาจ การมอบอำนาจให้รับของกลางจากพนักงานสอบสวนไม่ครอบคลุมถึงการดำเนินคดีต่อศาล
หนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้องมีข้อความว่า ".....ให้มีอำนาจในการขอรับเอารถยนต์ไถนาคันดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนได้....ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้รับรถไถจากพนักงานสอบสวน มิได้มีการมอบอำนาจให้มายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอคืนรถไถของกลาง เมื่อ ก. เจ้าของรถไถมิได้มอบอำนาจให้ ค. ยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอรถไถของกลางคืน ค. จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2696/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องร้องขอคืนของกลาง: หนังสือมอบอำนาจต้องระบุชัดเจนถึงการดำเนินคดีต่อศาล
หนังสือมอบอำนาจท้ายคำร้องมีข้อความว่า.'.....ให้มีอำนาจในการขอรับเอารถยนต์ไถนาคันดังกล่าวจากพนักงานสอบสวนได้....ฯลฯ' เป็นการมอบอำนาจให้รับรถไถจากพนักงานสอบสวนมิได้มีการมอบอำนาจให้มายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอคืนรถไถของกลาง เมื่อ ก. เจ้าของรถไถมิได้มอบอำนาจให้ ค. ยื่นคำร้องหรือดำเนินคดีต่อศาลเพื่อขอรถไถของกลางคืน ค. จึงไม่มีอำนาจมายื่นคำร้องหรือดำเนินคดีนี้ต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3220/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจใช้เป็นหลักฐานได้หากปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าถูกต้อง แม้สำเนาแรกจะไม่มี
แม้สำเนาหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ท้ายฟ้องซึ่งเป็นภาพถ่ายจากต้นฉบับ ไม่มีอากรแสตมป์ติดอยู่ด้วยในขณะยื่นฟ้อง แต่ต้นฉบับที่ส่งศาลในวันสืบพยานได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนและขีดฆ่าแล้ว ดังนี้ หนังสือดังกล่าวย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ผู้รับมอบอำนาจจึงมีอำนาจฟ้องแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, ดอกเบี้ย, การบอกกล่าวบังคับจำนอง: การใช้สิทธิเรียกร้องหนี้และการบังคับหลักประกัน
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ มีโนตารี่พับลิคแห่งมลรัฐนิวยอร์คลงนามเป็นพยาน และผู้รับมอบอำนาจเบิกความว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจของธนาคารโจทก์ กรณีจึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมิใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 แม้โจทก์จะไม่นำพยานที่รู้เห็นเกี่ยวกับเอกสารนี้มาสืบ ก็ไม่เป็นเหตุถึงกับให้ฟังว่าใบมอบอำนาจของโจทก์มิใช่ใบมอบอำนาจที่แท้จริง
ตามหนังสือรับรองการขอเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ ได้กำหนดเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่าจำเลยที่ 1 จะจ่ายให้โจทก์เป็นรายเดือนสำหรับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีไปตามอัตราที่โจทก์จะกำหนดขึ้นไว้ และอยู่ในบังคับที่จะเปลี่ยนแปลงได้เป็นคราว ๆ ตามดุลพินิจของโจทก์ และโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละสิบสามครึ่งต่อปีตลอดมา จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2518 หลังจากนั้นได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือร้อยละสิบสองครึ่งต่อปี ถือได้ว่าดอกเบี้ยที่จำเลยที่ 1 จะต้องเสียให้แก่โจทก์ได้กำหนดอัตราไว้โดยนิติกรรมแล้วตามดุลพินิจของโจทก์ เมื่อดอกเบี้ยที่โจทก์กำหนดไม่เกินอัตราตามกฎหมาย ย่อมใช้บังคับได้
การกู้เบิกเงินเกินบัญชีที่มิได้กำหนดเวลาให้ชำระหนี้ไว้โดยแน่นอน เพียงแต่การที่โจทก์ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานมา ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่บอกกล่าวครั้งแรกถึงครั้งสุดท้ายเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน และก่อนจะมีหนังสือบอกกล่าวครั้งสุดท้าย ฝ่ายโจทก์นัดให้จำเลยมาเจรจาเรื่องการชำระหนี้ 2 ครั้ง แต่จำเลยไม่สามารถชำระได้ ถือว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้ว
ตามหนังสือรับรองการขอเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ ได้กำหนดเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่าจำเลยที่ 1 จะจ่ายให้โจทก์เป็นรายเดือนสำหรับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีไปตามอัตราที่โจทก์จะกำหนดขึ้นไว้ และอยู่ในบังคับที่จะเปลี่ยนแปลงได้เป็นคราว ๆ ตามดุลพินิจของโจทก์ และโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละสิบสามครึ่งต่อปีตลอดมา จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2518 หลังจากนั้นได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือร้อยละสิบสองครึ่งต่อปี ถือได้ว่าดอกเบี้ยที่จำเลยที่ 1 จะต้องเสียให้แก่โจทก์ได้กำหนดอัตราไว้โดยนิติกรรมแล้วตามดุลพินิจของโจทก์ เมื่อดอกเบี้ยที่โจทก์กำหนดไม่เกินอัตราตามกฎหมาย ย่อมใช้บังคับได้
การกู้เบิกเงินเกินบัญชีที่มิได้กำหนดเวลาให้ชำระหนี้ไว้โดยแน่นอน เพียงแต่การที่โจทก์ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานมา ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่บอกกล่าวครั้งแรกถึงครั้งสุดท้ายเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน และก่อนจะมีหนังสือบอกกล่าวครั้งสุดท้าย ฝ่ายโจทก์นัดให้จำเลยมาเจรจาเรื่องการชำระหนี้ 2 ครั้ง แต่จำเลยไม่สามารถชำระได้ ถือว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่สมบูรณ์เนื่องจากขาดอากรแสตมป์ ทำให้ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
ใบมอบอำนาจของโจทก์เป็นตราสารที่มีบุคคล 31 คน รวมทั้งโจทก์ 27 คนมอบอำนาจให้ ป. กระทำการแทนหลายอย่างคือ ร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีอาญา ฟ้องหรือต่อสู้คดีอาญาฟ้องหรือต่อสู้คดีแพ่ง และกิจการอื่นอีกหลายประการโดยไม่จำกัดว่าเป็นกรณีเกี่ยวกับเรื่องใดโดยเฉพาะ ปิดอากรแสตมป์ 165 บาท ตราสารดังกล่าวเป็นตราสารมอบอำนาจทั่วไป ต้องปิดอากรแสตมป์ 10 บาท และผู้มอบอำนาจทั้งหมดมิใช่ผู้มีอำนาจร่วมกันในกิจการที่มอบอำนาจ แม้มอบอำนาจในตราสารฉบับเดียวกันก็ต้องคิดตามรายบุคคลตราสารฉบับนี้จึงต้องปิดอากรแสตมป์ 310 บาท เมื่อปิดมาเพียง 165 บาท จึงไม่บริบูรณ์ ต้องห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3246/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องรวมในหนังสือมอบอำนาจ: ไม่จำกัดเฉพาะคู่ความที่ระบุ
ช.ผู้รับมอบอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ย่อมมีความหมายรวมอยู่ในอำนาจที่โจทก์มอบให้ ช.ดำเนินคดีแพ่งทั้งปวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินตามฟ้อง ดังที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจ ไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องใครโดยชัดแจ้งทุกรายไป