คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เจตนาฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1516/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงปืน: ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการทำร้ายร่างกายเพื่อป้องกันตัว
จำเลยถูก ส. ผู้เสียหายคนหนึ่งด่า จำเลยจึงกลับไปพาพวกมายังที่กลุ่มผู้เสียหายนั่งอยู่และตะโกนถามหาผู้ด่าจำเลย ส. และพวกอีกคนหนึ่งจะเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยชักอาวุธปืนที่พกติดตัวออกมาจ้องสาดไปยังกลุ่มผู้เสียหาย ส.ซึ่งอยู่ห่างจำเลยประมาณ 2 เมตร ใช้เหล็กฉากขว้างจำเลยแต่ไม่ถูก ขณะนั้นพวกของส. พากันวิ่งหนีเอาตัวรอด จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงในลักษณะกราดไปมาป้องกันไม่ให้ใครเข้าหาจำเลยและไม่ให้ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก เช่นนี้ เหตุที่เกิดเพราะ ส. ไปด่าจำเลยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ถึงกับจะเป็นสาเหตุให้จำเลยคิดฆ่าพวกผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาอาวุธปืนจ้องไปทางกลุ่มผู้เสียหายก็เพื่อแสดงอำนาจให้พวกผู้เสียหายเกรงกลัว และที่จำเลยยิงก็เป็นการตอบโต้ที่ถูกฝ่ายผู้เสียหายด่าและป้องกันไม่ให้ ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก ขณะที่ยิง จำเลยก็อยู่ห่าง ส. ประมาณ 2 เมตร และห่างกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 4 เมตร เท่านั้น กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกเพียงนิ้วเท้าของ ส. ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยยิงไปยังกลุ่มผู้เสียหายหรือในทิศทางที่กลุ่มผู้เสียหายวิ่งหนี พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือพวกของผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1516/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงปืนป้องกันตัว: ศาลฎีกาวินิจฉัยพฤติการณ์ยิงเพื่อป้องกัน ไม่ถือเป็นเจตนาฆ่า
จำเลยถูก ส. ผู้เสียหายคนหนึ่งด่า จำเลยจึงกลับไปพาพวกมายังที่กลุ่มผู้เสียหายนั่งอยู่และตะโกนถามหาผู้ด่าจำเลยส. และพวกอีกคนหนึ่งจะเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยชักอาวุธปืนที่พกติดตัวออกมาจ้องสาดไปยังกลุ่มผู้เสียหายส. ซึ่งอยู่ห่างจำเลยประมาณ 2 เมตร ใช้เหล็กฉากขว้างจำเลยแต่ไม่ถูก ขณะนั้น พวกของ ส. พากันวิ่งหนีเอาตัวรอด จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงใน ลักษณะกราดไปมาป้องกันไม่ให้ใครเข้าหาจำเลยและไม่ให้ ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก เช่นนี้ เหตุที่เกิดเพราะ ส. ไปด่าจำเลยก่อนซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ถึงกับจะเป็นสาเหตุให้จำเลยคิดฆ่าพวกผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาอาวุธปืนจ้องไปทางกลุ่มผู้เสียหายก็เพื่อแสดงอำนาจให้พวกผู้เสียหายเกรงกลัว และที่จำเลยยิงก็เป็นการ ตอบโต้ที่ถูกฝ่ายผู้เสียหายด่าและป้องกันไม่ให้ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก ขณะที่ยิง จำเลยก็อยู่ห่าง ส. ประมาณ 2 เมตรและห่างกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 4 เมตร เท่านั้น กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกเพียงนิ้วเท้าของ ส. ทั้งไม่ปรากฏว่า จำเลยยิงไปยังกลุ่มผู้เสียหายหรือในทิศทางที่กลุ่มผู้เสียหายวิ่งหนี พฤติการณ์ ดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือพวกของผู้เสียหายจำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการไล่แทงด้วยมีดแหลมและการกระทำต่อเนื่องบ่งชี้ถึงเจตนาทำร้ายถึงชีวิต
จำเลยมีปากเสียงกับผู้เสียหาย แล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมตัวมีดยาว 6 นิ้ว วิ่งไล่แทงผู้เสียหายเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตร เมื่อทันกันและผู้เสียหายล้ม จำเลยจึงแทงผู้เสียหายโดยแรงด้วยมีดที่หน้าอก 2-3 ครั้ง แต่ไม่ถูกเนื่องจากผู้เสียหายใช้กระดานไม้อัดปิดป้องและดันจำเลยออกไป การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวถึง 6 นิ้ว เลือกแทงหน้าอกผู้เสียหายและแทงอย่างซ้ำซ้อนเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยแทงไม่ถูกเพราะผู้เสียหายปิดป้องได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1415/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการไล่แทงซ้ำๆ ด้วยอาวุธมีดอันตราย แม้ไม่สำเร็จก็เป็นความพยายามฆ่า
จำเลยมีปากเสียงกับผู้เสียหาย แล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมตัวมีดยาว 6 นิ้ว วิ่งไล่แทงผู้เสียหายเป็นระยะทางประมาณ 100 เมตรเมื่อทันกันและผู้เสียหายล้ม จำเลยจ้วงแทงผู้เสียหายโดยแรง ด้วยมีดที่หน้าอก 2-3 ครั้งแต่ไม่ถูกเนื่องจากผู้เสียหายใช้กระดาน ไม้อัดปิดป้องและดันจำเลยออกไป การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวถึง 6 นิ้ว เลือกแทงหน้าอกผู้เสียหายและแทงอย่างซ้ำซ้อนเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยแทงไม่ถูกเพราะผู้เสียหายปิดป้องได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงในระยะใกล้ชิดกับเจตนาฆ่า: พฤติการณ์และการพิจารณาจากบาดแผลและคำเบิกความ
แพทย์เบิกความว่าบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับนอกจากจะพบหัวกระสุนปืนแล้วยังพบหมอนรองกระสุนปืนฝังอยู่ในบาดแผลด้วยแสดงว่าคนร้ายยิงผู้เสียหายในระยะใกล้ชิดมาก ซึ่งรับกับคำของผู้เสียหายว่าเห็นจำเลยเดินค่อมๆใช้มือไขว้หลังเดินมาทางด้านหลังผู้เสียหายแล้วใช้ปืนยิงห่างจากผู้เสียหายประมาณ1 เมตรเช่นนี้ คำเบิกความของผู้เสียหายรับฟังได้ เพราะหากมิได้ยิงในระยะใกล้หมอนรองกระสุนซึ่งมีน้ำหนักเบาคงไม่เข้าไปฝังอยู่ในบาดแผล
จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นซึ่งเป็นอาวุธที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้ยิงผู้เสียหายในระยะกระชั้นชิด แม้กระสุนถูกขาผู้เสียหาย แต่ก็เนื่องจากผู้เสียหายระวังตัวอยู่ก่อนและหลบได้ทัน กระสุนจึงพลาดจากตัวไปถูกขา เช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาโจทก์อ้างเจตนาฆ่า แต่ศาลไม่รับวินิจฉัย เพราะเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงตามดุลพินิจของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ศาลชั้นต้นฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันแต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะและจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา290,72 ดังนี้ ศาลล่างทั้งสองต่างยกฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์ที่ว่าพยานหลักฐานฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายขอให้ลงโทษตามฟ้องนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากบาดแผลสาหัส: พฤติการณ์การทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายบ่งชี้เจตนา แม้ผลไม่สำเร็จ
จำเลยใช้มีดดาบปลายแหลม ด้ามยาว 23 เซนติเมตร ตัวมีดยาว 52เซนติเมตรและกว้าง 4 เซนติเมตร ฟันผู้เสียหายประมาณ 7-8 ทีมือซ้ายผู้เสียหายถูกฟันเกือบขาด บาดแผลที่แก้มยาวประมาณ5 นิ้ว บาดแผลที่หู 2 แผล (หูฉีกขาดแยกออกจากกัน) อาการสาหัสแพทย์ผ่าตัดฉุกเฉินให้ผู้เสียหายใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จจากลักษณะบาดแผลดังกล่าวแสดงว่าจำเลยฟันผู้เสียหายอย่างแรงหลายทีหากผู้เสียหายไม่ยกมือขึ้นปิดป้องคมมีดที่จำเลยฟันมาอย่างแรง คมมีดอาจผ่านกะโหลกศีรษะเข้าไปถึงสมองทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้หรือหากผู้เสียหายไม่ได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ทันท่วงที ผู้เสียหายคงถึงแก่ความตายเนื่องจากผลแห่งการกระทำของจำเลย กรณีเช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิด กรณีใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยไม่มีเจตนาและไม่ได้ร่วมกระทำความผิด
จำเลยกับพวกพากันไปที่บ้านผู้ตายเพื่อต่อว่าน้องของผู้ตายไม่ได้มีเจตนาจะไปฆ่าใคร น้องของผู้ตายออกจากบ้านมาชกต่อยกับ ล.พวกของจำเลย จำเลยกับคนอื่นเพียงแต่ยืนดูเฉย ๆ เมื่อผู้ตายออกจากบ้านเดินเข้าไปที่คู่ต่อสู้ จำเลยก็เพียงแต่ชักอาวุธปืนออกมาขู่ไม่ให้ผู้ตายเข้าไปช่วยน้องเท่านั้น หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็คงยิงผู้ตายตั้งแต่ผู้ตายออกจากบ้านแล้วการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการกระทำของ ล.แต่ผู้เดียว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการร่วมกระทำความผิด: จำเลยเพียงขู่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการยิง
จำเลยกับพวกพากันไปที่บ้านผู้ตายเพื่อต่อว่าน้องของผู้ตายไม่ได้มีเจตนาจะไปฆ่าใคร น้องของผู้ตายออกจากบ้านมาชกต่อยกับล.พวกของจำเลย จำเลยกับคนอื่นเพียงแต่ยืนดูเฉย ๆ เมื่อผู้ตายออกจากบ้านเดินเข้าไปที่คู่ต่อสู้ จำเลยก็เพียงแต่ชักอาวุธปืนออกมาขู่ไม่ให้ผู้ตายเข้าไปช่วยน้องเท่านั้น หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็คงยิงผู้ตายตั้งแต่ผู้ตายออกจากบ้านแล้วการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการกระทำของล.แต่ผู้เดียว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5402/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกับผู้อื่น แม้ไม่มีการตกลงกันไว้ก่อน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาชัดเจน
ผู้ตายด่า ล. และจำเลยก่อน ล. จึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแม้จำเลย จะไม่ได้พูดจาตกลงกับ ล. ในการที่จะฆ่าผู้ตาย แต่เมื่อ ล. ยิงผู้ตาย ล้มลงแล้ว จำเลยได้วิ่งเข้ามาใช้มีดแทงผู้ตายที่หน้าอกระหว่างนม เป็นบาดแผลกว้าง 1 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร ลึก 2 เซนติเมตรครึ่ง ในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่ผู้ตายถูกยิง และพูดในลักษณะที่มีความประสงค์จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแสดงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับ ล. ในการที่จะฆ่าผู้ตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับ ล. ฆ่าผู้ตาย
of 78