พบผลลัพธ์ทั้งหมด 638 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4939/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่มีอำนาจฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาตามที่จำเลยขอ แม้ไม่เห็นพ้องกับเหตุผล
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ไม่ริบรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางตามประสงค์ของจำเลยซึ่งเท่ากับจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในชั้นอุทธรณ์แล้วแม้จำเลยจะไม่เห็นพ้องด้วยกับเหตุผลในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แต่ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวก็มิได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือหน้าที่ของจำเลยประการใดจำเลยจึงไม่มีอำนาจที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4726/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งจำหน่ายคดีเมื่อโจทก์ไม่ขอให้สั่งขาดนัด และเหตุผลที่ศาลอาจไม่สั่งจำหน่ายคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 เป็นบทบัญญัติให้อำนาจศาลที่จะใช้ดุลพินิจมีคำสั่งจำหน่ายคดีในกรณีที่โจทก์ไม่ยื่นคำขอภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ซึ่งปกติศาลย่อมจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี แต่คดีนี้โจทก์เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 1 มีโอกาสยื่นคำให้การใหม่และเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ออกไป การที่โจทก์ไม่ได้มีคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การใหม่อีกครั้งหนึ่งอาจเพราะโจทก์เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การใหม่แล้ว ดังนั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง และเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การตามที่โจทก์มีคำขอนั้นจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดี: หน้าที่การแถลงเหตุผลและแสดงเหตุผลที่สมควรต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์เพียงแต่ยื่นคำร้องเข้ามาในวันนัดพิจารณาว่า โจทก์มาศาลตามกำหนดนัดไม่ได้เพราะโจทก์ต้องเดินทางไปต่างประเทศไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องแถลงให้ศาลทราบถึงเหตุว่าเป็นอย่างไร ทั้งยังต้องแสดงให้เป็นที่พอใจของศาลอีกด้วยว่าถ้าศาลไม่ให้เลื่อนคดีจะทำให้เสียความยุติธรรม แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ที่แก้ไขแล้ว ศาลจึงไม่อาจให้เลื่อนการพิจารณาได้
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ที่แก้ไขแล้วได้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2527 อันเป็นวันที่โจทก์ขอเลื่อนคดี แต่เมื่อมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ใช้เป็นกฎหมายแล้ว โจทก์จะอ้างว่าไม่ทราบถึงการแก้ไขกฎหมายเพื่อไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายนั้นไม่ได้.
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ที่แก้ไขแล้วได้เริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2527 อันเป็นวันที่โจทก์ขอเลื่อนคดี แต่เมื่อมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ใช้เป็นกฎหมายแล้ว โจทก์จะอ้างว่าไม่ทราบถึงการแก้ไขกฎหมายเพื่อไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายนั้นไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493-3494/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่เป็นธรรม พิจารณาจากเหตุผลการกระทำของลูกจ้าง ไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนก่อน
การเลิกจ้างจะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมนั้น ถ้าเหตุแห่งการเลิกจ้างอยู่ที่ฝ่ายเลิกจ้างแล้ว พึงพิจารณาว่าการกระทำหรือการลดเว้นของลูกจ้างเกิดมีขึ้นหรือไม่ และเหตุนั้นเพียงพอแก่การที่จะเลิกจ้างหรือไม่เป็นสำคัญ หากมีและมีเหตุผลเพียงพอที่จะเลิกจ้างการเลิกจ้างย่อมไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โดยมิพักต้องคำนึงว่าการเลิกจ้างน้นมีการสอบสวนก่อนแล้วหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3232/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าและการลดโทษจากบันดาลโทสะที่ไม่สมเหตุผล
ก่อนเกิดเหตุ ก. และบุตรกับจำเลยทั้งสองทะเลาะวิวาทและชกต่อยทำร้ายร่างกายกันอันเป็นการสมัครใจวิวาท แล้ว ก.ใช้ปืนไล่ยิงจำเลยที่ 1 แต่ไม่ถูก ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกลับบ้านเอาปืนไปยิงเข้าไปในร้านของก. ถูก ว. ได้รับบาดเจ็บ จำเลยทั้งสองจะอ้างว่าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจึงกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3211/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกเมื่อเหตุที่อ้างในการตั้งผู้จัดการมรดกไม่เป็นความจริง
จำเลยร้องขอให้ตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกเพราะเจ้ามรดกเป็นหนี้ผู้อื่น ต้องขายทรัพย์มรดกชำระหนี้ ศาลได้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว เมื่อปรากฏว่าเจ้ามรดกมิได้เป็นหนี้ผู้อื่น กรณีจึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1727.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3052/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยอุทธรณ์เรื่องการลงโทษ: ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจเหมาะสม แม้ไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลของโจทก์โดยละเอียด
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยเต็มตามที่กฎหมายกำหนดการที่คำพิพากษาอุทธรณ์กล่าวว่าดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการลงโทษจำเลยเหมาะสมแล้วนั้น ย่อมเป็นการวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์โดยแสดงเหตุผลตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 186 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802-2805/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำซัดทอดของผู้กระทำผิดร่วมกันเป็นพยานรับฟังได้ หากมีเหตุผลและเชื่อถือได้
ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำซัดทอดของผู้ที่กระทำความผิดด้วยกันหากศาลเห็นว่าพยานเช่นว่านั้นให้การซัดทอดชอบด้วยเหตุผลพอให้รับฟังว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นศาลก็มีอำนาจรับฟังคำซัดทอดนั้นประกอบการพิจารณาได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และการยกฎีกาที่ไม่แสดงเหตุผลโต้แย้ง
ฎีกาของโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ถูกต้องอย่างไร คงคัดลอกข้อความในอุทธรณ์มาไว้ในฎีกาเท่านั้น จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมต้องพิจารณา'เหตุ'เลิกจ้างที่แท้จริง แม้การสอบสวนจะผิดวิธีก็ไม่ถือว่าเลิกจ้างไม่เป็นธรรมหากมีเหตุผลในการเลิกจ้าง
แม้การสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนจะฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยจะถือเป็นเหตุว่าการเลิกจ้างโจทก์เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหาได้ไม่ เพราะการเลิกจ้างจะเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมจะต้องพิจารณาถึง 'เหตุ' แห่งการเลิกจ้างที่แท้จริงว่าได้มีได้เกิดขึ้นหรือไม่ หากมีจึงจะพึงพิจารณาต่อไปว่าการกระทำนั้น ๆ เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานและมีเหตุผลเพียงพอแก่การเลิกจ้างหรือไม่ เป็นสำคัญ.(ที่มา-ส่งเสริม)