พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 736/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วง & การบอกล้างนิติกรรม: ผู้เช่าช่วงทราบข้อเท็จจริงแต่ยังรับประโยชน์ ไม่อาจอ้างเหตุบอกล้างสัญญาได้
ผู้เช่าเอาโรงแรมมาให้เช่าช่วงโดยไม่รับความยินยอมจากผู้เช่าเดิมทั้งมิได้บอกผู้เช่าช่วงให้รู้ว่าเป็นการเช่าช่วงนั้น เมื่อผู้เช่าช่วงรู้ความจริงภายหลัง แต่ก็มิได้โต้แย้ง หรือบอกล้างแต่อย่างใด คงใช้และรับประโยชน์จากโรงแรมที่เช่านั้นตลอดมา ดังนี้ผู้เช่าช่วงจะไม่ยอมใช้ค่าเช่าแก่ผู้เช่าโดยอ้างเหตุดังกล่าวหาได้ไม่
ตามหนังสือสัญญาเช่า(อสังหาริมทรัพย์) กำหนดค่าเช่าไว้เดือนละ 1500 บาท จะขอสืบพยานบุคคลว่าได้มีการตกลงกันใหม่ ลดค่าเช่าลงนั้น เมื่อไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกัน จะมาขอนำสืบพยาน ดังนี้ย่อมไม่ได้
ตามหนังสือสัญญาเช่า(อสังหาริมทรัพย์) กำหนดค่าเช่าไว้เดือนละ 1500 บาท จะขอสืบพยานบุคคลว่าได้มีการตกลงกันใหม่ ลดค่าเช่าลงนั้น เมื่อไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกัน จะมาขอนำสืบพยาน ดังนี้ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากลักทรัพย์เป็นรับของโจรในชั้นอุทธรณ์ ทำให้จำกัดสิทธิในการฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษ 1 เดือนฐานรับของโจร แม้จะเป็นการแก้มาก ก็จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการแก้ไขโทษในชั้นอุทธรณ์และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษ 1 เดือนฐานรับของโจร แม้จะเป็นการแก้มาก ก็จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1836-1838/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เครื่องมือประจำที่ในการประมง: ศาลต้องพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่โจทก์ต้องการนำสืบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสร้างเครื่องมือประจำที่ โดยวางกร่ำลงในหนองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.การประมง 2490 มาตรา 31,61 ดังนี้แม้ศาลจะสอบโจทก์ ๆ แถลงว่ากร่ำที่จำเลยวาง คือเอาผักกับหนามไปไว้ในน้ำเพื่อให้ปลามาอาศัยแล้วใช้อวนล้อมจับปลา จำเลยยังมิได้จับปลาถ้าจับปลาต้องเอาอวนมาล้อมที่กร่ำก็ดี ศาลก็จำต้องให้โจทก์นำสืบตามฟ้องก่อน เพราะข้อที่โจทก์จะสืบมีว่า กร่ำที่จำเลยวางเป็นเครื่องมือประจำที่ ซึ่งมีความหมายกว้างขวาง หาใช่จะจำกัดอยู่เพียงที่โจทก์ แถลงไม่ จะด่วนงดสืบพยานโดยฟังข้อเท็จจริงเฉพาะตามที่โจทก์แถลง หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งส่วนทรัพย์สินในคดีเรียกร้องทรัพย์สิน: ศาลต้องมีข้อเท็จจริงชัดเจนก่อนแบ่ง
มาตรา 142(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติว่า ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ใดใดเป็นของตนทั้งหมด แต่พิจารณาได้ความว่า โจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งนั้นก็ได้ นั้นถ้าข้อเท็จจริงในคดีนั้นยังไม่ชัดเจนพอที่จะให้แบ่งส่วนกันออกไปอย่างไรแล้วศาลก็ไม่อาจแบ่งให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินยังไม่จดทะเบียน & สิทธิครอบครองจากการชำระราคา - ศาลต้องฟังพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินส่วนของโจทก์ตามที่มีชือในโฉนดคืนจากจำเลย ๆต่อสู้ว่า โจทก์ขายที่ดินส่วนของโจทก์ให้จำเลยแล้วและมอบที่ดินส่วนนั้นให้จำเลยครอบครองไปจนกว่าจะได้จัดการโอนกรรมสิทธิให้แก่จำเลย ดังนี้ ประเด็นย่อมมีถึงว่าจำเลยจะมีสิทธิยึดถือที่ดินรายนี้ไว้ได้ต่อไปหรือไม่ด้วย ฉะนั้นศาลจำต้องฟังคำพยานโจทก์และจำเลยตามฟ้องและคำให้การต่อสู้ก่อน จะงดสืบพยานเสียโดยตัดสินให้จำเลยคืนที่ดินแก่โจทก์เพราะถือว่าโจทก์มีชื่อในโฉนดและการซื้อขายมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น: ข้อจำกัดในการฎีกา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ 7000 บาทจากจำเลยที่ 1 และอ้างว่าจำเลยที่ 1 ขายที่ดินแก่จำเลยที่ 2 เพื่อฉ้อโจทก์ จึงขอให้ทำลายนิติกรรมซื้อขายด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินกู้ 7000 บาทแก่โจทก์ส่วนข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ยกเสีย โจทก์อุทธรณ์ในข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนอีกดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยคดีแพ่งตามคำพิพากษาคดีอาญา: ศาลฎีกาไม่ผูกพันข้อเท็จจริงในส่วนแพ่งที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้อง แต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่า ผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้ เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใดศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
ในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิด จึงให้ยกฟ้อง แต่วินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยเคยเชิดผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนทำให้ผู้เสียหายเข้าใจผิด จำเลยจึงต้องรับผิดต่อผู้เสียหายเสมือนผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนของจำเลยพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ฟังว่า ผู้กระทำผิดเป็นตัวแทนนี้ เป็นการวินิจฉัยคดีเฉพาะในส่วนแพ่งโดยตรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีอาญาแต่อย่างใดศาลสูงจึงไม่จำเป็นจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในเรื่องตัวแทนนี้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยย่อเป็นลำดับ
ฎีกาของจำเลยมิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเป็นลำดับอย่างไร คงกล่าวแต่ว่า ขอถือเอาเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เคยพรรณาไว้ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาเท่านั้น ดังนี้ ไม่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 193 วรรค 2 ศาลฎีกาย่อมไม่รับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยย่อ
ฎีกาของจำเลยมิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเป็นลำดับอย่างไร คงกล่าวแต่ว่าขอถือเอาเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เคยพรรณาไว้ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาเท่านั้น ดังนี้ ไม่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ศาลฎีกาย่อมไม่รับไว้พิจารณา