คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมกระทงความผิดทางอาญาและการถอนฟ้องของผู้เสียหาย ศาลฎีกาแก้โทษจำเลยเหลือความผิดฐานฉุดคร่าอนาจารเพียงกระทงเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษารวมกระทงลงโทษจำเลยสำหรับความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม. 243 และ 276 เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกับจำเลยสำหรับความผิดตาม ม.243 แล้ว ศาลฎีกาพิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตาม ม.246 เพียงกระทงเดียว และศาลฎีกา มีอำนาจกำหนดโทษสำหรับความผิดตาม ม.276 ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมกระทงความผิดทางอาญาและการถอนฟ้องของผู้เสียหาย ศาลฎีกาแก้พิพากษาเหลือความผิดกระทงเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษารวมกระทงลงโทษจำเลยสำหรับความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 243 และ 276 เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความกับจำเลยสำหรับความผิดตาม มาตรา 243 แล้ว ศาลฎีกาพิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตาม มาตรา 276 เพียงกระทงเดียว และศาลฎีกามีอำนาจกำหนดโทษสำหรับความผิดตาม มาตรา 276 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1963/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขจำนวนค่าเสียหายในคดีละเมิดเล็กน้อย ศาลฎีกาไม่รับฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ในคดีเรื่องละเมิดเรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์ไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยทำการละเมิดจริง แต่ศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเพียง 1,000 บาท ส่วนศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 3,646 บาท ตามคำฟ้องเช่นนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 248 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
( ฎีกาที่ 181/2498 ประชุมใหญ่ )
( ฎีกาที่ 1499/2498 และที่ 362/2500 )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช่าต่ำกว่าเกณฑ์ทุนทรัพย์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง
ในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีฟ้องขับไล่ออกจากห้องเช่าเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่ได้รับรองให้ เมื่อคดีมาถึงศาลฎีกา ๆ เห็นว่าเป็นข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.แพ่ง ม.224, 247, 248 ก็ไม่รับวินิจฉัยให้
คดีฟ้องขับไล่ออกจากที่เช่า และเรียกค่าเสียหายไม่เกิน 5,000 บาท ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.248 และคดีฟ้องขับไล่ออกจาก อสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท ก็ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.แพ่ง ม.224, 247 , การที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าการเช่ามีเจตนาเพื่อการค้นหรือเพื่อการอยู่อาศัย เป็นปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงใกล้ชิดและความหึงหวง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาฆ่า
จำเลยกับผู้เสียหายต่างรักใคร่กับหญิงคนรักคนๆ เดียวกันคนรักถูกผู้ปกครองต่อว่าเสียใจวิ่งขึ้นบนห้อง จำเลยตามขึ้นไป ผู้เสียหายตามขึ้นไปภายหลัง ถามจำเลยว่ามึงมาใหญ่โตที่นี่หรือ จำเลยยกมือไหว้ว่ามีอะไรสั่งสอนผมผมนับถือพี่พงษ์(ผู้เสียหาย)แล้วจำเลยกับผู้เสียหายใช้มือผลักกันไปมา คนรักหนีเข้าห้อง จำเลยวิ่งหนีไปอีกห้องติดๆกัน ผู้เสียหายตามเข้าไปกอดคนรักและพูดว่า"พี่อยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัว" ทันใดจำเลยอยู่หน้าประตูห้องคนรักก็ยิงผู้เสียหาย ดังนี้การกระทำของผู้เสียหายหาใช่เป็นการข่มเหงไม่ และไม่ใช่เป็นการชวนวิวาทเพราะเมื่อจำเลยหนีเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ผู้เสียหายไม่ได้ติดตามเข้าไปหรือพูดอะไรกับจำเลยอีก ผู้เสียหายพูดว่าจำเลยในฐานเป็นผู้ใหญ่กว่า การผลักกันไปมานั้นก็ไม่หมายความว่าผู้เสียหายผลักจำเลยเป็นการชวนทำร้าย
อาวุธปืนเป็นของร้ายแรง แผลที่จำเลยยิงก็อยู่ใกล้อวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย จำเลยยิงในระยะใกล้ๆ 1 วาเศษ อย่างน้อย 2 นัด และยิงเพราะความหึงหวงที่ผู้เสียหายกอดหญิงที่ตนรักใคร่ จึงส่อให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าตาม มาตรา 249 ไม่ใช่ 256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881-1885/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้โทษจำคุกเป็นรอการลงโทษ และอำนาจศาลฎีกาในการแก้โทษจำเลยที่ไม่ฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าจำเลยได้ทำผิดจริง ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่ศาลอุทธรณ์ให้รอการลงโทษไว้ ถือว่าเป็นการแก้มากโจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยที่ 5 ได้สมคบกับจำเลยอีก 4 คนกระทำความผิดอันเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 89 โทษที่ศาลอุทธรณ์วางแก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นโทษเบากว่าที่ศาลชั้นต้นกำหนด แม้จำเลยที่ 5 จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้โทษจำเลยที่ 5 ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 เพราะเป็นคุณแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัตยาบันสัญญาขายฝากและการแก้ไขคำให้การ: ศาลฎีกาวินิจฉัยการให้สัตยาบันโดยการขอเพิ่มเงิน และการอนุญาตแก้คำให้การที่ไม่มีผลต่อสาระสำคัญ
จำเลยซึ่งเป็นฝ่ายรับสืบก่อนขอแก้คำให้การก่อนวันชี้สองสถานศาลได้ส่งสำเนาให้โจทก์คัดค้านแล้ว ทั้งข้อความที่เพิ่มเติมก็ไม่มีอะไรใหม่ที่เป็นสาระสำคัญ เพียงแต่ขยายข้อความเก่าให้ได้ความชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อศาลอนุญาตให้เพิ่มเติมก็เป็นการถูกต้องแล้ว
ภรรยาโจทก์เอาที่ไปขายฝากจำเลยไว้ โจทก์มาฟ้องอ้างว่าสัญญาขายฝากเป็นโมฆียะเพราะโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอมถ้าปรากฏว่าเมื่อได้ทำสัญญาขายฝากแล้ว โจทก์กับภรรยาได้พากันไปหาจำเลยเพื่อขอเงินเพิ่มอีก แม้จำเลยจะไม่ยอมให้ก็ดี ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันแก่การขายฝาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดกับข้อห้ามอุทธรณ์: คดีค่าเช่า
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกกฎหมาย เพราะเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ ในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงไปเสียตรงข้าม ดังนี้ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาโดยถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา ไปได้ทีเดียว (โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1701/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฎีกาเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดกับข้อจำกัดการอุทธรณ์
เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ถูกกฎหมาย เพราะเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น แต่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงไปเสียตรงข้าม ดังนี้ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาโดยถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมา ไปได้ทีเดียว (โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1576/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนสถานที่เกิดเหตุกับการลงโทษทางอาญา ศาลฎีกาพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ได้ความจริง
ฟ้องโจทก์ว่าเหตุเกิดที่ตำบลบ้านบาตร อำเภอป้อมปราบ แต่ความจริงเหตุเกิดที่ตำบลป้อมปราบ อำเภอป้อมปราบ แต่ในการนำสืบก็รับกันอยู่แล้วว่าจำเลยถูกจับในบ้านที่เกิดเหตุนั้นจริง และอยู่ในอำเภอป้อมปราบนั้นเอง ข้อแตกต่างนั้นจึงมิใช่ในข้อสาระสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้.
of 344