พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554-1555/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้อง, การเลื่อนสืบพยาน, และคำมั่นสัญญาเช่าต่อ: ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยามจำกัดผิดไปเป็นชื่อสินสยามจำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่ง และศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงผิดพลาดในการสอดแนบเอกสาร จึงไม่ใช่เป็นการฟ้องผิดตัว
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริงๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฏว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริงๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฏว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแบ่งที่ดินซ้ำ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการฟ้องใหม่ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ หากศาลยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นตามที่ฟ้องในคดีก่อน
เกี่ยวกับที่ดินแปลงเดียวกันทุกคดี
คดีแรกถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาให้แบ่งที่ดินเฉพาะส่วนที่โจทก์จะได้รับตามพินัยกรรมข้อ 1. เพราะโจทก์ขอรับเพียงส่วนตามพินัยกรรมเท่านั้น
คดีที่ 2 ถึงที่สุดชั้นศาลอุทธรณ์ โดยให้ยกคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นที่ชี้ขาดไว้ว่า โจทก์จำเลยปกครองที่พิพาทร่วมกัน
โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งที่ดินซึ่งเป็นกองกลางตามพินัยกรรมข้อ 3. เช่นนี้ การฟ้องคดีใหม่นี้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแรกและคดีที่ 2.
คดีแรกถึงที่สุดเพียงศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาให้แบ่งที่ดินเฉพาะส่วนที่โจทก์จะได้รับตามพินัยกรรมข้อ 1. เพราะโจทก์ขอรับเพียงส่วนตามพินัยกรรมเท่านั้น
คดีที่ 2 ถึงที่สุดชั้นศาลอุทธรณ์ โดยให้ยกคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นที่ชี้ขาดไว้ว่า โจทก์จำเลยปกครองที่พิพาทร่วมกัน
โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่งที่ดินซึ่งเป็นกองกลางตามพินัยกรรมข้อ 3. เช่นนี้ การฟ้องคดีใหม่นี้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำกับคดีแรกและคดีที่ 2.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเพิกถอนการให้เนื่องจากเนรคุณและการหมิ่นประมาท ศาลฎีกาตัดสินว่าคำกล่าวอ้างไม่ถึงขั้นร้ายแรง
แม้จะฟังว่าจำเลยได้กล่าวลับหลังโจทก์ว่า "ไม่ใช่พ่อแม่หรือโคตร์พ่อโคตร์แม่อะไรนี่" ก็ยังไม่เรียกว่าเป็นการดูถูกดูหมิ่นอย่างร้ายแรงประการใดเพียงแต่กล่าวคำไม่สุภาพว่าโจทก์มิใช่เป็นบุพพการีเท่านั้น จะเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณยังไม่ได้
ใบแต่งทนายเมื่อได้ยื่นต่อศาล ๆ ยอมให้ดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดมา ดังนี้ ย่อมเป็นการแสดงว่าอนุญาตอยู่ในตัวแล้วทนายจำเลยจึงมีอำนาจดำเนินคดีในฐานะทนายจำเลย.
ใบแต่งทนายเมื่อได้ยื่นต่อศาล ๆ ยอมให้ดำเนินกระบวนพิจารณาตลอดมา ดังนี้ ย่อมเป็นการแสดงว่าอนุญาตอยู่ในตัวแล้วทนายจำเลยจึงมีอำนาจดำเนินคดีในฐานะทนายจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายพระภิกษุด้วยอาวุธปืน: ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำคุกตามเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าให้จำคุกจำเลยเพียง 6 เดือนและให้รอการลงโทษจำเลยตามมาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่มีกำหนด 5 ปี นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้เป็นแก้มาก คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตพยานเพิ่มเติมและการยกเหตุอายุความในชั้นฎีกา ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยระบุเอกสารเป็นพยานเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับประเด็น การที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยโดยมิได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นวินิจฉัยอีกเป็นพิเศษ ต้องแปลว่าศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อนี้แล้ว เพราะเมื่อพยานหลักฐานของจำเลยที่เกี่ยวกับประเด็นโดยตรงไม่พอฟังแล้ว พยานเอกสารอันไม่เกี่ยวกับประเด็นก็ย่อมไม่สามารถช่วยคดีจำเลยซึ่งไม่มีน้ำหนักอยู่แล้ว ให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกได้
เรื่องอายุความเป็นปัญหาข้อกฏหมาย แต่เมื่อจำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม มาตรา 249 วรรค1.
เรื่องอายุความเป็นปัญหาข้อกฏหมาย แต่เมื่อจำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม มาตรา 249 วรรค1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องพิจารณาจากทุนทรัพย์ ณ วันยื่นฎีกา ไม่ใช่ตอนฟ้อง
คดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินกว่า 5,000 บาทนั้น จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้หรือไม่ ต้องแล้วแต่ว่าศาลสั่งรับฎีกาเมื่อใดไม่ใช่ถือเอาวันที่โจทก์ฟ้องคดีในศาลชั้นต้น เมื่อจำเลยยื่นฎีกาเมื่อใช้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ตามที่แก้ไข พ.ศ.2499 แล้ว ก็ต้องถือทุนทรัพย์ตามประมวลฉบับใหม่ (เทียบคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 466/2499)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรู้ร่วมคิดต้องมีการกระทำสนับสนุนก่อนหรือขณะเกิดเหตุ ศาลฎีกาตัดสินว่าการร้องห้ามไม่ได้เป็นการสนับสนุน
การที่จะให้ฟังว่า จำเลยกระทำผิดฐานสมรู้ จะต้องได้ความว่าจำเลยได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในเวลาแต่ก่อนหรือเมื่อขณะความผิดนั้นได้เกิดขึ้น อันเป็นอุปการะแก่การกระทำผิดนั้น
การที่คนหนึ่งทำร้ายผู้ตายซึ่งเป็นกรรมกรสามล้อถึงตายโดยจำเลยไม่ได้สมคบด้วย เป็นการกระทำของคนนั้นโดยพลการ จำเลยเป็นแต่เข้าช่วยคนนั้นชกต่อยพวกสามล้ออื่นซึ่งเกิดวิวาทกันในตอนแรกเท่านั้น และการที่จำเลยร้องห้ามไม่ให้ใครเข้ามาเพื่อขู่ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายคนนั้นหรือเข้ามาทำร้ายจำเลยเอง และทั้งขณะที่จำเลยร้องห้าม ก็ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ทราบถึงการที่คนอื่นนั้นทำร้ายผู้ตายแล้วหรือไม่ ดังนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิด อันจะเป็นผิดฐานสมรู้
การที่คนหนึ่งทำร้ายผู้ตายซึ่งเป็นกรรมกรสามล้อถึงตายโดยจำเลยไม่ได้สมคบด้วย เป็นการกระทำของคนนั้นโดยพลการ จำเลยเป็นแต่เข้าช่วยคนนั้นชกต่อยพวกสามล้ออื่นซึ่งเกิดวิวาทกันในตอนแรกเท่านั้น และการที่จำเลยร้องห้ามไม่ให้ใครเข้ามาเพื่อขู่ไม่ให้ใครเข้ามาทำร้ายคนนั้นหรือเข้ามาทำร้ายจำเลยเอง และทั้งขณะที่จำเลยร้องห้าม ก็ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ทราบถึงการที่คนอื่นนั้นทำร้ายผู้ตายแล้วหรือไม่ ดังนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิด อันจะเป็นผิดฐานสมรู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจงใจทิ้งร้างและการแสดงความห่วงใย: ศาลฎีกาตัดสินว่าการไปมาหาสู่และอุปการะบุตร ไม่ถือเป็นการจงใจทิ้งร้าง
ถึงแม้สามีจะได้แยกไปอยู่กับภริยาใหม่แล้วก็ดี แต่ก็ยังไปมาที่บ้านภริยาเดิม ไปร่วมรับประทานอาหารกับบุตรเกือบทุกวันและทั้งยังเป็นผู้อุปการะบุตรอยู่ด้วย ภริยาเดิมสั่งคนเฝ้าบ้านไม่ให้ใครเข้าห้องนอกจากตนเองกับลูก ๆ แม้กระนั้นสามีก็ยังอุตส่าห์ไปมาที่บ้านภริยาเดิมอยู่แทบทุกวัน สามีไปบ้านภริยาเดิมทีไร ก็ตั้งข้อสังเกตุสอบถามคนในบ้านว่ามีใครไปมาหาโจทก์เป็นการแสดงกิริยาหวงแหนสนใจในความเป็นอยู่ของโจทก์ พฤติการณ์ดั่งกล่าวนี้ จะถือว่าสามีจงใจละทิ้งร้างภริยาเดิมเพื่ออ้างมาเป็นเหตุฟ้องหย่าหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1345/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์ - ข้อพิพาทเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย - ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาศัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องอาศัยข้อกฎหมาย โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดก: สิทธิทายาทตามคำพิพากษาศาลฎีกา & การเป็นคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ ป.พ.พ.
ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนว่าที่สวนยางรายนี้เป็นมรดกของนายนวล ซึ่งทายาทของนายนวลมีสิทธิที่จะได้รับการแบ่งทรัพย์รายนี้ตามกฎหมาย จำเลยในคดีหลังนี้ ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนนั้นด้วย จะกลับมาโต้แย้งคัดค้านในคดีหลังนี้ว่าที่สวนยางรายเดียวกันนั้น เป็นทรัพย์ของตนฝืนคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าว ไม่ได้
ก่อนใช้ป.พ.พ.เมื่อชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันท์ผัวเมียโดยเปิดเผย ก็เป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำต้องจดทะเบียนการสมรส บุตรที่เกิดแต่ชายหญิงเป็นทายาทโดยธรรมของชายหญิงนั้นตามป.พ.พ.
ก่อนใช้ป.พ.พ.เมื่อชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันท์ผัวเมียโดยเปิดเผย ก็เป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำต้องจดทะเบียนการสมรส บุตรที่เกิดแต่ชายหญิงเป็นทายาทโดยธรรมของชายหญิงนั้นตามป.พ.พ.