พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการนำข้อเท็จจริงจากคดีก่อนมาผูกพันคดีใหม่ แม้คู่ความบางส่วนจะซ้ำกัน ศาลต้องพิจารณาประเด็นและสภาพคดีที่เปลี่ยนแปลง
ผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกับผู้อื่นฟ้องขอแบ่งที่ดินเฉพาะส่วนของคนจากผู้ที่ยึดถือครอบครองที่ดินผู้ครอบครองที่ดินต่อสู้ ว่าผู้มีชื่อในโฉนดคนอื่นเอาที่ดินนี้ตีใช้หนี้ตน ทางพิจารณาศาลฟังว่าไม่มีการตีใช้หนี้ แต่เห็นว่าการที่จะฟ้องขอแบ่งเฉพาะส่วนของโจทก์นั้นย่อมแบ่งให้ไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง ภายหลังผู้ครอบครองที่ดินเป็นโจกท์ฟ้องทายาทผู้มีชื่อในโฉนดคนหนึ่งขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทนี้เป็นกรรมสิทธิของผู้ครอบครองที่ดินทายาทผู้เป็นจำเลยต่อสู้ว่าผู้ครอบครองที่ดินไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง อีกเพราะเคยฟ้องกันมาแล้วและในคดีหลังนี้ผู้มีชื่อในโฉนดที่เคยเป็นโจทก์ฟ้องผู้ครอบครองก็ได้ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมจนศาลอนุญาตแล้วก็ตาม ศาลฎีกาก็เห็นว่าจะเอาข้อเท็จจริงในในคดีก่อนมารับฟังเป็นข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ได้ เพราะโจทก์จำเลยในคดีนี้เป็นคู่กรณีคนใหม่และในคดีก่อนศาลยกฟ้อง เพราะเห็นว่าการฟ้องขอแบ่งเฉพาะส่วนของตนย่อมแบ่งให้ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ การที่ผู้ครอบครองที่ดินมาฟ้องอ้างสิทธิในที่ดินนี้ทั้งแปลงประเด็นก็ไม่เหมือนกับคดีก่อนซึ่งพิพาทกันเฉพาะที่ดิน ส่วนของผู้มีชื่อในโฉนดผู้เป็นโจทก์ฟ้องเท่านั้น จึงจะยกเอาสำนวนก่อนมาผูกพันบังคับคู่ความคดีนี้ใหม่หาได้ไม่ ชอบที่ศาลจะสืบพยานฟังข้อเท็จจริงในสำนวนหลังนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1668/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์และการพิพากษาแก้เฉพาะบางส่วน ศาลฎีกาไม่รับฎีกาข้อเท็จจริงเนื่องจากเป็นการแก้น้อย
คดีร้องขัดทรัพย์ทั้งหมดมีราคาเพียง 520 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนการยึดทรัพย์ทั้งหมด ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาให้ถอนการยึดเรือนราคา 20 บาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนที่ดิน 3 แปลงราคาไม่เกิน 500 บาท ให้โจทก์มีสิทธิยึดเพื่อขายทอดตลาดได้ ได้สุทธิเท่าใดมอบให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งหักใช้หนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้เป็นการพิพากษาแก้น้อยจะฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น แม้ข้อเท็จจริงต่างกัน
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกันมา ผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็คงยกฟ้องโจทก์ยืนตามศาลชั้นต้นนั่นเอง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 248 (และตามตัวอย่างฎีกาที่ 497/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น แม้ฟังข้อเท็จจริงต่างกัน
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ตามศาลชั้นต้น แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกันมา ผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็คงยกฟ้องโจทก์ยืนตามศาลชั้นต้นนั่นเอง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (และตามตัวอย่างฎีกาที่ 497/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618-1619/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเดียวกัน
แม้ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั่นเองนั้นโจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้าม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 และจำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618-1619/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่รับฟังข้อโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริง เนื่องจากศาลชั้นต้นและอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเดิม
แม้ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์จะฟังข้อเท็จจริงต่างกัน แต่ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์ก็คงพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงนั่นเองนั้น โจทก์จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 และจำเลยจะฎีกาขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงอีกก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังข้อเท็จจริงจากฟ้องเดิมและการงดสืบพยานเมื่อมีข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัยคดี
บิดาผู้ตายฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาจำนอง ที่ผู้ตายจำนองเขาไว้โดยอ้างว่าเขารับจำนองไม่สุจริต เมื่อปรากฏว่า บิดาผู้ตายกับภรรยาผู้ตายเคยเป็นความกันเรื่องที่ดินแปลงนี้มาก่อนแล้ว และในคดีก่อนนั้นบิดาผู้ตายกล่าวในฟ้องว่าผู้รับจำนองรายที่กล่าวนี้รับจำนองจากผู้ตายโดยสุจริตดังนี้ ศาลย่อมรับฟังความข้อนี้จากฟ้องฉบับก่อนได้ว่า ผู้รับจำนองรับจำนองโดยสุจริตโดยไม่ต้องสืบพยานต่อไป และแม้บิดาผู้ตายจะขอสืบว่า ความจริงผู้รับจำนองรับจำนองไว้โดยไม่สุจริต ศาลก็มีอำนาจงดสืบได้เพราะคดีฟังได้ดังกล่าวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557-1558/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมโทษอาญาและการฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันหลายฐานความผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 กะทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกะทงหนึ่ง แต่ให้รวมกะทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี ดังนี้แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญาตามมาตรา 154 ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกะทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้างร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วย วิ.อาญามาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง 2 ฐานก็ชอบจะฎีกาได้ไม่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าขัดแย้งกับข้อเท็จจริง ศาลคุ้มครองผู้เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
แม้ในสัญญาเช่ามีข้อความชัดว่า ผู้เช่าจะใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อประโยชน์เฉพาะแต่ที่เป็นประกอบการค้าแต่อย่างเดียว จะไม่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ดังนี้ จำเลยก็มีสิทธิจะต่อสู้และนำสืบได้ว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยในเมื่อจำเลยเช่าอยู่อาศัยมาก่อนและโจทก์ก็ทราบอยู่แล้ว แต่เพื่อจะหลีกเลี่ยงมิให้จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงกล่าวข้อความเหล่านั้นลงในสัญญาเช่า ดังนี้ ก็ต้องถือตามความเป็นจริงและถือว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาเมื่อโทษจำคุกแต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 243 กะทงหนึ่งมีกำหนด 3 ปี และตามมาตรา 299 อีกกะทงหนึ่ง มีกำหนด 3 ปี รวมโทษ 2 กะทง 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ความผิดของจำเลยแต่ละกะทงไม่เกิน 5 ปี จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 842/2482)
(อ้างฎีกาที่ 842/2482)