คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ศาลสั่งไปแล้วว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม จำเลยไม่ได้อุทธรณ์คำสั่งนี้ ภายในกำหนด ทั้งมิได้โต้แย้งคำสั่งนั้นแต่ประการใด จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้

การที่จะวินิจฉัยว่าถ้อยคำที่เบิกความเท็จจะเป็นข้อสำคัญหรือไม่นั้น ย่อมต้องพิจารณาประเด็นในคดีที่ผู้นั้นเบิกความประกอบเมื่อศาลล่าง 2 ศาลฟังว่าข้อความที่ผู้นั้นเบิกความเท็จไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีแล้ว การเป็นข้อสำคัญหรือไม่สำคัญย่อมเป็นข้อเท็จจริง

การที่จะวินิจฉัยว่าถ้อยคำที่เบิกความเท็จจะเป็นข้อสำคัญหรือไม่นั้น ย่อมต้องพิจารณาประเด็นในคดีที่ผู้นั้นเบิกความประกอบ เมื่อศาลล่าง 2 ศาลฟังว่าข้อความที่ผู้นั้นเบิกความเท็จไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีแล้ว การเป็นข้อสำคัญหรือไม่สำคัญ ย่อมเป็นข้อเท็จจริง

การที่วินิจฉัยว่ากระสุนปืนชะนิดใดใช้ได้ฉะเพาะแต่ในการสงครามหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันว่า กระสุนนั้นมิใช่ใช้ฉะเพาะแต่ในการสงครามแล้ว ฎีกาไม่ได้ต้องห้าม

การที่วินิจฉัยว่ากระสุนปืนชนิดใดใช้ได้เฉพาะแต่ในการสงครามหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันว่า กระสุนนั้นมิใช่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามแล้ว ฎีกาไม่ได้ต้องห้าม

การที่โจทก์ยื่นฎีกาไว้ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ดังนี้ เมื่อใด ได้อ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้ว เป็นอันถือได้ว่าได้ยื่นฎีกาแล้วตามกฎหมาย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/92

การที่โจทก์ยื่นฎีกาไว้ก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังดังนี้ เมื่อใด ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังแล้ว เป็นอันถือได้ว่าได้ยื่นฎีกาแล้วตามกฎหมาย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/92)

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน 2 แปลงอันมีราคา 1500 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินแปลงหนึ่งเป็นของจำเลย ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่อีกแปลงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกาและตั้งทุนทรัพย์ที่ดินที่ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นของจำเลยราคา 700 บาท ดังนี้ ศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 248.

โจทก์ฎีกาขอให้ริบของกลาง อ้างเหตุว่า เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเล่นการพะนัน ดังนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับจำเลยคนละ 50 บาท โจทก์จะฎีกาต่อไปไม่ได้ เพราะต้องด้วยข้อห้ามตามมาตรา 220 แห่ง ป.ม.วิ.อาญา
(อ้างฎีกา 824/2490)

ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลย แต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 ก.ม. ลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย./