พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาปรานีประนอมยอมความและการฟ้องละเมิด/ผิดสัญญา: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้อนุญาตนายชัยยะว่า เดิมนายชัยยะให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้วผิดสัญญา นายชัยยะฟ้องขับไล่แล้ว นายชัยยะกับจำเลยได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันต่อศาลว่า จำเลยยอมรับซื้อที่ดินและสิ่งของจำเลยหาได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นไม่ กลับเพิกเฉยจนล่วงพ้นกำหนดในสัญญา และโดยเหตุที่ที่ดินเป็นของโจทก์ ๆ จึงถือว่าจำเลยอยู่ต่อมาเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ส่วนจำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาปราณีประนอมยอมความเอง ดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างโจทก์ว่า ฝ่ายจำเลยก็เป็นผู้ผิดสัญญาปราณีประนอมยอมความ การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเช่นนี้ อาจไม่เป็นฟ้องซ้ำก็ได้ ถ้าหากข้อเท็จจริงเป็นอย่างจำเลยว่า คือฝ่ายโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาปราณีประนอมยอมความนั้นเองแล้ว ก็อาจเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีก่อน ซึ่งนายชัยยะทำยอมกับจำเลยไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว จึงต้องฟังข้อเท็จจริงที่คู่ความโต้เถียงกันต่อไปก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและการฟ้องละเมิด/ผิดสัญญา: ศาลต้องฟังข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัยการฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องในฐานะผู้อนุบาลนายชัยยะว่าเดิมนายชัยยะให้จำเลยเช่าที่พิพาทแล้วผิดสัญญานายชัยยะฟ้องขับไล่แล้วนายชัยยะกับจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันต่อศาลว่า จำเลยยอมรับซื้อที่ดินและสิ่งของ จำเลยหาได้ปฏิบัติตามสัญญานั้นไม่ กลับเพิกเฉยจนล่วงพ้นกำหนดในสัญญา และโดยเหตุที่ที่ดินเป็นของโจทก์ โจทก์จึงถือว่าจำเลยอยู่ต่อมาเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ส่วนจำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาประนีประนอมยอมความเองดังนี้ ถ้าข้อเท็จจริงเป็นอย่างโจทก์ว่าฝ่ายจำเลยก็เป็นผู้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเช่นนี้ อาจไม่เป็นฟ้องซ้ำก็ได้ ถ้าหากข้อเท็จจริงเป็นอย่างจำเลยว่า คือฝ่ายโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นเองแล้ว ก็อาจเป็นการฟ้องซ้ำกับคดีก่อนซึ่งนายชัยยะทำยอมกับจำเลยไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าว จึงต้องฟังข้อเท็จจริงที่คู่ความโต้เถียงกันต่อไปก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงการออกประกาศราคาควบคุม จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการประกาศของคณะกรมการจังหวัด
คดีหาว่า จำเลยขายข้าวสารเกินกำหนดราคาสูงสุดที่คณะกรมการจังหวัดกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าคณะกรมการจังหวัดได้ประกาศโดยชอบด้วยกฎหมาย และในคำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯ คณะกรมการจังหวัดจะได้ออกประกาศโดยอาศัยพระราชบัญญัติที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนั้นหรือไม่ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฎ ดังนั้น จะลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯ ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานขายสินค้าเกินราคา ต้องมีข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ว่ามีการประกาศกำหนดราคาโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีหาว่า จำเลยขายข้าวสารเกินกำหนดราคาสูงสุดที่คณะกรมการจังหวัดกำหนดไว้ ฟ้องโจทก์กล่าวแต่เพียงว่าคณะกรมการจังหวัดได้ประกาศโดยชอบด้วยกฎหมาย และในคำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ คณะกรมการจังหวัดจะได้ออกประกาศโดยอาศัยพระราชบัญญัติที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดนั้นหรือไม่ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏ ดังนั้น จะลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสำคัญของวันเวลาการกระทำผิดในฟ้องอาญา หากข้อเท็จจริงในชั้นพิจารณาต่างจากฟ้อง ย่อมเป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง
รายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิดนั้นเป็นข้อสำคัญซึ่งโจทก์จะต้องกล่าวในฟ้องให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เมื่อปรากฎจากคำพะยานว่า จำเลยทำผิดวันอื่น ไม่ใช่วันที่โจทก์กล่าวหาในฟ้อง ต้องยกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: ข้อเท็จจริงตามฟ้องคลาดเคลื่อนแต่ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ จึงไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง
ในความผิดฐานรับของโจร โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับไม้ขอนสักของบริษัทบอมเบเบอร์ม่าที่ถูกคนร้ายลักไป โดยรู้ว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย แต่คำพะยานโจทก์ว่าไม้นี้ได้หลุดลอยไปจากบริษัทแล้วมีผู้เก็บเบียดบังเอาไว้ แล้วจำเลยได้รับไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้าย ดังนี้ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาคลาดเคลื่อนจากฟ้องในรายละเอียด ยังถือไม่ได้ว่าแตกต่างกับฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ยกฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอาญาต้องมีข้อเท็จจริงสนับสนุน หากข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง ศาลต้องยกฟ้องและคืนของกลาง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพะนันจับยี่กี ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยเล่นจับยี่กี ศาลต้องยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง จำเลยบางคนฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นจับยี่กี ดังฟ้อง ต้องยกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังฟ้อง ของกลางที่จับได้ มิใช่เป็นสิ่งที่มีไว้ผิดกฎหมาย ต้องคืนให้เจ้าของไป.
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง จำเลยบางคนฎีกา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณา ฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นจับยี่กี ดังฟ้อง ต้องยกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังฟ้อง ของกลางที่จับได้ มิใช่เป็นสิ่งที่มีไว้ผิดกฎหมาย ต้องคืนให้เจ้าของไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีพนัน: ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับฟ้อง ย่อมยกฟ้อง แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันเล่นการพนันจับยี่กีทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยเล่นจับยี่กี ศาลต้องยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง จำเลยบางคนฎีกาเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นจับยี่กี ดังฟ้อง ต้องยกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังฟ้องของกลางที่จับได้ มิใช่เป็นสิ่งที่มีไว้ผิดกฎหมายต้องคืนให้เจ้าของไป
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยทุกคนตามฟ้อง จำเลยบางคนฎีกาเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นจับยี่กี ดังฟ้อง ต้องยกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี
เมื่อศาลพิพากษาว่า จำเลยมิได้กระทำผิดดังฟ้องของกลางที่จับได้ มิใช่เป็นสิ่งที่มีไว้ผิดกฎหมายต้องคืนให้เจ้าของไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคุ้มครองสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และขอบเขตการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า ห้องรายพิพาทจำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯโจทก์ย่อมฎีกาไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2490 ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อบทรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพราะบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญไม่มีบทห้ามการใช้กฎหมายให้มีผลย้อนหลังในทางแพ่ง
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2490 ใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อบทรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด เพราะบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญไม่มีบทห้ามการใช้กฎหมายให้มีผลย้อนหลังในทางแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุพะยานจำเลย: ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนตัดพยาน
ในวันพิจารณาครั้งแรกปรากฎว่าทนายจำเลยได้ยื่นบัญชีพะยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ไว้ต่อศาล แต่ในสำนวนไม่ปรากฎว่า จำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพะยานไว้ก่อน วันนัดสืบพะยาน 3 วัน ทนายจำเลยแถลงยืนยันว่าได้ยื่นบัญชีระบุพะยานไว้แล้ว พนักงานศาลอาจกลัดสำนวนผิดได้ ดังนี้ศาลควรไต่สวนรเื่องระบุพะยานจำเลยก่อนดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไป จะตัดพะยานจำเลยเสียทีเดียวไม่ได้.