พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผสมยาพิษในอาหาร แม้ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
เอายาพิษผสมกาแฟให้เขากิน จำนวนยาพิษที่ผสมกาแฟให้กินนั้นทำให้ถึงตายได้แต่เขาไม่ตายเพราะแพทย์รักษาไว้ทันเช่นนี้ ต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน ไม่ใช่เพียงฐานทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแม้ไม่สำเร็จเป็นความผิดพยายามฆ่า
เอายาพิษผสมกาแฟให้เขากิน จำนวนยาพิษที่ผสมกาแฟให้กินนั้นทำให้ถึงตายได้แต่เขาไม่ตายเพราะแพทย์รักษาไว้ทันเช่นนี้ต้องมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน ไม่ใช่เพียงฐานทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบรรดาลโทสะ ไม่เป็นเหตุป้องกันตัว คดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับจำเลยไปช่วยเขาไถนาด้วยกัน เมื่อไถนาเสร็จแล้วมีการเลี้ยงสุราอาหาร ผู้ตายกินอิ่มแล้วเดินไปที่จำเลย ตีศีร์ษะจำเลย 2 ทีแล้ววิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ไปทันที่คูน้ำข้างถนน เข้าปล้ำกัน ปรากฎว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทง 6 แห่ง เป็นบาดแผลสาหัส 2 แห่ง ผู้ตายขาดใจตายในวันนั้น ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะ หาใช่เป็นเรื่องป้องกันไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดโทษ-ตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 จำคุก 15 ปี ลดโทษ-ตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบรรดาลโทษะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 192/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองเหนือกว่าบันดาลโทสะ: การกระทำที่เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ผู้ตายกับจำเลยไปช่วยเขาไถนาด้วยกันเมื่อไถนาเสร็จแล้วมีการเลี้ยงสุราอาหารผู้ตายกินอิ่มแล้วเดินไปที่จำเลย ตีศีรษะจำเลย 2 ทีแล้ววิ่งหนี จำเลยวิ่งไล่ไปทันที่คูน้ำข้างถนน เข้าปล้ำกัน ปรากฏว่าผู้ตายมีบาดแผลถูกแทง 6 แห่ง เป็นบาดแผลสาหัส 2 แห่ง ผู้ตายขาดใจตายในวันนั้น ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะหาใช่เป็นเรื่องป้องกันไม่
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก15 ปี ลดโทษตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 จำคุก15 ปี ลดโทษตามมาตรา 59 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10ปี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะจึงลดโทษให้ตามมาตรา 55 อีกกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ดังนี้จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้กระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 652/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการเกินสมควรแก่เหตุในคดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
มีคนขว้างบ้านจำเลยในเวลาค่ำคืน จำเลยจึงถือไฟฉายและขวานออกไปดูพบผู้ตาย ๆใช้มีดไล่แทงจำเลย ๆวิ่งหนีขึ้นเรือนผู้อื่น ไปจนมุมที่หัวบันได ผู้ตายยังตามขึ้นไปจะแทงจำเลยอีก จำเลยจึงใช้ขวานฟันผู้ตายไป 1 ที แล้วฟันต่อไปอีก 2 ที ผู้ตายถึงแก่ความตายณทีนั้นเอง ,ดังนี้ ถือได้ว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุและไล่แทงจำเลยก่อน จำเลยหนีไปจนมุมแล้ว ก็ยังตามจะแทงจำเลยอีก การที่จำเลยฟันครั้งแรกแล้วยังฟันต่อไปอีกนั้น ก็เป็นเวลาฉุกละหุกและค่ำคืน ผู้ตายก็ถือมีดอยู่ในมืออาจจะแทงเอาขณะใดก็ได้ จึงถือได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานสมคบปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: เจตนาฆ่าต้องระบุชัดเจน
ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์และใช้สาตราวุธตีแทงและฟันเจ้าทรัพย์มีบาดเจ็บหลายแห่ง เจ้าทรัพย์ทนพิษบาดแผลไม่ได้ถึงแก่ความตายในทันใดนั้นเอง ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการที่จะหลีกเลี่ยงอาญาและเพื่อจะเอาประโยชน์จากการกระทำผิด ไม่ได้บรรยายไว้ด้วยว่าในการทำร้ายเจ้าทรัพย์นั้นจำเลยมีเจตนาจะฆ่าเจ้าทรัพย์ให้ตายโดยเจตนาด้วย ดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษตามมาตรา 250 ด้วย แม้โจทก์จะได้อ้างมาตรา 250มาในคำขอท้ายฟ้องด้วยก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 250หาได้ไม่ คงลงโทษจำเลยได้แต่ตามมาตรา 301 ตอนท้ายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1940/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายโดยมีเหตุให้บันดาลโทสะ ศาลลดโทษ
จำเลยกำลังดูหนังตลุงอยู่มีคนมาลอบตีศีร์ษะจำเลย ๆ จึงไล่ตามคนตีไปในระยะกระชั้นชิดพอทันจำเลยก็เข้าทำร้ายคนตีนั้น จนคนนั้นถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยบรรดาลโทษะตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 55
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันทรัพย์เกินสมควร: การแทงผู้ลักทรัพย์ถึงแก่ความตาย
คนร้ายขึ้นเรือนลักทรัพย์ได้แล้ว วิ่งหนี เจ้าทรัพย์วิ่งไล่ไปทัน จึงใช้มีดแทงคนร้าย 1 ที คนร้ายถึงแก่กรรม ดังนี้ วินิจฉัยว่าเจ้าทรัพย์แทงคนร้ายในเวลากระชั้นชิดที่วิ่งไล่กันมาอาจไม่ตั้งใจฆ่าให้ตาย เพราะแทงเพียงทีเดียว และเป็นเรื่องป้องกันทรัพย์เกินสมควรกว่าเหตุคงมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 ประกอบด้วย มาตรา 53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตายเข้าข่ายฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้จะอ้างว่าไม่มีเจตนา
จำเลยใช้พานท้ายปืนตีถูกศีร์ษะภรรยาถึง 3 ทีจนภรรยาล้มลงไปแล้วจำเลยยังตีซ้ำถูกตรงกระดูกสันหลังอีกครั้งหนึ่ง ภรรยาลุกขึ้นได้ก็มีอาการเดินคอเอียงไปดังนี้ เป็นการรุนแรงมากจำเลยอาจแลเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ว่าภรรยาอาจถึงแก่ความตายและเมื่อภรรยาได้ตายลงในเวลาปัจจุบันจากการทำร้ายของจำเลยนั้น จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1615/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายภรรยาจนถึงแก่ความตาย มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้พานท้ายปืนตีถูกศีรษะภรรยาถึง 3 ทีจนภรรยาล้มลงไปแล้วจำเลยยังตีซ้ำถูกตรงกระดูกสันหลังอีกครั้งหนึ่ง ภรรยาลุกขึ้นได้ก็มีอาการเดินคอเอียงไป ดังนี้ เป็นการรุนแรงมาก จำเลยอาจแลเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ว่าภรรยาอาจถึงแก่ความตาย และเมื่อภรรยาได้ตายลงในเวลาปัจจุบันจากการทำร้ายของจำเลยนั้น จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา