พบผลลัพธ์ทั้งหมด 671 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2139/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้มีการลงวันที่ภายหลัง
การที่จำเลยออกเช็คโดยไม่ลงวันที่เดือนปีที่ออกเช็ค ย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำผิด แม้ต่อมา ฮ. ผู้ทรงเช็คในขณะนั้นได้นำเช็คพิพาทไปให้ ส. บุตรสาวของจำเลยลงวันที่ในเช็คโดยจำเลยบอกให้ลง ก็มีผลเพียงให้เช็คพิพาทมีรายการสมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะปรับเป็นความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 251/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2139/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญา แม้ภายหลังมีการลงวันที่เพื่อใช้ในการฟ้องร้องทางแพ่ง
การที่จำเลยออกเช็คโดยไม่ลงวันที่เดือนปีที่ออกเช็ค ย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำผิด แม้ต่อมา ฮ. ผู้ทรงเช็คในขณะนั้นได้นำเช็คพิพาทไปให้ ส. บุตรสาวของจำเลยลงวันที่ในเช็คโดยจำเลยบอกให้ลง ก็มีผลเพียงให้เช็คพิพาทมีรายการสมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะปรับเป็นความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้ไม่ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 251/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2027/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งเท็จต่อพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับเหตุรถชน: มาตรา 172 เป็นบทบัญญัติเฉพาะเหนือกว่ามาตรา 137
รถยนต์บรรทุกชนรถยนต์โดยสารตู้บนทางหลวง เป็นเหตุให้บุตรโจทก์และผู้อื่นในรถยนต์โดยสารตู้ถึงแก่ความตาย จำเลยซึ่งเป็นตำรวจทางหลวงได้ขับรถปฏิบัติหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุหลังจากเกิดเหตุแล้ว และมิได้เห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุรถชนกันการที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยเห็นเหตุการณ์ขณะที่รถชนกัน โดยขณะเกิดเหตุจำเลยขับรถวิทยุตำรวจทางหลวงตามหลังรถบรรทุกมา และได้เห็นรถโดยสารตู้พุ่งชนรถบรรทุกในช่องทางเดินรถของรถบรรทุกจึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนซึ่งอาจทำให้โจทก์เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 172 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเฉพาะแล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา137ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานทั่วๆ ไปอีก
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 172 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเฉพาะแล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา137ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานทั่วๆ ไปอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1958/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเป็นองค์ประกอบความผิดอาญา ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้
เจตนาเป็นองค์ประกอบภายในของความผิดอาญาที่จะแสดงว่าจำเลยมีความผิดหรือไม่ อันเป็นมูลฟ้องในข้อหาบุกรุกลักทรัพย์ของโจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจยกเจตนาของจำเลยขึ้นวินิจฉัยได้ไม่ว่ากระบวนพิจารณา อยู่ในชั้นใด และจำเลยจะได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แล้วหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่ลงวันที่และการยินยอมภายหลัง ไม่ถือเป็นความผิดอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทโดยไม่ลงวันที่ ย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำความผิด แม้ต่อมาจำเลยจะไม่ตอบโจทก์แจ้งขัดข้องในการที่โจทก์จะกรอกวันที่ลงในเช็คเสียเอง โจทก์จึงลงวันที่ในเช็คตามที่แจ้งแก่จำเลยไว้โดยถือว่าจำเลยอนุญาต ก็มีผลเพียงให้เช็คพิพาทมีรายการสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น หามีผลที่จะปรับเป็นความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 251/2524)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 251/2524)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3574/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำให้เสียทรัพย์: การตัดต้นตาลบนคันนาที่เข้าใจว่าเป็นพื้นที่ของตนเอง ไม่เป็นความผิดอาญา
ที่ดินของผู้เสียหายเป็นที่สวน อยู่ติดกับที่นาของภริยาจำเลย การที่จำเลยตัดต้นตาล บนคันนา ซึ่งจำเลยเข้าใจว่างอกขึ้นเองในที่นาของภริยาจำเลย จึงขาดเจตนาที่จะทำให้ทรัพย์ของผู้เสียหายเสียหาย ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความโกรธแค้นเรื่องเหมืองน้ำ
จำเลยมีสาเหตุพิพาทกับผู้ตายเรื่องเหมืองน้ำซึ่งใช้ร่วมกันวันเกิดเหตุผู้ใหญ่บ้านกับพวกได้ไปที่เหมืองน้ำ และพูดไกล่เกลี่ยห้ามจำเลยขุดเหมืองน้ำลึกเกินไป ตกลงกันได้แล้วต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน การที่จำเลยถืออาวุธปืนลูกซองยาวเข้ามายิงผู้ตายโดยมิได้มีการพูดจาหรือโต้เถียงกับผู้ตายเลย หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านมาพูดจาไกล่เกลี่ยเพียง 1 ชั่วโมง จำเลยยิงผู้ตายนัดแรกขณะผู้ตายก้มหน้าดายหญ้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อผู้ตายล้มลงจำเลยก็ยิงซ้ำอีก 1 นัด อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ผู้ตายไปร้องเรียนว่าจำเลยขุดเหมืองน้ำลึกเกินไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003-3005/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน, รับรองเอกสารเท็จ, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
ระเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เป็นผู้เขียนกรอกเองได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การที่จำเลยได้ยอมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้นมิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจดการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(3)
ระเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เป็นผู้เขียนกรอกเองได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การที่จำเลยได้ยอมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้นมิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจดการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้: การบรรยายฟ้องที่ชัดเจนถึงเจตนาและพฤติกรรมการซ่อนเร้นทรัพย์สิน
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกันเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับชำระหนี้ ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้อยู่แล้ว ข้อความดังกล่าวจำเลยที่ 3 ย่อมเข้าใจคำฟ้องได้ดีว่า โจทก์ได้อ้างว่าจำเลยที่ 3 รู้และได้กระทำไปโดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 2 ต่อศาลอาญา และกำลังใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ฟ้องของโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตน การซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้ว ส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 3 ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตน การซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้ว ส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ การบรรยายฟ้องที่ชัดเจนถึงเจตนาและพฤติการณ์ซ่อนเร้นทรัพย์สินเพียงพอต่อการดำเนินคดี
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกันเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่1และที่2ได้รับชำระหนี้ซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้อยู่แล้วข้อความดังกล่าวจำเลยที่3ย่อมเข้าใจคำฟ้องได้ดีว่าโจทก์ได้อ้างว่าจำเลยที่3รู้และได้กระทำไปโดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่2ต่อศาลอาญาและกำลังใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ฟ้องของโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา350แล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่3ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตนการซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้วส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่3ปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินโดยกล่าวอ้างว่าเป็นของตนการซ่อนเร้นนั้นย่อมเข้าใจความหมายได้ชัดเจนดีอยู่แล้วส่วนจะกระทำด้วยวิธีอย่างใดเป็นเรื่องรายละเอียดซึ่งโจทก์จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม