คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำสั่ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตยื่นคำให้การใหม่ไม่ใช่คำสั่งตามมาตรา 18 ไม่สามารถอุทธรณ์ตามมาตรา 228(3) ได้
เมื่อศาลชั้นต้นไม่รับคำให้การของจำเลยเพราะยื่นพ้นกำหนด 8 วันแล้ว จำเลยหาได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นไม่ แต่จำเลยกลับยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การใหม่ อ้างว่าจำเลยไม่มีเจตนาจงใจไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของจำเลยแล้ว มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นครั้งใหม่ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามคำร้องนี้ไม่ใช่คำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ที่จำเลยจะใช้สิทธิตามมาตรา 228(3) อุทธรณ์ได้ แต่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาจำเลยอุทธรณ์คำสั่งนั้นทันทีไม่ได้ตามมาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม – คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด – ค่าธรรมเนียมศาล
เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้วเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 โจทก์ไม่มีสิทธิ์ที่จะฎีกาต่อไปได้อีก การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ จึงไม่เป็นการถูกต้อง ศาลฎีการับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยไม่ได้
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดในชั้นอุทธรณ์และคู่ความประสงค์ที่จะโต้แย้งคำพิพากษา หรือคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา ก็ชอบที่จะต้องยื่นฎีกามาในรูปของคำฟ้องฎีกา และต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ารับคำฟ้อง ค่าขึ้นศาล และค่าตัดสินมาด้วย สำหรับคดีนี้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเป็นค่าคำร้องเพียง 20 บาท ยังขาดอยู่และเมื่อศาลฎีการับฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะต้องสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์ นอกจากค่ารับคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 แต่โดยเหตุที่ค่าธรรมเนียม ค่ารับฟ้องฎีกามีจำนวนเงินเท่ากับค่าคำร้องที่โจทก์เสียมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคืนค่าธรรมเนียมหรือเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มจากโจทก์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับเนื่องจากคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดตามมาตรา 236 และการยื่นฎีกาไม่ถูกต้องตามรูปแบบ
เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ของโจทก์ และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นแล้วเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฎีกาต่อไปได้อีกการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ จึงไม่เป็นการถูกต้อง ศาลฎีการับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยไม่ได้
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดในชั้นอุทธรณ์และคู่ความประสงค์ที่จะโต้แย้งคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นต่อศาลฎีกา ก็ชอบที่จะต้องยื่นฎีกามาในรูปของคำฟ้องฎีกา และต้องเสียค่าธรรมเนียมค่ารับคำฟ้องค่าขึ้นศาล และค่าตัดสินมาด้วย สำหรับคดีนี้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมเป็นค่าคำร้องเพียง 20 บาท ยังขาดอยู่และเมื่อศาลฎีการับฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่ได้แล้ว ก็ชอบที่จะต้องสั่งให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้แก่โจทก์นอกจากคำรับคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151 แต่โดยเหตุที่ค่าธรรมเนียม คำรับฟ้องฎีกามีจำนวนเงินเท่ากับค่าคำร้องที่โจทก์เสียมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องคืนค่าธรรมเนียมหรือเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มจากโจทก์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเรื่องค่าชดเชย: ไม่ผูกพันทางกฎหมาย นายจ้างฟ้องเพิกถอนไม่ได้
พนักงานตรวจแรงงานเป็นแต่ผู้ไกล่เกลี่ยเรื่องค่าชดเชยคำเตือนที่ออกตามประกาศกระทรวงมหาดไทยมิใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดไม่มีผลบังคับในกฎหมายถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ต้องฟ้องบังคับกันต่อไป ฉะนั้นก็ยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิระหว่างนายจ้างกับพนักงานตรวจแรงงาน นายจ้างฟ้องให้ศาลเพิกถอนคำสั่งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแถลงของทนายแทนโจทก์เรื่องพยานไม่มาศาล ศาลชอบที่จะสั่งสืบพยานจำเลยได้ และไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องของโจทก์ภายหลัง
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์รอพยานอยู่จนเวลา 10.30 น. พยานโจทก์ก็ยังไม่มาศาลทนายโจทก์แถลงว่านัดกับ ร. พยานโจทก์แล้วว่าจะมา แต่ไม่มา ไม่ทราบจะทำประการใดขอให้ศาลสั่งต่อไปดังนี้เป็นการแถลงของทนายโจทก์ซึ่งมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 เมื่อศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ให้ถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไปตามที่จำเลยแถลงขอสืบพยาน จึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้วการที่วันรุ่งขึ้นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้สืบพยานโจทก์ใหม่ โดยอ้างว่าความจริงในวันนัด ร. มาศาลเมื่อเวลา 10.15 น. แต่มิได้เข้าห้องพิจารณาเพราะดูในกระดานนัดความของศาลไม่พบชื่อบริษัทโจทก์ ก็จะนำมาลบล้างคำแถลงของทนายโจทก์โดยจำเลยมิได้ยินยอมด้วยไม่ได้ทั้งเป็นการล่วงเลยเวลาสืบพยานโจทก์ไปแล้ว ไม่มีเหตุที่จะสืบพยานโจทก์ใหม่ศาลชอบที่จะยกคำร้องของโจทก์เสีย กรณีเช่นนี้ข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ตามคำร้องของโจทก์ชัดแจ้งแล้ว ศาลหาจำต้องไต่สวนคำร้องนั้นอีกไม่และมาตรา 21 ก็ไม่ได้บังคับว่าศาลต้องไต่สวนก่อนมีคำสั่งทั้งไม่ใช่กรณีที่ศาลไม่ให้โอกาสเต็มที่แก่คู่ความที่จะมาฟังการพิจารณาและใช้สิทธิเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาตามมาตรา 103 ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยเสร็จและมีคำพิพากษาแล้วจึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะใช้อำนาจตามมาตรา 243(2) ยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อนแล้วสั่งใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์: อำนาจศาลอุทธรณ์ในการรับอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา
ศาลชั้นต้นสั่งปรับนายประกันเพราะจำเลยไม่มาศาลตามวันเวลานัดพิจารณา นายประกันอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ นายประกันอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์คำสั่งนี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์: ต้องรอคำพิพากษาถึงฎีกาได้ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่สั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์นั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ยังมิได้มีคำพิพากษา จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3371/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่เคยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ทำให้ข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ไม่ เพราะเมื่อศาลไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 แล้วก็ต้องถือว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดของจำเลยที่ 2 ที่จำเลยที่ 2ฎีกานั้น ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2811/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหัวหน้ากองที่ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงระเบียบการจ่ายเงิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อธนาคาร
ธนาคารออมสินโจทก์ได้ออกคำสั่งวางระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการถอนเงินของนักเรียนผู้ฝากเงินนอกสถานที่ไว้ว่า เวลาจะถอนนักเรียนต้องมอบฉันทะให้อาจารย์ผู้ปกครองเป็นผู้ขอถอนให้โดยลงชื่อในใบมอบฉันทะ แล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารนำมาเบิกเงินที่ธนาคารเมื่อตรวจสอบกับบัญชีเงินฝากมียอดเงินถูกต้อง ก็ให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารเซ็นรับเงินไปตามที่ขอถอน แล้วนำใบถอนเงินกลับไปให้ผู้รับมอบฉันทะเซ็นชื่อในช่องผู้รับเงินในใบถอน แล้วจึงมอบเงินให้ จำเลยดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองส่งเสริมการออมทรัพย์ของธนาคารออมสินโจทก์ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว และได้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวมาหลายปี แต่ต่อมาจำเลยได้ออกคำสั่งใหม่โดยมิชอบด้วยระเบียบแบบแผนแก่พนักงานในบังคับบัญชาของจำเลย เปลี่ยนแปลงทางปฏิบัติตามคำสั่งเดิมที่วางไว้ว่า เมื่อมีการถอนเงินก็ให้มอบฉันทะให้พนักงานธนาคารมาถอนแล้ว พนักงานผู้มาถอนก็รับเงินของผู้ฝากไปมอบให้แก่ผู้ถอนนอกสถานที่ ซึ่งการปฏิบัติเช่นนี้ทำให้ปราศจากหลักฐานในการตรวจสอบว่าพนักงานจ่ายเงินให้แก่ตัวผู้ถอนหรือไม่ และเป็นเหตุให้พนักงานใต้บังคับบัญชาของจำเลยซึ่งได้รับมอบฉันทะจากนักเรียนให้มาถอนเงินแทนได้รับเงินแล้วไม่นำไปมอบให้แก่นักเรียนผู้มอบฉันทะ ดังนี้ จำเลยซึ่งเป็นผู้ออกคำสั่งย่อมต้องรับผิดในฐานะที่จำเลยเป็นผู้ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคารออมสินโจทก์ เมื่อผู้ฝากเงินยังไม่ได้รับเงินไป เพราะความผิดของพนักงานธนาคารซึ่งจำเลยต้องร่วมรับผิดชอบด้วย โดยธนาคารออมสินโจทก์ต้องรับสำรองจ่ายให้แก่ผู้ฝากไป ธนาคารออมสินโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: การรังวัดที่ดินตามคำสั่งนายอำเภอ
นาย จ. ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า จำเลยบุกรุกที่ดินน.ส.3 พนักงานสอบสวนจึงมีหนังสือถึงนายอำเภอขอให้สั่งพนักงานที่ดินไปร่วมทำการรังวัดสอบเขต นายอำเภอได้สั่งให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นเสมียนที่ดินอำเภอไปร่วมรังวัดสอบเขตกับพนักงานสอบสวน จำเลยไม่ยอมให้ทำการรังวัด และกล่าวดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "พนักงานที่ดินหมาๆ ชอบกินแต่เบี้ย(ชอบกินสินบน)" ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 แล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2515)
of 38