คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ซื้อขายที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินเพื่อหากำไรเข้าข่ายการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษี
บริษัทโจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจประเภทบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และยังมีวัตถุประสงค์จัดหาที่ดินมาจำหน่ายแก่ประชาชนโดยตรงตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่า มีกฎหมายบัญญัติบังคับห้ามมิให้โจทก์ซื้อหรือมีที่ดินหากซื้อที่ดินมากฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องขายไปในเวลาอันสมควร ดังนั้น เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดในราคา3,500,000 บาท แล้วหลังจากนั้นเพียง 8 วัน โจทก์ขายไปในราคาถึง 7,000,000 บาท แสดงว่าการซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของโจทก์ โจทก์ทราบดีว่าเป็นการซื้อเพื่อขายต่อ และการซื้อเพื่อขายต่อหากไม่ใช่เพื่อทางค้าหรือหากำไร โจทก์ก็คงจะไม่ลงทุนซื้อด้วยเงินจำนวนมากเช่นนี้ แม้โจทก์จะอ้างว่าจำเป็นต้องเข้าสู้ราคาซื้อที่ดินที่โจทก์รับจำนองไว้จากลูกค้าเพื่อให้ราคาที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ราคาสูงคุ้มต้นเงินและดอกเบี้ยและโจทก์ขายให้กับบริษัทในเครือของโจทก์ก็ตาม โจทก์ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการขายของโจทก์เป็นทางค้าหรือหากำไรเข้าลักษณะเป็นรายรับตามประเภทการค้า 11การค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรโจทก์จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 3.5ของรายรับ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1405/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยรู้อยู่แล้วว่ามีผู้ซื้อก่อน ย่อมเป็นสิทธิไม่สุจริต ไม่สามารถฟ้องขับไล่ได้
เมื่อโจทก์ซื้อและจดทะเบียนรับโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทมาจาก ช.โดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยได้ซื้อที่ดินและตึกแถวนั้นจาก ช. ไว้ก่อนแล้ว โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยไม่ได้เพราะเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต ส่วนข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าจำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างโจทก์กับ ช.นิติกรรมดังกล่าวย่อมสมบูรณ์อยู่ตลอดไปโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยได้นั้น ก็ฟังไม่ขึ้นเพราะ ช. มิได้เป็นโจทก์ในคดีนี้อันจำเลยจะฟ้องแย้งได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดิน: การรับฟังพยานหลักฐานการชำระเงินมัดจำและการไม่ยกประเด็นข้อกฎหมายใหม่ในชั้นฎีกา
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่ระบุว่า ได้มีการชำระเงินค่าที่ดินกันบางส่วนนั้น แม้จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังว่ามีการรับเงินดังกล่าวได้ เพราะหนังสือสัญญาดังกล่าวไม่ใช่ใบรับตาม ป. รัษฎากร
ปัญหาว่าเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ในเขตโครงการจัดรูปที่ดินตาม พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ฯ จะสามารถทำนิติกรรมโอนขายที่ดินนั้นให้กับบุคคลอื่นได้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ถ้าข้อกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกามีดุลพินิจที่จะไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา142(5).(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3925/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินจากการทุจริตและการสำคัญผิดในตัวบุคคล ทำให้การโอนเป็นโมฆะ
จำเลยที่ 1 จดทะเบียนรับซื้อที่ดินจากผู้ที่ปลอมชื่อเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งลักโฉนดที่ดินมาจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง แล้วจดทะเบียนจำนองที่ดินดังกล่าวกับจำเลยที่ 2 ดังนี้ จำเลยที่ 1 ไม่ได้ซื้อที่ดินพิพาทจากโจทก์หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ นิติกรรมซื้อขายเกิดจากการทุจริตโดยโจทก์ไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วย เป็นการสำคัญผิดในตัวบุคคล อันเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119 ถือเสมือนว่าไม่มีนิติกรรมการโอนเกิดขึ้น แม้การซื้อขายจะทำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และจำเลยที่ 1 ได้เสียค่าตอบแทนโดยสุจริต จำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์มีสิทธิขอให้เพิกถอนการโอนขายที่ดินดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและจำนอง หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลย
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่ 1รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่ 1 กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ดังนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและจำนอง หลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาเดิม คำสั่งคุ้มครองประโยชน์เดิมจึงสิ้นสุด
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ขอให้ห้ามจำเลยที่1จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่1รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่1ทำนิติกรรมใดๆเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่1รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่1ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่1กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่1ที่2ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ดังนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่1ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่1ต่อไปศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทำนาของผู้เช่าเดิมหลังการซื้อขายที่ดิน ผู้ซื้อต้องให้ผู้เช่าทำนาต่อไป การเก็บเกี่ยวข้าวไม่ใช่การลักทรัพย์
จำเลยเช่านาพิพาทจากผ.ต่อมาผ.ขายนาพิพาทให้ผู้เสียหายผู้เสียหายต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผ.ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524คือต้องให้จำเลยใช้นาแปลงพิพาทต่อไปผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิที่จะไถทับที่นาซึ่งจำเลยปลูกข้าวไว้การที่จำเลยเก็บเกี่ยวข้าวในที่นาแปลงพิพาทจึงแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะเก็บเกี่ยวข้าวที่จำเลยได้หว่านไว้แม้จะปรากฏว่าผู้เสียหายได้ไถทับที่นาและปลูกต้นข้าวไว้ในนาพิพาทก็ตามแต่โดยสภาพของต้นข้าวที่ขึ้นมาจำเลยไม่น่าจะแยกได้ว่าเป็นต้นข้าวที่ตนหว่านไว้หรือเป็นต้นข้าวที่ผู้เสียหายปลูกไว้จำเลยจึงไม่มีเจตนาทุจริตที่จะลักต้นข้าวของผู้เสียหายจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4096/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากการซื้อขายที่ดิน: ใช้กฎหมาย ณ วันที่ซื้อขาย ไม่ใช่กฎหมายที่ประกาศใช้ภายหลัง
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) ซึ่งใช้บังคับอยู่ในวันที่โจทก์ซื้อ และชำระราคาค่าที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาล เจ้าของที่ดิน ผู้ได้รับเงินค่าที่ดินได้รับยกเว้นไม่ต้องชำระภาษีเงินได้เนื่องจากการขายที่ดิน แม้ต่อมาจะมีพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 9)พ.ศ.2525 บัญญัติให้ผู้รับเงินได้จากการขายที่ดินต้องเสียภาษีเงินได้ และให้ผู้จ่ายเงินได้หักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินได้ก็หมายความว่า ผู้รับเงินได้จากการขายที่ดินตั้งแต่วันที่พระราชกำหนดดังกล่าวใช้บังคับเป็นต้นไปเท่านั้นที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ เมื่อผู้รับเงินได้ไม่จำต้องเสียภาษีเงินได้ในจำนวนเงินที่ได้รับจาก การขายที่ดิน โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิหักภาษีเงินได้ไว้เพื่อนำมาชำระ แก่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานที่ดินเมื่อโจทก์ขอจดทะเบียนซื้อขายที่ดินดังนั้น จำเลยจะบังคับให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้หักณ ที่จ่ายในการขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโดยที่กฎหมายซึ่งใช้บังคับ อยู่ในขณะนั้นมิได้บัญญัติให้โจทก์ต้องหักภาษีเงินได้ไว้จากผู้รับเงินได้ โดยจำเลยจะอาศัยกฎหมายที่ประกาศใช้ภายหลังย่อมเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2875/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินที่มีเจ้าของรวมต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของรวมทั้งหมด จึงจะสมบูรณ์
ที่ดินมีโฉนดซึ่ง พ. มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับพี่น้องคนอื่นและมิได้ มีการแบ่งแยกว่าส่วนของใครอยู่ตอนไหนและ มีเนื้อที่เท่าใดผู้มีชื่อในโฉนด ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันจึงยังเป็นเจ้าของรวมอยู่ตามส่วนที่ตนถือกรรมสิทธิ์
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อที่ดินกับ พ.โดยระบุว่าที่ดินตามเนื้อที่ ที่ตกลงซื้อขายกันนี้อยู่ทางทิศตะวันออกของที่ดินแปลงใหญ่จึงเป็น การซื้อขายตัวทรัพย์ซึ่งมิใช่เป็นการ ขายกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของพ. จะกระทำได้ก็แต่ด้วยความยินยอมแห่งเจ้าของรวมทุกคนเมื่อยังมิได้ มีการแบ่งที่ดินเป็นส่วนสัดการที่พ. เอาตัวทรัพย์มาทำสัญญาจะขาย ให้โจทก์โดยเจ้าของรวมคนอื่นมิได้ยินยอมด้วย จึงไม่มีผลผูกพัน เจ้าของรวมคนอื่นและโจทก์จะฟ้องบังคับตามสัญญามิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2434/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมีโฉนด การโอนสิทธิครอบครองทำได้โดยการทำสัญญาซื้อขายและครอบครองทรัพย์สินจริง
การโอนสิทธิครอบครองเนื่องจากมีการซื้อขายที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วนั้นย่อมทำได้โดยสมบูรณ์ ด้วยการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 4ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ข้อ 2 ซึ่งเป็นการกระทำตามแบบของกฎหมายประการ หนึ่งกับกระทำการโอนโดยข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377,1378 อีกประการหนึ่งซึ่งไม่ต้องมีแบบการที่โจทก์ขายที่พิพาทอันเป็นที่มีน.ส.3ให้จำเลยโดยทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันเองและจำเลยได้เข้าครอบครองยึดถือที่พิพาทหลังจากทำการซื้อจาก โจทก์แล้วโดยปลูกบ้าน ปลูกต้นไม้ และสร้างยุ้งข้าวจำเลยจึงได้มาซึ่งสิทธิครอบครองโดยประการหลัง หาจำต้องทำตามแบบของนิติกรรมไม่ และกรณีเช่นนี้ไม่เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 115
of 50