คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประมาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 560 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1715/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยประมาทจากเหตุไฟไหม้: ปัญหาข้อเท็จจริงที่ห้ามฎีกา
ฎีกาของจำเลยที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นไปตามปกติธรรมดาของชาวสวนชาวไร่ทั่วไปซึ่งบุคคลในขณะจุดไฟเผาย่อมไม่คาดคิดถึงผลการกระทำของตนว่าเพลิงจะลุกลามไปจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่น จำเลยจึงยังไม่มีความผิดตามฟ้องเพราะเป็นการกระทำที่ไม่อาจคาดคิดว่าน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น แต่เหตุที่เกิดเพลิงไม้ทรัพย์โจทก์ร่วมนี้เพราะจำเลยกระทำโดยประมาทนั้น การที่จะคาดคิดว่าการจุดไฟของจำเลยน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินผู้อื่นหรือไม่ เป็นความคิดเห็น เป็นการคาดคะเนเหตุการณ์ข้างหน้าที่ยังไม่เกิดขึ้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เลขทะเบียนรถยนต์ในฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง หากพิสูจน์ได้ว่าจำเลยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข - 4075 โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหาย โจทก์ได้ใช้ ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิ เรียกร้องเอาแก่จำเลยแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่ารถยนต์ที่ จำเลยขับเป็นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข - 4095 ซึ่ง แตกต่างกับที่กล่าวในฟ้องก็ตาม ก็เป็นเพียงการแตกต่าง เกี่ยวกับเลขทะเบียนรถยนต์เท่านั้น ข้อสำคัญแห่งประเด็น อยู่ที่ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์ รับประกันภัยหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยก็ชอบที่จะ ให้จำเลย ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2500/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของอู่ซ่อมรถต่อการสูญหายของสินค้าในรถ การประมาทของทั้งสองฝ่าย และการกำหนดค่าเสียหาย
จำเลยมีอาชีพรับซ่อมรถ โดยปกติย่อมมีหน้าที่ระวังรักษาตัวรถที่รับจ้างซ่อมเท่านั้น ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในรถมีสิ่งของมีค่าอย่างอื่นอยู่ด้วยหรือไม่เว้นแต่เจ้าของรถหรือผู้นำรถมาซ่อมจะได้บอกกล่าวหรือมอบฝากไว้ เพื่อจำเลยจะได้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษนอกเหนือจากตัวรถ ดังนั้น เมื่อลูกจ้างของโจทก์นำรถมาซ่อมที่อู่ของจำเลยโดยไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบว่าในรถมีสินค้ามีค่าสูงบรรทุกอยู่ในตู้ทึบ และโจทก์มิได้กำชับจำเลยว่าให้มอบรถให้แต่เฉพาะคนที่ขับรถไปซ่อมเท่านั้น การที่จำเลยมอบรถแก่ผู้ที่แอบอ้างเป็นลูกจ้างโจทก์ไปเป็นเหตุให้สินค้าของโจทก์ในรถสูญหายย่อมถือได้ว่า โจทก์มีส่วนทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายประกอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดก็ได้โดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ตามมาตรา 223
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2468/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน ไม่ถือเป็นการประมาท หากไม่มีเวลาตัดสินใจ
ขณะที่ อ. ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์มาตามถนนตามปกติได้มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากซอยด้านซ้ายมือตัดหน้ารถยนต์ที่ อ.ขับโดยกระชั้นชิด อ.จึงหักหลบเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ที่โจทก์ขับสวนทางมา ดังนี้ถือไม่ได้ว่า อ.ขับรถด้วยความประมาท เพราะ อ.ไม่มีโอกาสที่ทันได้คิดหรือตัดสินใจว่าจะหักหลบไปทางซ้ายหรือทางขวา เหตุที่เกิดขึ้นจึงมิใช่เพราะความประมาทของ อ.จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างของ อ.จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2468/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักหลบรถตัดหน้า: นายจ้างไม่ต้องรับผิดหากลูกจ้างไม่ได้ประมาท
ขณะที่ อ.ลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์มาตามถนนตามปกติได้มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากซอยด้านซ้ายมือตัดหน้ารถยนต์ที่ อ.ขับโดยกระชั้นชิด อ.จึงหักหลบเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ที่โจทก์ขับสวนทางมา ดังนี้ถือไม่ได้ว่า อ.ขับรถด้วยความประมาทเพราะอ.ไม่มีโอกาสที่ทันได้คิดหรือตัดสินใจว่าจะหักหลบไปทางซ้ายหรือทางขวา เหตุที่เกิดขึ้นจึงมิใช่เพราะความประมาทของ อ.จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างของ อ.จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการจุดไฟเผาพื้นที่ และการไม่ระมัดระวังจนเกิดเพลิงไหม้ลุกลามเสียหาย
แม้ก่อนจะจุดไฟเผาสวนของจำเลย จำเลยได้ถากถางต้นไม้เพื่อกันไฟมิให้ลุกลามติดสวนของผู้อื่น และไฟที่จำเลยจุดมิได้ลุกลามไปติดสวนของผู้เสียหายในทันทีก็ตาม แต่การที่จำเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูและดับไฟที่จำเลยจุดเผาสวนไว้ก่อนเกิดเหตุ 3-4 วันให้หมด ปล่อยไว้ให้ติดคุขอนไม้จนเป็นเหตุให้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์สินของผู้เสียหายจำเลยย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหายจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการจุดไฟเผา และความรับผิดทางอาญาต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
แม้ก่อนจะจุดไฟเผาสวนของจำเลย จำเลยได้ถากถางต้นไม้เพื่อกันไฟมิให้ลุกลามติดสวนของผู้อื่น และไฟที่จำเลยจุดมิได้ลุกลามไปติดสวนของผู้เสียหายในทันทีก็ตามแต่การที่จำเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูและดับไฟที่จำเลยจุดเผาสวนไว้ก่อนเกิดเหตุ 3-4 วันให้หมดปล่อยไว้ให้ติดคุขอนไม้จนเป็นเหตุให้ลุกลามไปไหม้ทรัพย์สินของผู้เสียหายจำเลยย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และเป็นเหตุให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหายจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1978-1979/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดเจ้าของรถยนต์: จำเป็นต้องบรรยายการครอบครองหรืออยู่ในรถขณะเกิดเหตุ
ฟ้องโจทก์บรรยายเพียงว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถยนต์จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างและเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ไปในทางการที่จ้างแล้วเกิดเหตุขึ้นหาได้บรรยายให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองหรือนั่งไปในรถยนต์ในขณะเกิดเหตุ อันเป็นหลักแห่งข้อหาที่จะให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยที่1 รับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 มิได้เพราะเป็นเรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญา
หลังจากโจทก์ฟ้องคดีแพ่งแล้ว อัยการศาลทหารกรุงเทพ (พนักงานอัยการ กรมอัยการ) ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นมูลกรณีเดียวกัน คดีแพ่งเรื่องนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 และพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 บัญญัติให้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ฟังข้อเท็จจริงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส พิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญาฟังได้ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าจำเลยทำละเมิดโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม – เหตุสุดวิสัย – ละเมิด – การประมาท – ความรับผิดทางแพ่ง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำละเมิดของจำเลยเป็นเหตุให้สินค้าในรถของโจทก์ทั้งสองคันเสียหาย คือปลาสด 7,370 กิโลกรัมเศษ กุ้งสด 5,638 กิโลกรัม เศษ ปูสด 35 กิโลกรัม ไข่สด 1,195 กิโลกรัม กับอีก 5,000 ฟอง และน้ำแข็ง 93 ลัง เสียหายทั้งหมดคิดเป็นเงินรวม372,909 บาท โจทก์รับจ้างขนสินค้าดังกล่าวจึงต้องชดใช้ราคาสินค้าทั้งหมดและโจทก์ได้ชดใช้เงินค่าสินค้าจำนวนดังกล่าวให้แก่เจ้าของสินค้าครบถ้วนแล้ว โจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิมาเรียกร้องเอาจากจำเลย ดังนี้ เป็นการแสดงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว หาจำต้องบรรยายว่าทรัพย์สินที่เสียหายเป็นของผู้ใดจำนวนเท่าใดไม่ เพราะเป็นรายละเอียดอันจะนำสืบกันในชั้นพิจารณาได้ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ที่เกิดเหตุมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวเป็นปกติซึ่งจำเลยที่ 2 และนายท้ายเรือคนอื่น ๆ เคยประสบมาเป็นประจำอยู่แล้วโดยไม่เกิดเหตุร้าย แสดงว่าในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่าแม้กระแสน้ำจะไหลเชี่ยว ถ้าจำเลยที่ 2 ใช้ความระมัดระวังตามสมควรอย่างเช่นเคย เรือแพขนานยนต์ก็ไม่เอียง และรถจะไม่ไหลตกทะเล เหตุที่เกิดขึ้นจึงเกิดแต่จำเลยที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอในการขับเรือแพขนานยนต์เข้าจอดเทียบท่า หาใช่เกิดแต่เหตุสุดวิสัยที่จำเลยที่ 2 จะป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้แต่อย่างใดไม่
of 56