พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญา การก่อสร้างตึกแถว และการผูกพันตามแบบแปลนที่ได้รับอนุมัติ
สัญญาก่อสร้างตึกแถวระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ระบุแบบแปลนการก่อสร้างไว้แน่นอนในตัวสัญญาแต่ได้กำหนดเงื่อนไขให้จำเลยทำการก่อสร้างตึกแถว12 ห้อง ภายในเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่ได้รับอนุญาตจากเทศบาล และต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนับแต่วันที่เทศบาลอนุญาต ดังนี้ ต้องถือว่า แบบแปลนที่จำเลยยื่นขออนุญาตต่อเทศบาล และได้รับอนุมัติแล้วคือแบบแปลนตามสัญญาที่จำเลย จะต้องทำการก่อสร้างให้ถูกต้อง การตีความสัญญาจะต้องตีความไปตามความประสงค์ในทางสุจริตโดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วยประกอบกันเมื่อปรากฏว่าข้อความในสัญญาแจ้งชัด และถูกต้องตามทางปฏิบัติอันชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับของทางราชการแล้ว ก็ถือได้ว่า ไม่เข้ากรณีที่มีข้อสงสัยอันจะต้องตีความให้เป็น คุณแก่ฝ่ายจำเลยผู้ที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียหาย ในมูลหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาเด็ดขาดผูกพันคู่ความ การฟ้องขับไล่ต้องพิจารณาจากการครอบครองที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จำเลยเคยพิพาทฟ้องร้องเกี่ยวกับที่ดินแปลงพิพาทมาก่อนแล้ว และคดีถึงที่สุดโดยคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งวินิจฉัยว่าจำเลย (โจทก์คดีนี้) ได้แย่งการครอบครองที่พิพาทของโจทก์ (จำเลยคดีนี้) มาเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง จึงฟังเป็นยุติได้ว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาท ผลแห่งคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 จำเลยจำต้องยอมรับผลแห่งคำพิพากษานั้น จะมาโต้เถียงอีกว่าความจริงที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและจำเลยเป็นผู้ทำประโยชน์อยู่ตลอดมา ทั้ง ๆ ที่ตนต้องคำพิพากษาให้เป็นฝ่ายแพ้คดีหาได้ไม่ มิฉะนั้นแล้วคำพิพากษาของศาลย่อมจะไร้ผล ดังนั้น เมื่อจำเลยเข้ามารบกวนการครอบครองที่พิพาทของโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความในคดีต่อมา การฟ้องขับไล่ทำได้หากจำเลยรบกวนการครอบครองของผู้ชนะคดีก่อน
คดีก่อนศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าโจทก์คดีนี้ได้แย่งการครอบครองที่พิพาทของจำเลยมาเกิน1ปีแล้วจำเลยซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อนไม่มีสิทธิฟ้องจึงต้องฟังเป็นยุติว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทผลแห่งคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนตามป.วิ.พ.มาตรา145ดังนั้นเมื่อจำเลยรบกวนการครอบครองที่พิพาทของโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้จำเลยจะโต้เถียงอีกว่าความจริงที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันและจำเลยเป็นผู้ทำประโยชน์ตลอดมาหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556-557/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำวินิจฉัยคณะกรรมการอุทธรณ์ตามระเบียบข้อบังคับบริษัท: นายจ้างต้องผูกพัน
ระเบียบพนักงานบริษัทขนส่ง จำกัดเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจึงมีผลใช้บังคับแก่นายจ้างและลูกจ้างเมื่อตามระเบียบฯให้สิทธิแก่ลูกจ้างผู้ถูกลงโทษอุทธรณ์คำสั่งลงโทษไปยังคณะกรรมการอุทธรณ์ก็เท่ากับนายจ้างยอมรับที่จะปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์แม้ระเบียบจะมิได้กำหนดไว้ชัดแจ้งว่าคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์ให้มีผลผูกมัดนายจ้างก็ตาม จำเลยมีคำสั่งลงโทษไล่โจทก์ออกจากงานโจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ของจำเลยตามระเบียบพนักงานบริษัทขนส่ง จำกัดของจำเลยแล้วดังนี้เมื่อคณะกรรมการอุทธรณ์วินิจฉัยให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งลงโทษของจำเลยจำเลยต้องผูกพันปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการอุทธรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง แม้ศาลอื่นจะมีอำนาจ
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่า หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: โจทก์ผูกพันต้องฟ้องตามข้อตกลง แม้จะมีเขตอำนาจอื่น
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา 7 โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตัง และสาขาตรัง ให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานคร โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4115/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเรื่องเขตอำนาจศาล: ผูกพันโจทก์ต้องฟ้องตามที่ตกลง
การจะเสนอคำฟ้องต่อศาลใดต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา4ซึ่งมีบทบัญญัติยกเว้นไว้ตามมาตรา7โจทก์กับจำเลยมีข้อตกลงกันเป็นหนังสือว่าหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อตกลงตามบันทึกส่งมอบกิจการหรือตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทนดำเนินกิจการธนาคารโจทก์สาขากันตังและสาขาตรังให้เสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครซึ่งเป็นจังหวัดที่โจทก์และจำเลยที่2มีภูมิลำเนาอยู่ข้อตกลงนี้ผูกพันโจทก์ที่จะต้องเสนอคำฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจในจังหวัดพระนครหรือกรุงเทพมหานครโจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลจังหวัดตรังที่มีเขตอำนาจนอกเหนือไปจากข้อตกลงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ทำผ่านไกล่เกลี่ยของพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน มีผลผูกพันสมาชิกสหภาพแรงงาน
พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานระหว่างจำเลยกับสหภาพแรงงานของจำเลยตกลงกันได้ว่า จำเลยตกลงนำเงินค่าครองชีพเดือนละ 500 บาท ไปรวมกับเงินเดือนของพนักงาน และพนักงานไม่ติดใจที่จะนำปัญหาการคิดคำนวณค่าล่วงเวลาย้อนหลังไปฟ้องร้องต่อไปอีก บันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่เกิดขึ้นจากการแจ้งข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานของจำเลยต่อจำเลย ผู้แทนทั้งสองฝ่ายลงลายมือชื่อในบันทึกข้กตกลงที่พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้บันทึกไว้ แล้วคู่กรณีนำไปจดทะเบียนต่ออธิบดีกรมแรงงานจึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่เกิดขึ้นโดยชอบตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มีผลใช้บังคับและผูกพันคู่กรณีรวมทั้งโจทก์ทั้งหมดซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน ไม่ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าล่วงเวลาค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด โดยนำค่าครองชีพไปรวมกับเงินเดือนเป็นฐานคำนวณย้อนหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงสภาพการจ้างที่ผูกพันสมาชิกสหภาพแรงงาน: การนำค่าครองชีพมารวมเงินเดือน และผลกระทบต่อการเรียกร้องค่าล่วงเวลา
พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานระหว่างจำเลยกับสหภาพแรงงานของจำเลยตกลงกันได้ว่า จำเลยตกลงนำเงินค่าครองชีพเดือนละ 500 บาท ไปรวมกับเงินเดือนของพนักงานและพนักงานไม่ติดใจที่จะนำปัญหาการคิดคำนวณค่าล่วงเวลาย้อนหลังไปฟ้องร้องต่อไปอีก บันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่เกิดขึ้นจากการแจ้งข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานของจำเลยต่อจำเลย ผู้แทนทั้งสองฝ่ายลงลายมือชื่อในบันทึกข้กตกลงที่พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้บันทึกไว้ แล้วคู่กรณีนำไปจดทะเบียนต่ออธิบดีกรมแรงงานจึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่เกิดขึ้นโดยชอบตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518 มีผลใช้บังคับและผูกพันคู่กรณีรวมทั้งโจทก์ทั้งหมดซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานไม่ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าล่วงเวลาค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด โดยนำค่าครองชีพไปรวมกับเงินเดือนเป็นฐานคำนวณย้อนหลัง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ทำผ่านสหภาพแรงงานมีผลผูกพันสมาชิก แม้จะไม่ได้ฟ้องร้องค้างเก่า
พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานระหว่างจำเลยกับสหภาพแรงงานของจำเลยตกลงกันได้ว่าจำเลยตกลงนำเงินค่าครองชีพเดือนละ500บาทไปรวมกับเงินเดือนของพนักงานและพนักงานไม่ติดใจที่จะนำปัญหาการคิดคำนวณค่าล่วงเวลาย้อนหลังไปฟ้องร้องต่อไปอีกบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่เกิดขึ้นจากการแจ้งข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานของจำเลยต่อจำเลยผู้แทนทั้งสองฝ่ายลงลายมือชื่อในบันทึกข้กตกลงที่พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานได้บันทึกไว้แล้วคู่กรณีนำไปจดทะเบียนต่ออธิบดีกรมแรงงานจึงเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่เกิดขึ้นโดยชอบตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518มีผลใช้บังคับและผูกพันคู่กรณีรวมทั้งโจทก์ทั้งหมดซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานไม่ขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าล่วงเวลาค่าทำงานในวันหยุดค่าล่วงเวลาในวันหยุดโดยนำค่าครองชีพไปรวมกับเงินเดือนเป็นฐานคำนวณย้อนหลัง.