พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เสียหายในคดีเช็ค: การระบุตัวผู้ทรงเช็คที่แท้จริงและการมีสิทธิเข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยยืมเงินโจทก์ร่วมโจทก์ร่วมเอาเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการให้จำเลยจึงออกเช็คให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไว้เพื่อชำระหนี้ โจทก์ร่วมได้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ร่วมเพื่อเรียกเก็บเงินแต่นำเช็คเข้าบัญชีไม่ได้ ดังนี้ ถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่ได้สลักหลังเช็คให้โจทก์ร่วมและยังเป็นผู้ทรงเช็คอยู่ ไม่ใช่โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงห้างหุ้นส่วนจำกัด นั้นจึงเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับจำเลยและเมื่อโจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเข้าเป็นโจทก์ร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' ผู้ทรงเช็คมีสิทธิเรียกเก็บเงิน แม้ได้มาโดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สั่งจ่าย
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงินแต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อหากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็คย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไรแม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรเป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงินแต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อหากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็คย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไรแม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรเป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่นและบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย 'หรือผู้ถือ' โอนเปลี่ยนมือได้ ผู้ทรงเช็คร้องฟ้องได้ แม้รับเช็คมาโดยมิได้มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้สั่งจ่าย
บุคคลผู้ลงลายมือชื่อของตนในเช็คย่อมจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน. แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น. ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ. หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น. เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์. โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค.ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย. เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้. ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร. แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง. ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า. โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริต.และไม่ชอบด้วยกฎหมาย. แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร. เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง.
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่น.และบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้. แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้. เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายโดยระบุชื่อผู้รับเงิน. แต่มิได้ขีดฆ่าคำว่า 'หรือผู้ถือ' ออกนั้น. ย่อมแสดงว่าผู้สั่งจ่ายประสงค์สั่งจ่ายไม่เฉพาะผู้รับเงินซึ่งระบุชื่อ. หากยอมจ่ายให้แก่ผู้ถือด้วย.
เช็คซึ่งสั่งจ่ายแก่ผู้ถือนั้น. เมื่อโอนเปลี่ยนมือตกมาอยู่กับโจทก์. โจทก์เป็นผู้ครอบครองหรือผู้ถือเช็ค.ย่อมเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย. เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คจากธนาคารไม่ได้. ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายให้ใช้เงินตามเช็คนั้น.
ในการฟ้องคดีไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับเช็คซึ่งโจทก์เป็นผู้ทรงมาอย่างไร. แม้จะกล่าวฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คนั้นชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่โจทก์ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง. ก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ทรงเช็คโดยชอบต้องเสียไป.
จำเลยให้การต่อสู้ว่า. โจทก์ได้เช็คมาโดยไม่สุจริต.และไม่ชอบด้วยกฎหมาย. แต่ไม่กล่าวให้ชัดว่าไม่สุจริตและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร. เป็นคำให้การคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง.
ถึงแม้จำเลยจะสั่งจ่ายเช็คให้แก่บุคคลอื่น.และบุคคลนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อผูกพันจำเลยจึงแจ้งอายัดเช็คไว้. แต่จำเลยจะยกข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันระหว่างตนกับบุคคลนั้นขึ้นต่อสู้โจทก์ผู้ทรงเช็คไม่ได้. เว้นแต่การโอนจะได้มีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คขีดคร่อมปฏิเสธการจ่ายเงิน ธนาคารมีสิทธิปฏิเสธ ผู้ทรงเช็คเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์
เช็คขีดคร่อมที่ผู้ทรงจะต้องนำเข้าบัญชีที่ตนมีบัญชีฝากเงินในธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงินนั้น เป็นทางปฏิบัติของธนาคารอันเป็นรายละเอียด เมื่อผู้ทรงนำเช็คขึ้นเงินและธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คพิพาท เพราะจำเลยผู้สั่งจ่ายมีเงินฝากในบัญชีน้อยกว่าจำนวนเงินที่ จำเลยสั่งจ่ายในเช็คพิพาท ก็ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ แล้ว
จำเลยได้ออกเช็คพิพาทให้ผู้มีชื่อ เพื่อใช้หนี้เงินยืม ผู้มีชื่อจึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามกฎหมายการที่ผู้มีชื่อนำเช็คพิพาทไปรับเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธกรจ่าย เงินตามเช็คนั้นผู้มีชื่อที่รับเช็คไว้จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายและมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
จำเลยได้ออกเช็คพิพาทให้ผู้มีชื่อ เพื่อใช้หนี้เงินยืม ผู้มีชื่อจึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามกฎหมายการที่ผู้มีชื่อนำเช็คพิพาทไปรับเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธกรจ่าย เงินตามเช็คนั้นผู้มีชื่อที่รับเช็คไว้จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายและมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1720/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คขีดคร่อม & ผู้เสียหาย: การปฏิเสธจ่ายเช็คเนื่องจากเงินไม่พอ & สิทธิร้องทุกข์ของผู้ทรงเช็ค
เช็คขีดคร่อมที่ผู้ทรงจะต้องนำเข้าบัญชีที่ตนมีบัญชีฝากเงินในธนาคาร เพื่อเรียกเก็บเงินนั้น. เป็นทางปฏิบัติของธนาคารอันเป็นรายละเอียด. เมื่อผู้ทรงนำเช็คขึ้นเงินและธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คพิพาท เพราะจำเลยผู้สั่งจ่ายมีเงินฝากในบัญชีน้อยกว่าจำนวนเงินที่จำเลยสั่งจ่ายในเช็คพิพาท. ก็ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ แล้ว.
จำเลยได้ออกเช็คพิพาทให้ผู้มีชื่อ เพื่อใช้หนี้เงินยืม. ผู้มีชื่อจึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามกฎหมาย. การที่ผู้มีชื่อนำเช็คพิพาทไปรับเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น. ผู้มีชื่อที่รับเช็คไว้นั้นจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายและมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน.
จำเลยได้ออกเช็คพิพาทให้ผู้มีชื่อ เพื่อใช้หนี้เงินยืม. ผู้มีชื่อจึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทตามกฎหมาย. การที่ผู้มีชื่อนำเช็คพิพาทไปรับเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น. ผู้มีชื่อที่รับเช็คไว้นั้นจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายและมีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องผู้ทรงเช็คหลังโอนต่อ – เช็คผู้ถือ
เช็คผู้ถือซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์โอนเช็คนั้นต่อไป ผู้ได้รับโอนเอาไปขอรับเงินจากธนาคาร ธนาคารไม่จ่ายเงิน ผู้รับโอนนั้นจึงโอนเช็คคืนให้โจทก์ โจทก์เป็นผู้ทรง มีอำนาจฟ้องจำเลยเรียกเงินตามเช็คนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินตามเช็ค: ประเด็นผู้ทรงเช็คโดยไม่บริสุทธิ์ และผลของคำพิพากษาคดีอาญา
คำให้การของจำเลยที่ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่บริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์อย่างไรมิได้แสดงไว้ ถือว่าไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 และ 989ผู้ทรงเช็คมีสิทธิว่ากล่าวเอาแก่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังเรียงตัวหรือรวมกันก็ได้ โดยมิพักต้องดำเนินตามลำดับที่คนเหล่านั้นมาต้องผูกพัน
เมื่อจำเลยแถลงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าจะขอสืบพยานเพียง 2 ข้อ จำเลยจะขอสืบพยานในประเด็นข้ออื่นนอกจาก 2 ข้อนั้นมิได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย และปรากฏว่าเกี่ยวกับเช็ครายนี้จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในข้อหาว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์คดีนี้โดยไม่มีเงินอยู่ในธนาคาร ข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่พิพากษาว่าจำเลยยอมให้ผู้อื่นกรอกจำนวนเงินในเช็คและเมื่อผู้นั้นกรอกแล้ว จำเลยก็มิได้คัดค้านประการใด เพียงแต่ขอผัดเรื่อยๆ นั้นย่อมนำมารับฟังในคดีแพ่งว่าจำเลยต้องรับผิดตามเช็คนั้นได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 967 และ 989ผู้ทรงเช็คมีสิทธิว่ากล่าวเอาแก่ผู้สั่งจ่ายหรือผู้สลักหลังเรียงตัวหรือรวมกันก็ได้ โดยมิพักต้องดำเนินตามลำดับที่คนเหล่านั้นมาต้องผูกพัน
เมื่อจำเลยแถลงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าจะขอสืบพยานเพียง 2 ข้อ จำเลยจะขอสืบพยานในประเด็นข้ออื่นนอกจาก 2 ข้อนั้นมิได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย และปรากฏว่าเกี่ยวกับเช็ครายนี้จำเลยถูกศาลพิพากษาลงโทษในข้อหาว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์คดีนี้โดยไม่มีเงินอยู่ในธนาคาร ข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่พิพากษาว่าจำเลยยอมให้ผู้อื่นกรอกจำนวนเงินในเช็คและเมื่อผู้นั้นกรอกแล้ว จำเลยก็มิได้คัดค้านประการใด เพียงแต่ขอผัดเรื่อยๆ นั้นย่อมนำมารับฟังในคดีแพ่งว่าจำเลยต้องรับผิดตามเช็คนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีเช็ค: การเปลี่ยนสถานะจากผู้รับเช็คเป็นผู้ทรงเช็คต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานการใช้เงิน
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินสดจำนวนหนึ่งแล้ว ส.นำเช็คดังกล่าวมาแลกเงินจากโจทก์ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. โจทก์สั่งจ่ายเงินจำนวนนั้นให้ ส.รับไป โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนี้ เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค โจทก์ได้บรรยายฟ้องมีความเช่นเดียวกับคำฟ้องคดีอาญา มิได้มีข้อความเพิ่มเติมแสดงว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว โจทก์ต้องใช้เงินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. จึงโอนเช็คพิพาทให้โจทก์มาจัดการเอาเอง คำพิพากษาในส่วนอาญาก็ได้วินิจฉัยว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ทั้งนี้ ย่อมเป็นการวินิจฉัยและฟังตามบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งมาแล้วว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจำต้องถือตามดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 บังคับไว้ คดีไม่มีเหตุที่จะต้องพิจารณาตามมาตรา 47 ประการใดอีกเมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมว่าต่อมาโจทก์ต้องใช้เงินตามเช็คให้แก่ห้างดังกล่าวและห้างนั้นได้โอนเช็คให้โจทก์มาจัดการเอง เป็นการที่โจทก์ได้เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขึ้นด้วยนั้น คดีไม่มีประเด็นที่โจทก์จะนำสืบดังกล่าวนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็ค – อำนาจฟ้อง – ความเกี่ยวเนื่องคดีแพ่งอาญา – การโอนเช็ค
จำเลยออกเช็คสั่งจ่ายเงินสดจำนวนหนึ่งแล้ว ส. นำเช็คดังกล่าวมาแลกเงินจากโจทก์ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. โจทก์สั่งจ่ายเงินจำนวนนั้นให้ ส. รับไป โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญา ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนี้ เมื่อโจทก์มาฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็ค โจทก์ได้บรรยายฟ้องมีความเช่นเดียวกับคำฟ้องคดีอาญา มิได้มีข้อความเพิ่มเติมแสดงว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว โจทก์ต้องใช้เงินให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. ห้างหุ้นส่วนจำกัดค. จึงโอนเช็คพิพาทให้โจทก์มาจัดการเอาเอง คำพิพากษาในส่วนอาญาก็ได้วินิจฉัยว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ค. เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายทั้งนี้ ย่อมเป็นการวินิจฉัยและฟังตามบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่งมาแล้วว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจำต้องถือตามดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 บังคับไว้คดีไม่มีเหตุที่จะต้องพิจารณาตามมาตรา 47 ประการใดอีกเมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมว่าต่อมาโจทก์ต้องใช้เงินตามเช็คให้แก่ห้างดังกล่าว และห้างนั้นได้โอนเช็คให้โจทก์มาจัดการเองเป็นการที่โจทก์ได้เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทขึ้นด้วยนั้น คดีไม่มีประเด็นที่โจทก์จะนำสืบดังกล่าวนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันของผู้สั่งจ่ายเช็คต่อผู้ทรงเช็ค แม้การได้มาซึ่งเช็คจะต่างจากที่ฟ้อง
โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยได้รับการสลักหลังมาจากผู้ทรงคนอื่น เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับเช็คไว้โดยไม่สุจริต การที่จำเลยขออายัดเช็คนั้นต่อธนาคาร ไม่ทำให้จำเลยพ้นจากความรับผิดในฐานะเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คนั้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 989 ประกอบกับมาตรา 914
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้สั่งเช็คจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2505 แต่ในวันสืบพยานปรากฏว่าโจทก์ได้เช็คนี้มาเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 2505 โดยการสลักหลังจากผู้ทรงอีกคนหนึ่ง ดังนี้ เมื่อจำเลยเป็นผู้สั่งเช็ค แล้วต่อมาโจทก์ได้เป็นผู้ทรงเช็คนั้น ก็เป็นอันถือได้ว่าจำเลยมีความผูกพันต่อโจทก์ตามเช็คนั้น แม้การที่โจทก์ได้เช็คไว้ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะแตกต่างไปจากคำฟ้องบ้าง ก็ไม่ถึงกับทำให้คดีโจทก์เสียไป
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้สั่งเช็คจ่ายเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2505 แต่ในวันสืบพยานปรากฏว่าโจทก์ได้เช็คนี้มาเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม 2505 โดยการสลักหลังจากผู้ทรงอีกคนหนึ่ง ดังนี้ เมื่อจำเลยเป็นผู้สั่งเช็ค แล้วต่อมาโจทก์ได้เป็นผู้ทรงเช็คนั้น ก็เป็นอันถือได้ว่าจำเลยมีความผูกพันต่อโจทก์ตามเช็คนั้น แม้การที่โจทก์ได้เช็คไว้ ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาจะแตกต่างไปจากคำฟ้องบ้าง ก็ไม่ถึงกับทำให้คดีโจทก์เสียไป