คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พฤติการณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 790 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3620/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้จะอ้างป้องกันสิทธิ แต่มีพฤติการณ์บ่งชี้เจตนาเพื่อก่อเหตุ
จำเลยพาอาวุธปืนไปที่บ้านผู้นายเพื่อพบ อ. ซึ่งเคยมีสาเหตุกับจำเลยมาก่อนโดยจำเลยเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าจะมีเรื่องร้ายแรงถึงขาดที่ต้องใช้อาวุธปืนยิง จำเลยสามารถหลีกเลี่ยงมิให้เกิดเหตุขึ้นได้โดยไม่เข้าไปยังบริเวณดังกล่าว การที่จำเลยเข้าไปที่บ้านผู้ตายจึงแสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะก่อเหตุขึ้น ดังนั้น เมื่อต่อมาจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงอ้างไม่ได้ว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน แต่ได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3321/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: ตัวการร่วมและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
แม้โจทก์จะมิได้ยกเหตุที่จำเลยกับพวกวิ่งไล่ทำร้ายโจทก์ร่วมขึ้นอ้างในอุทธรณ์ว่าเป็นการชี้เจตนาของจำเลยว่ายอมรับเอาผลการกระทำ ของพวกจำเลยมาเป็นการกระทำของตนเอง จำเลยจึงเป็นตัวการในการกระทำความผิดด้วย แต่โจทก์ก็อุทธรณ์ให้จำเลยรับผิดฐาน เป็นตัวการ การที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยตามคำเบิกความของพยาน เพื่อชี้ให้เห็นว่าจำเลยร่วมเป็นตัวการด้วยจึงเป็นการวินิจฉัยตามคำฟ้องอุทธรณ์
จำเลยชกที่กก หูของ ส. โจทก์ร่วม 1 ที แล้วพวกของจำเลยวิ่งเข้ามาทำร้ายพวกโจทก์ร่วม โดยใช้มีดฟันและใช้ขวดตี เป็นเหตุให้ค. โจทก์ร่วมอีกคนหนึ่งได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ส. และ พ.โจทก์ร่วม ได้รับอันตรายแก่กาย โดยจำเลยกับพวกมิได้นัดหมายให้ช่วยกันทำร้าย หรือจำเลยบอกให้พวกทำร้ายโจทก์ร่วม และเมื่อโจทก์ร่วมบางคนวิ่งหนีจำเลยหรือพวกจำเลยก็มิได้เข้าไปทำร้ายซ้ำเติมค. โจทก์ร่วมซึ่งได้รับบาดเจ็บนอนอยู่หน้าร้านจำเลยอีก แต่วิ่งออกจากร้านตาม พ. และพวกโจทก์ร่วมไปโดยมิได้แสดงท่าทางว่าจะทำร้ายอีกแต่อย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมในความผิดฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 391 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3288/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์ใกล้ชิดทรัพย์สินพร้อมลงมือลักทรัพย์ ถือเป็นการลงมือกระทำความผิดฐานพยายามลักทรัพย์แล้ว
บ้านพักของผู้เสียหายอยู่ภายในบริเวณโรงเรียนซึ่งมีรั้วลวดหนามกั้นจำเลยเข้าไปในบริเวณบ้านพักของผู้เสียหายในยามวิกาลโดยเจตนาจะลักไก่ของผู้เสียหายซึ่งถูกขังไว้ในสุ่มที่สามารถจะเปิดจับเอาไปได้โดยง่าย จำเลยไปอยู่ห่างจากสุ่มไก่ประมาณ 1 เมตร นับว่าใกล้ชิดติดกับตัวทรัพย์คือไก่ที่พร้อมจะเอาไปได้ในทันทีทันใด เป็นการลงมือลักทรัพย์แล้ว เมื่อกระทำไปไม่ตลอดย่อมมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3210/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีร้ายแรงต้องพิจารณาพฤติการณ์เป็นรายกรณี แม้มีระเบียบห้ามครอบครองโพยสลาก
แม้ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยจะระบุว่าการมีโพยสลากกินรวบไว้ในครอบครองภายในอาณาเขตโรงงานของจำเลย ถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง แต่การกระทำใด ๆ ที่ถือว่าเป็นความผิดกรณีร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3) ซึ่งนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างนั้น จะต้องเป็นไปตามลักษณะแห่งการกระทำเป็นเรื่อง ๆ ไป โจทก์เพียงแต่มีโพยสลากกินรวบไว้ในครอบครองภายในอาณาเขตโรงงานของจำเลย โดยไม่ได้เล่นการพนันสลากกินรวบภายในอาณาเขตโรงงานดังกล่าวด้วย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3210/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีร้ายแรง ต้องพิจารณาพฤติการณ์การกระทำเป็นรายกรณี แม้มีข้อห้ามในระเบียบ
แม้ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยจะระบุว่าการมีโพยสลากกินรวบไว้ในครอบครองภายในอาณาเขตโรงงานของจำเลยถือ เป็นความผิดกรณีร้ายแรง แต่ การกระทำใด ๆที่ถือ ว่าเป็นความผิดกรณีร้ายแรงตาม ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47(3) ซึ่ง นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างนั้น จะต้อง เป็นไปตาม ลักษณะแห่งการกระทำเป็นเรื่อง ๆ ไป โจทก์เพียงแต่ มีโพยสลากกินรวบไว้ในครอบครองภายในอาณาเขตโรงงานของจำเลย โดย ไม่ได้เล่นการพนันสลากกินรวบภายในอาณาเขตโรงงานดังกล่าวด้วย จึงถือ ไม่ได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับ หรือคำสั่งเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรงที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้โดย ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการรอการลงโทษ พิจารณาจากพฤติการณ์ผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดย ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 69 ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปีศาลอุทธรณ์ลงโทษไม่เกินกำหนดดังกล่าว โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 219 ผู้ตายและผู้เสียหายดื่ม สุรามึนเมาแล้วเข้าไปในบ้านจำเลยซึ่ง แม้จะไม่มีอาวุธติด ตัว แต่ ก็ได้ ใช้ มือและเท้าทำร้ายหลานจำเลย จำเลยจึงใช้ อาวุธ ปืนสั้นยิงผู้ตายทางด้านหลัง 2 นัด และยิงผู้เสียหายอีก 1 นัด ผู้ตายกับผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดย เข้าไปคุกคาม จำเลยถึง ในบ้านเป็นการกระทำเยี่ยงอันธพาลทั้ง ผู้ตายและผู้เสียหายยังอยู่ในวัยหนุ่ม ส่วนจำเลยอยู่ในวัยชรา มีอายุ 62 ปีแล้วหากไม่ใช้ อาวุธปืน อาจไม่มีความว่องไวพอที่จะ ยับยั้งการคุกคามของผู้ตายและผู้เสียหายให้ทันการได้ หลังเกิดเหตุ จำเลยมอบเงิน ให้บิดาผู้ตายเป็นการบรรเทาความเสียหายถึง ความรับผิดชอบในการกระทำของตน จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะ รอการลงโทษให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2240/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาวินิจฉัยเจตนาจากพฤติการณ์การกระทำ
จำเลยใช้ไม้หน้ากว้าง 4 นิ้ว หนา 2 นิ้ว ยาว 2 ฟุต 8 นิ้วซึ่งเป็นไม้ขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับทำวงกบประตูหรือหน้าต่าง ตีที่ศีรษะผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนั่งอยู่ไม่ได้ระวังตัว เป็นการเลือกตีตามใจชอบและเลือกตีที่สำคัญแม้จะตีเพียงทีเดียว และกะโหลกศีรษะผู้ตายไม่แตกร้าว แต่เมื่อถูกตีแล้วผู้ตายก็ฟุบลงกับโต๊ะทันทีและมีเลือดคั่งในสมองส่วนลึก แสดงว่าจำเลยตีผู้ตายอย่างแรง และปรากฏว่าผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาพฤติการณ์เช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ไม้ของกลางโจทก์ไม่ได้โต้แย้งว่าเจ้าของแท้จริงรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่พิพากษาว่าไม่ริบไม้ของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โกงเจ้าหนี้: พฤติการณ์หลีกเลี่ยงชำระหนี้โดยการสร้างหนี้สินเทียมและยืดเยื้อการบังคับคดี
เดิม โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้เงินกู้ เมื่อศาลพิพากษาแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ตาม คำพิพากษา ได้ มีการยึดรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ได้ ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด โดย อ้าง ว่าได้ ซื้อ จากจำเลยที่ 1 และในการนำสืบ ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ ติดต่อ ขายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. จำเลยที่ 2 เป็นพยานเบิกความว่าได้ มีการซื้อ ขายรถยนต์บรรทุกกันจริงในราคา 100,000 บาท ผลสุดท้ายศาลฎีกาได้ ยก คำร้อง โจทก์จึงขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายรถยนต์บรรทุกของจำเลยที่ 1 ใหม่เพื่อเอาเงินชำระหนี้โจทก์ จำเลยที่ 2 ได้ รีบฟ้องให้จำเลยที่ 1ชำระหนี้ตาม สัญญา เงินกู้ อ้างว่ากู้กันแต่ ปี พ.ศ. 2525 โดย ฟ้องวันที่ 2 มกราคม 2530 ได้ ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมในวันที่ 8 เดือน เดียว กัน ต่อมาจำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ พฤติการณ์ดังกล่าวมาทั้งหมดส่อให้เห็นว่าจำเลยทั้งสองกระทำทุกอย่างเพื่อมิให้โจทก์ซึ่ง เป็นเจ้าหนี้ได้ รับชำระหนี้ เป็นความผิดฐาน โกงเจ้าหนี้ตาม ฟ้อง พฤติการณ์เช่นนี้ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์เพื่อลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยใช้เหล็กแหลมสำหรับนำหวายในการจักสานยาวทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่บริเวณลิ้นปี่และท้องน้อยข้างซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 3 มิลลิเมตร และมีบาดแผลที่กระเพาะอาหารขนาด 0.5 เซนติเมตร จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญโดยตั้งใจ จึงฟังได้ว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้เสียหายโดยเจตนาทำร้าย ไม่ใช่โดยเจตนาฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 โดยบรรยายฟ้องด้วยว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสต้องเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินยี่สิบวันเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษได้ตาม ป.อาญา มาตรา 297 ประกอบ ป.วิ.อาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่า: การประเมินจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยใช้เหล็กแหลมสำหรับนำหวายในการจักสานยาวทั้งด้ามประมาณ 6 นิ้ว แทงผู้เสียหายที่บริเวณลิ้นปี่ และท้องน้อยข้างซ้ายเป็นบาดแผลขนาด 3 มิลลิเมตร และมีบาดแผลที่กระเพาะอาหารขนาด 0.5 เซนติเมตร จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายที่อวัยวะสำคัญโดยตั้งใจ จึงฟังได้ว่าจำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้เสียหายโดยเจตนาทำร้าย ไม่ใช่โดยเจตนาฆ่า โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80โดยบรรยายฟ้องด้วยว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสต้องเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาและประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินยี่สิบวันเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บจนประกอบกรณียกิจไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาลงโทษได้ตาม ป.อาญา มาตรา 297ประกอบ ป.วิ.อาญา มาตรา 192
of 79