พบผลลัพธ์ทั้งหมด 993 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของเจ้าของที่ดินต่างด้าวที่ถูกจำหน่ายโดยไม่ชอบ ผู้มีสิทธิฟ้องร้องได้
แม้ การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวโดยฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายที่ดินฯมาตรา86วรรคหนึ่งจะเป็น โมฆะ แต่มาตรา94ก็ให้ คนต่างด้าว จำหน่ายที่ดินดังกล่าวภายในเวลาที่ อธิบดีกรมที่ดินกำหนดมิฉะนั้นก็ให้ อธิบดี กรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายที่ดินนั้นได้จำเลยที่1ซึ่งลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวจึงไม่มีอำนาจจำหน่ายโดยพลการการที่จำเลยที่1ขายที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้แก่จำเลยที่2โดยพลการถือว่าเป็นการ โต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงมี อำนาจฟ้องให้เพิกถอนการโอนขายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6930/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้ยืมที่ผู้กู้ลงลายมือชื่อ แม้ลายมือชื่อผู้ให้กู้เป็นปลอม ก็ใช้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ และดอกเบี้ยหลังวันฟ้องไม่ติดอายุความ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 บังคับให้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อผู้กู้ จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ โดยมิได้บังคับผู้ให้กู้ต้องลงลายมือชื่อด้วย เมื่อจำเลยเป็นผู้เขียนหนังสือสัญญากู้เงิน และลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้แล้วย่อมฟ้องร้องบังคับคดีได้ แม้ลายมือชื่อผู้ให้กู้เป็นลายมือชื่อปลอม ก็หามีผลให้หลักฐานการฟ้องร้องบังคับแก่จำเลยได้ที่สมบูรณ์อยู่แล้วเสียไปไม่ สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยซึ่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 เดิม (มาตรา 193/33 ใหม่)หมายถึงดอกเบี้ยที่ค้างชำระอยู่ก่อนวันฟ้อง ส่วนดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จไม่ใช่ดอกเบี้ยค้างชำระ โจทก์มีสิทธิได้ดอกเบี้ยเกิน 5 ปี โดยไม่มีกำหนดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6411/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองอำพรางซื้อขาย: นิติกรรมจำนองเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์และจำเลยตกลงซื้อขายที่ดินพิพาทกัน แต่ไม่สามารถจดทะเบียนโอนกันได้ เพราะที่ดินพิพาทตกอยู่ภายใต้ข้อกำหนดห้ามโอนตามกฎหมายจึงได้จดทะเบียนจำนองเป็นการอำพรางนิติกรรมซื้อขายนิติกรรมจำนองจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 118 วรรคหนึ่ง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยรับชำระหนี้และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6250/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติเนรคุณและการหมิ่นประมาท: การพิจารณาเจตนาและพฤติการณ์ในการฟ้องร้อง
การที่โจทก์นำสืบว่านอกจากจำเลยพูดกับโจทก์ว่า "เป็นลูกหมา"แล้วยังพูดด้วยว่าโจทก์ "พูดจากลับกลอก" และ "พูดหมา ๆ" ด้วยนั้นแม้โจทก์จะนำสืบถ้อยคำที่พูดของจำเลยแตกต่างไปจากคำฟ้องบ้างแต่ถ้อยคำนั้นก็เป็นการกล่าวต่อเนื่องกับถ้อยคำที่จำเลยพูดว่าโจทก์ตามที่โจทก์บรรยายในคำฟ้อง กรณีจึงเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์นำสืบได้ ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็น แม้จำเลยจะกล่าววาจาหยาบคายไม่น่าฟังต่อหน้าโจทก์ซึ่งเป็นมารดา แต่ก็หาได้กล่าวดูหมิ่น หมิ่นประมาทว่าโจทก์เป็นหมาโดยตรงทั้งตามพฤติการณ์ที่โจทก์เคยตกลงจะแบ่งที่ดินปลูกบ้านให้จำเลยแล้วภายหลังกลับใจไม่ยกให้ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยเกิดโทสะพลุ่งพล่านผสมกับความน้อยใจ จึงได้กล่าววาจาประชดประชันด้วยอารมณ์หาใช่เจตนาทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงหรือเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง กรณียังไม่ถึงขนาดที่จะฟังได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ผู้ให้ทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6038/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน: ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง สิทธิขาด
โจทก์ฟ้องเรื่องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ซึ่งไม่ใช่อายุความฟ้องร้อง จึงนำเอา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 51 วรรคสอง ในเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาใช้บังคับไม่ได้ ดังนั้นโจทก์ต้องฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6004/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การย้ายภาระจำยอมไม่กระทบสิทธิใช้ทางของโจทก์ และความล่าช้าในการฟ้องร้องแสดงว่าไม่ใช่ทางสะดวก
ตามฎีกาของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ไม่ปรากฏว่าการย้ายภาระจำยอมจากทางพิพาทเดิมไปยังที่ดินในโฉนดเลขที่ 24612 ของจำเลยที่ 5ทำให้ความสะดวกของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ลดน้อยลงประการใดบ้าง เพียงแต่กล่าวอ้างลอย ๆ ว่าการย้ายภาระจำยอมดังกล่าวทำให้ความสะดวกของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ลดน้อยลงเท่านั้น และทางที่เปิดเป็นภาระจำยอมขึ้นใหม่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 24612 ก็ปรากฏว่าเป็นทางเชื่อมต่อกับที่ดินว่างเปล่าพื้นเทคอนกรีตในที่ดินโฉนดเลขที่ 1157 ของจำเลยที่ 1 ออกสู่ถนนโดยสะดวก ทั้งจำเลยที่ 1ก็ดำเนินการปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำเข้ามาในทางพิพาทเดิมตั้งแต่ปี 2525 หากทางพิพาทเป็นทางที่โจทก์ที่ 2 และที่ 3 ผ่านเข้าออกโดยสะดวกอยู่ก่อนแล้วโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ก็น่าจะรีบดำเนินการฟ้องร้องให้จำเลยที่ 1 ระงับการก่อสร้างตึกแถวรุกล้ำทางพิพาทในเวลาอันสมควร แต่โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ก็เพิ่งมาฟ้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2527 โดยมีโจทก์ที่ 3 ร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม และโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ขอให้ศาลหมายเรียกจำเลยที่ 5ถึงที่ 10 มาเป็นจำเลยร่วมในภายหลังซึ่งเป็นเวลาหลังจากเริ่มทำการก่อสร้างตึกแถวนานถึง 2 ปี และเป็นเวลาหลังจากทำการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งเป็นเวลาหลังจากโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 ไปแล้วอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าทางพิพาทที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ใช้ผ่านเข้าออกมาแต่เดิมนั้นไม่ใช่ทางที่ผ่านเข้าออกโดยสะดวก ถือได้ว่าการย้ายภาระจำยอมจากทางพิพาทเดิมไปยังที่ดินในโฉนดเลขที่ 24612 ของจำเลยที่ 5 ไม่ทำให้ความสะดวกของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 ลดน้อยลง นอกจากนี้ก็ปรากฏว่าตึกแถวที่รุกล้ำเข้ามาในทางพิพาทกว้างประมาณ 3 ถึง 4 เมตร จำนวนตึกแถวที่รุกล้ำเข้ามาก็มีถึง 12 คูหา ซึ่งเห็นได้ว่าหากมีการรื้อตึกแถวในส่วนที่รุกล้ำเข้ามาทุกคูหาย่อมเกิดความเสียหายมากการย้ายภาระจำยอมดังกล่าวจึงเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 และเป็นการเหมาะสมแก่พฤติการณ์อีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5848/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขอโอนนาต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายเช่าที่ดินฯ คือต้องผ่าน คชก.ก่อน จึงจะมีสิทธิฟ้องต่อศาล
การฟ้องขอให้ผู้รับโอนโอนนาให้แก่ผู้เช่านาโดยอ้างว่าผู้ให้เช่าขายนาไปโดยมิได้แจ้งให้ผู้เช่านาทราบนั้น ผู้เช่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อน กล่าวคือผู้เช่าจะต้องร้องขอต่อคชก.ตำบล เพื่อวินิจฉัยก่อน ตามมาตรา 54 วรรคสอง ของพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 เมื่อ คชก.ตำบล วินิจฉัยเป็นประการใด ผู้ไม่พอใจมีสิทธิอุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัด ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัย แต่ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.ตำบล มีคำวินิจฉัยมิฉะนั้นให้ถือว่าคำวินิจฉัยนั้นเป็นที่สุด และหากมีการอุทธรณ์ต่อไปยัง คชก.จังหวัด และยังไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด ผู้ไม่พอใจจึงจะมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำวินิจฉัย แต่จะต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.จังหวัด มีคำวินิจฉัย ตามมาตรา 56 และ 57 คำว่า อาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลต่อ คชก.จังหวัดตาม มาตรา 56 ของพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 หมายความว่า "มีสิทธิ" คู่กรณีจะใช้สิทธิก็ได้ ไม่ใช้สิทธิก็ได้ กล่าวคือเมื่อ คชก.ตำบล มีคำวินิจฉัยแล้ว ไม่ว่าฝ่ายใดจะพอใจหรือไม่พอใจก็ตามมีสิทธิที่จะเลือกอุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัดหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะไม่อุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัด คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลก็ถึงที่สุด ตามมาตรา 56 วรรคสอง เมื่อถึงที่สุดแล้วคู่กรณีจะต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล ไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์หรือฟ้องต่อศาล เมื่อโจทก์ใช้สิทธิขอซื้อนาพิพาทภายในกำหนดเวลาสองหรือสามปีต่อ คชก.ตำบล หรือ คชก.จังหวัด แล้ว แม้ คชก.ตำบล หรือ คชก.จังหวัดจะได้มีคำวินิจฉัยเลยกำหนดสองปีหรือสามปีตามมาตรา 54 วรรคแรกก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิภายในกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วโจทก์ยังมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด ต่อศาลภายในกำหนดเวลาตาม มาตรา 57 วรรคแรก ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5556/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้าม – ประเด็นอายุความ – ไม่ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เมื่อโจทก์อุทธรณ์จำเลยไม่ได้ยกปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความตั้งเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงถือว่าไม่มีประเด็นเรื่องอายุความในชั้นอุทธรณ์ดังนั้น ปัญหาเรื่องฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง และไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5444/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของนายจ้างต่อการละเมิดของลูกจ้าง และสิทธิในการฟ้อง
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 425 ที่ได้บัญญัติบังคับให้นายจ้างต้องร่วมรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งการละเมิดซึ่งลูกจ้างได้ทำละเมิดต่อบุคคลภายนอกเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายนั้น เป็นกรณีที่บุคคคลหลายคนจะต้องชำระหนี้ โดยทำนองซึ่งแต่ละคนต้องชำระหนี้สิ้นเชิงได้แต่เพียงครั้งเดียว เจ้าหนี้ชอบจะเรียกให้ชำระหนี้จากลูกหนี้แต่คนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือแต่โดยส่วนก็ได้ตามแต่จะเลือก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 291จำเลยที่ 1 เป็นนายจ้างของ ส.เป็นลูกหนี้ร่วมกับ ส.ผู้ทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จะเลือกฟ้องจำเลยที่ 1 หรือ ส.คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวก็ได้ ส่วนการที่จำเลยที่ 1จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาจาก ส.ตาม ป.พ.พ. มาตรา 426 นั้น ก็ชอบที่จะกระทำได้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องรอให้โจทก์ฟ้อง ส.ให้รับผิดเสียชั้นหนึ่งก่อนดังนี้ การที่โจทก์ไม่ฟ้อง ส.ผู้ที่ทำละเมิดต่อโจทก์โดยตรง แต่กลับมาฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างของ ส.ให้รับผิดนั้นจึงเป็นการกระทำที่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 291 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5229/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครอง vs. อายุความฟ้องร้อง และการกำหนดค่าทนายความเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยจดรายงานกระบวนพิจารณาว่าที่จำเลยทั้งห้าให้การต่อสู้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความนั้น จำเลยทั้งห้าเพียงแต่ยกขึ้นกล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่ปรากฏเหตุผลและรายละเอียดว่าขาดอายุความอย่างไร จึงไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ให้ คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต่อมาจำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เพิ่มเติมด้วย ถือได้ว่าจำเลยทั้งห้าได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องดังกล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงประเด็นที่ชี้สองสถานให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งห้าไม่จำต้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นนี้อีกก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นดังกล่าวได้ แต่เมื่อการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 เป็นเรื่องกำหนดเวลาได้สิทธิ หาใช่เป็นเรื่องอายุความฟ้องร้อง คดีจึงไม่มีประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ การกำหนดอัตราค่าทนายความต้องเป็นไปตามตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง การที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าทนายความเกินกฎหมาย ศาลฎีกาย่อมกำหนดใหม่ตามที่ถูกต้องได้