คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยินยอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 676 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6052/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ผู้บริหารทราบฐานะลูกหนี้ การยินยอมให้ก่อหนี้สมยอมในภาวะล้มละลาย
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นกรรมการของบริษัทลูกหนี้ย่อมจะต้องทราบถึงฐานะของลูกหนี้ได้ดีว่าตกอยู่ในสภาพเช่นไรการที่เจ้าหนี้ได้รับชำระดอกเบี้ยจากตั๋วสัญญาใช้เงินแต่เพียงบางส่วนตลอดจนลูกหนี้ต้องไปกู้ยืมเงินจากที่ต่าง ๆ เพื่อนำมาพยุงฐานะของลูกหนี้ที่กำลังทรุดลงจนในที่สุดทางราชการได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตดำเนินธุรกิจของลูกหนี้เช่นนี้ เจ้าหนี้ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารบริษัทลูกหนี้จะปฏิเสธว่าไม่ทราบถึงฐานะอันแท้จริงของลูกหนี้ว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวหาได้ไม่ ดังนั้นการที่เจ้าหนี้ได้นำเงินเข้าฝากกับลูกหนี้หลังจากที่ทราบดีว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว จึงต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้เงินฝากดังกล่าวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5822/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่: การยินยอมให้ลงวันที่ภายหลังไม่ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยออกเช็คโดยมิได้ลงวันที่ในเช็ค ย่อมถือไม่ได้ว่ามีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำผิด แม้จำเลยจะยินยอมให้โจทก์ร่วมลงวันที่ในเช็คในภายหลัง ตามวันที่ตกลงกันโดยจำเลยลงชื่อกำกับในรายการวันที่ไว้ให้ ก็หามีผลให้ถือว่าเป็นเช็คมีวันที่จำเลยกระทำผิดไม่คงมีเพียงให้เช็คนั้นมีรายการสมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากผลใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5822/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่: การยินยอมให้ลงวันที่ภายหลังไม่ถือเป็นความผิดอาญา
จำเลยออกเช็คโดยมิได้ลงวันที่ในเช็ค ย่อมถือไม่ได้ว่ามีวันที่ผู้ออกกระทำผิด แม้จำเลยจะยินยอมให้โจทก์ร่วมลงวันที่ในเช็คในภายหลังตามวันที่ตกลงกันโดยจำเลยลงชื่อกำกับในรายการวันที่ไว้ให้ก็หามีผลให้ถือว่าเป็นเช็คมีวันที่จำเลยกระทำผิดไม่ คงมีผลเพียงให้เช็คนั้นมีรายการสมบูรณ์ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5409/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับการฟ้องอาญา: การยินยอมไม่ว่ากล่าวหนี้ทำให้สิทธิฟ้องอาญาขาดอายุ
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ยอมยกเลิกเงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ตามสัญญากู้ และที่จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาขายฝาก ให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวรับผิดชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้ แม้โจทก์จะรู้เรื่องการฉ้อโกงตามสัญญาขายฝากและสัญญากู้ภายหลังที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมก็ตาม โจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานฉ้อโกงไม่ได้ เพราะเป็นการยินยอมไม่ว่ากล่าวในหนี้รายนี้ต่อกันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5409/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยินยอมไม่ว่ากล่าวในหนี้: สัญญาประนีประนอมยอมความขัดขวางการฟ้องฉ้อโกงภายหลัง
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยโจทก์ยอมยกเลิกเงินที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ตามสัญญากู้ และที่จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามสัญญาขายฝาก ให้จำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวรับผิดชดใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้แม้โจทก์จะรู้เรื่องการฉ้อโกงตามสัญญาขายฝากและสัญญากู้ภายหลังที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอมก็ตามโจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานฉ้อโกงไม่ได้ เพราะเป็นการยินยอมไม่ว่ากล่าวในหนี้รายนี้ต่อกันแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4211/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายจากการทำร้ายร่างกายและการยินยอมให้ถอนเงินร่วม ไม่เป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาข้อหาทำร้ายร่างกาย ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์จำเลยตกลงกัน ศาลได้บันทึกข้อตกลงไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า "จำเลยรับว่าได้ทำร้ายร่างกายโจทก์จริง โจทก์ว่าเมื่อจำเลยรับแล้ว ก็ไม่ติดใจจะว่ากล่าวกับจำเลย เงินในบัญชีธนาคารซึ่งใส่ชื่อร่วมกันอยู่ จำเลยจะคืนให้โจทก์และจะให้อีก400,000 บาท โดยจะชำระให้ภายใน 6 เดือนแรก 200,000 บาท ที่เหลือภายใน 6 เดือนหลัง นอกจากข้อตกลงนี้แล้วคู่ความไม่ติดใจเรียกร้องอะไรต่อกัน โจทก์ขอถอนฟ้อง จำเลยไม่ค้านจำหน่ายคดี" ดังนี้บันทึกข้อตกลงดังกล่าวที่โจทก์ไม่ติดใจว่ากล่าวกับจำเลยเพราะจำเลยรับว่าได้ทำร้ายโจทก์ ไม่มีเงื่อนไขหรือมีความหมายว่าจำเลยจะให้เงินโจทก์เมื่อโจทก์ถอนฟ้อง และเป็นบันทึกข้อตกลงชดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ มิได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอันจะเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 113 และมิได้เป็นสัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยาโดยตรง ซึ่งจำเลยมีสิทธิบอกล้างได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1469 บันทึกข้อตกลงดังกล่าวจึงใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2452/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดของเจ้าของรถแท็กซี่ที่ยินยอมให้ผู้อื่นนำรถไปวิ่งรับจ้าง และการเชิดตัวแทน
ผู้มีชื่อนำรถแท็กซี่มาจดทะเบียนเป็นชื่อของบริษัทจำเลยที่2 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ประกอบการเดินรถยนต์บรรทุกคนโดยสาร แล้วจำเลยที่ 2 ยอมให้จำเลยที่ 1 นำรถคันดังกล่าวออกวิ่งรับคนโดยสารโดยมีตราบริษัทจำเลยที่ 2 ติดอยู่ข้างรถ และจำเลยที่2 ได้รับผลประโยชน์จากการนี้ด้วย ดังนี้ เท่ากับจำเลยที่ 2 เชิดให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ผู้ได้รับความเสียหายจากการทำละเมิดของจำเลยที่ 1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2114/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ่ายค่าจ้างหลังเลิกสัญญาจ้างและการประสบอันตราย: นายจ้างไม่ต้องรับผิดชอบหากอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างเดินทางไปรับค่าจ้างด้วยความยินยอม
แม้นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้าง ณ สถานที่ที่ลูกจ้างทำงานก็ตามแต่ถ้าลูกจ้างยินยอมนายจ้างจะจ่าย ณ สถานที่อื่นก็ได้ เมื่อลูกจ้างยินยอมไปรับค่าจ้าง ณ สำนักงานของนายจ้าง หลังจากสัญญาจ้างสิ้นสุดลงแล้ว และเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง จึงไม่อาจถือได้ว่าลูกจ้างได้รับอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้าง ส่วนการที่นายจ้างได้จัดรถยนต์ไปรับลูกจ้างก็เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกเท่านั้น หาทำให้นายจ้างต้องรับผิดจ่ายเงินทดแทนด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2070/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว ผู้เช่ามีสิทธิโอนได้เอง โดยไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรส
ส.เช่าตึกพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยสามีมิได้เกี่ยวข้องด้วยเมื่อสิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว ส. ย่อมมีสิทธิจะโอนสิทธิการเช่าไปให้จำเลยที่ 1 ได้โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากสามีทั้งสัญญาเช่าที่ ส. ทำไว้กับจำเลยที่ 2 ได้หมดอายุสัญญาไปแล้ว โจทก์ผู้เป็นบุตรของสามี ส. จึงหามีสิทธิที่จะบอกล้างนิติกรรมสัญญาเช่าดังกล่าวไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1772/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินและบ้านโดยการยินยอม แม้ที่ดินเป็นของเดิม แต่บ้านที่ปลูกเป็นของผู้ครอบครอง
จำเลยผู้อาศัยอยู่กับโจทก์ได้ปลูกบ้านบนที่ดินของโจทก์โดยโจทก์รู้เห็นยินยอม บ้านพิพาทย่อมเป็นของจำเลยและไม่เป็นส่วนควบของที่ดินพิพาท
of 68