พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3637/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 เนื่องจากไม่ได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยส่วนเนื้อหาที่เป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาล ล้วนเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น โดยได้คัดลอกข้อความ มาจากคำอุทธรณ์ทั้งหมดแม้คำขอท้ายฎีกาจะเป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพอจะถือได้ว่าเป็นการขอให้ ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แต่เนื้อความในฎีกาของจำเลยดังกล่าวก็เป็นการโต้แย้งคัดค้านเฉพาะคำพิพากษาของ ศาลชั้นต้น มิได้โต้แย้งคัดค้านว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ชอบอย่างไร โดยไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเหตุใด เนื่องจาก เหตุผลในคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นต่างกับเหตุผลในคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาที่มิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีฟ้องแย้ง: การกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยศาลอุทธรณ์ส่งผลต่อสิทธิการได้รับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความ
จำเลยฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่าปรับ และขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยร่วมเข้ามาร่วมรับผิดตามฟ้องในฐานะผู้ค้ำประกันโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย และให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย จำเลยร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแย้งของจำเลยสำหรับจำเลยร่วม แม้ตอนท้ายของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะมีข้อความว่า นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยเท่านั้น กรณีหาใช่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยยังคงให้จำเลยร่วมใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแก่จำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่อย่างใดไม่ ทั้ง ป.วิ.พ. มาตรา 161 วรรคหนึ่ง บัญญัติเป็นหลักไว้ในเบื้องต้นว่า ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดี ย่อมตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี เมื่อคดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีจำเลยร่วมทั้งสามศาล การที่ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนจำเลยร่วม ก็นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าเงินฤชาธรรมเนียมจากจำเลยร่วมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3320/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการกรณีจำเลยถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณา: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งการเข้าเป็นคู่ความแทนที่
เมื่อจำเลยที่ 1 ตายขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ย่อมเป็นอำนาจของศาลดังกล่าวที่จะสั่งคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ศาลชั้นต้นจะต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาและไต่สวนให้ได้ความจริง แล้วส่งคำร้องพร้อมสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อสั่ง การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตการเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่เอง แล้วอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้คู่ความฟัง จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3294/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษนอกฟ้อง: ศาลฎีกายกฟ้องเมื่อศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยนอกเหนือจากข้อหาที่โจทก์ฟ้อง
การกระทำของจำเลยที่โจทก์ฟ้องระบุว่าเป็นความผิดและขอให้ลงโทษ คือการจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 29344 ที่คงเหลือและที่ดินโฉนดเลขที่ 157147 ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยในส่วนนี้โดยมิได้มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งแล้ว จึงเป็นอันยุติ แต่ในส่วนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยเนื่องมาจากการขายที่ดินแปลงย่อย 3 แปลง ซึ่งเป็นที่ดินแปลงอื่นที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องนั้น ย่อมเป็นการพิพากษานอกฟ้อง จึงนำมารับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาด: ศาลไม่รับฎีกาเนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นที่สุดแล้ว
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควรและเกิดจากการคบคิดกันฉ้อฉลในระหว่างผู้เข้าสู้ราคาด้วยกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3055/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีจำคุกไม่เกิน 5 ปี และการบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยจำคุก 5 ปี แม้จะนำโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอื่นมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ เป็นจำคุก 5 ปี6 เดือน ก็เป็นกรณีที่คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2983/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยโดยศาลอุทธรณ์เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาที่ไม่ลงโทษ
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติว่า จำเลยกระทำความผิดในระหว่างที่ศาลรอการลงโทษจำคุกในคดีก่อน ศาลชั้นต้นนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาประกอบการใช้ดุลพินิจเป็นไม่รอการลงโทษให้จำเลย โดยไม่นำโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ โจทก์ไม่อุทธรณ์ ถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์การพิจารณาพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ป.วิ.อ.มาตรา 212 บัญญัติว่า คดีที่จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาที่ให้ลงโทษ ห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะได้อุทธรณ์ในทำนองนั้น ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2983/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยโดยศาลอุทธรณ์เกินอำนาจเมื่อโจทก์ไม่เคยอุทธรณ์เรื่องการบวกโทษ
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติว่า จำเลยกระทำความผิดในระหว่างที่ศาลรอการลงโทษจำคุกในคดีก่อน ศาลชั้นต้นนำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาประกอบการใช้ดุลพินิจเป็นไม่รอการลงโทษให้จำเลย โดยไม่นำโทษจำคุกที่ศาลรอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ โจทก์ไม่อุทธรณ์ถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์การพิจารณาพิพากษาชั้นอุทธรณ์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 บัญญัติว่า คดีที่จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาที่ให้ลงโทษห้ามมิให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย เว้นแต่โจทก์จะได้อุทธรณ์ในทำนองนั้น ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชัดเจน ไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยหน้า 1 ตั้งแต่ข้อ 1 และหน้า 2 มีข้อความเหมือนกับอุทธรณ์ในหน้า 1 ตั้งแต่ข้อ 1 และหน้า 2 ทุกประการ ฎีกาตั้งแต่หน้า 3ถึงหน้า 78 เป็นการถ่ายสำเนามาจากอุทธรณ์หน้า 3 ถึงหน้า 78 คงมีข้อความเพิ่มเติมในหน้า 78 เพียงว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยไม่เห็นด้วย จึงขอฎีกาดังต่อไปนี้ ฎีกาตั้งแต่หน้า 79 ถึงหน้า 102 ก็ถ่ายสำเนามาจากอุทธรณ์ตั้งแต่หน้า 100 ถึงหน้า 123 ส่วนฎีกาหน้า 103 และหน้า 104 แม้จะไม่ได้ถ่ายสำเนามาจากอุทธรณ์หน้า 124 และหน้า 125 โดยตรง แต่ก็มีถ้อยคำสำนวนไม่แตกต่างกัน ฎีกาของจำเลยดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องด้วยกฎหมายกับข้อเท็จจริงอย่างไร และที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2847/2543
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชัดเจนและไม่ได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยหน้า 1 ตั้งแต่ข้อ 1 และหน้า 2 มีข้อความเหมือนกับอุทธรณ์ในหน้า 1 ตั้งแต่ข้อ 1 และหน้า 2 ทุกประการ ฎีกาตั้งแต่หน้า 3ถึงหน้า 78 เป็นการถ่ายสำเนามาจากอุทธรณ์หน้า 3 ถึงหน้า 78 คงมีข้อความเพิ่มเติมในหน้า 78 เพียงว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ตามฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยไม่เห็นด้วย จึงขอฎีกาดังต่อไปนี้ ฎีกาตั้งแต่หน้า 79 ถึงหน้า 102 ก็ถ่ายสำเนามาจากอุทธรณ์ตั้งแต่หน้า 100ถึงหน้า 123 ส่วนฎีกาหน้า 103 และหน้า 104 แม้จะไม่ได้ถ่ายสำเนามาจากอุทธรณ์หน้า 124 และหน้า 125 โดยตรง แต่ก็มีถ้อยคำสำนวนไม่แตกต่างกัน ฎีกาของจำเลยดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องด้วยกฎหมายกับข้อเท็จจริงอย่างไร และที่ถูกต้องควรจะเป็นอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง