คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สำคัญผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงชื่อในเอกสารด้วยความสำคัญผิด ไม่เป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
นำใบมอบฉันทะไปหลอกลวงให้เจ้าของที่ดินลงชื่อเพื่อโอนโฉนดขายให้จำเลย. เจ้าของลงชื่อให้โดยสำคัญผิดดังนี้. เมื่อจำเลยเอาหนังสือนั้นไปใช้ ไม่เป็นผิดฐานปลอมหนังสือ. เพราะเจ้าของที่ดินลงชื่อให้โดยแท้จริง. ฟ้องว่าฉ้อโกงและปลอมหนังสือ ได้ความว่า ยักยอกลายมือลงโทษไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 377/2481

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินผิดแปลง ผู้ซื้อไม่สำคัญผิด สิทธิในที่ดินไม่เกิด แม้ครอบครองนาน
ตกลงซื้อขายที่ดินกันแปลงหนึ่ง ครั้นถึงเวรโอนโฉนดกลับเอาโฉนดของที่ดินอีกแปลงหนึ่งไปโอน แต่ผู้ซื้อก็คงครองครองที่ดินแปลงที่ตกลงซื้อขายกันนั้นตลอดมาโดยมิได้มีการสำคัญผิดอย่างใดดังนี้ ไม่ทำให้ผู้ซื้อได้สิทธิในที่ดินแปลงที่ได้โอนโฉนดนั้น
คดีแพ่งโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและเรียกค่าเสียหาย 45 บาท ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ ๆ ฎีกาได้แต่ในปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2478

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยสำคัญผิดถึงตัวผู้กระทำ การกระทำนั้นพอสมควรแก่เหตุ
การที่จำเลยใช้ปืนยิงเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งขึ้นไปค้นบ้านจำเลยโดยสำคัญผิดคิดว่าเป็นพวกปล้น และโดยมีเหตุสมควรเช่นนี้ ถือว่าเป็นการป้องกันตัวและทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ ความสำคัญในข้อเท็จจริงย่อมเป็นข้อแก้ตัวตามกฎหมายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2475

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในลักษณะที่สมควรเชื่อได้ว่าเป็นอันตรายต่อชีวิต ยิงผู้อื่นเสียชีวิต มีความผิดเฉพาะผู้กระทำ
ยิงคนโดยสำคัญผิดคิดว่าเป็นหมี มีผิดตามมาตรา 252 อย่างไรเรียกว่าสมคบกันไปในป่าด้วยกัน 2 คนจำเลยผู้เดียวสำคัญผิดเห็นนอนเป็นหมีจึงยิงตาย ผู้ที่ไปด้วยไม่เรียกว่าสมคบกับจำเลยทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2475

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาททำร้ายร่างกายถึงตาย และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยสำคัญผิด
ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป วิวาททำร้ายถึงตาย พยายามฆ่าเจ้าพนักงานต้องรู้ว่าผู้นั้นเป็นเจ้าพนักงานจึงจะมีผิด ตาม ม. 250 ข้อ 2-60

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1258/2473

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยสำคัญผิด: การยิงผู้ใหญ่บ้านที่เข้าใจผิดว่าเป็นคนร้าย
ยิงผู้ใหญ่บ้านที่มาช่วยจับคนร้าย โดยคิดว่าเปนผู้ร้าย มิได้พิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อนดังนี้ มีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา วิธีพิจารณาอาชญา เข้าใจผิดในข้อเท็จจริงโดยความเลินเล่อแก้ตัวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ไม่เป็นเหตุแก้ผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แม้ความผิดเล็กน้อยก็ต้องรับโทษ
ตัดลวดหนามที่เขาขึงไว้ในที่ดินของผู้อื่นโดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินของตนมีผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ วิธีพิจารณาอาญา สำคัญผิดในข้อเท็จจริงไม่เป็นข้อแก้ตัวในทางกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7666/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะจากความสำคัญผิดในจำนวนปีชำระเบี้ยประกันภัย จำเลยต้องคืนเบี้ยประกันภัย
การแสดงเจตนาเข้าทำสัญญาประกันชีวิตของโจทก์เกิดจากการสำคัญผิดในจำนวนปีที่ต้องชำระเบี้ยประกันภัย และการสำคัญผิดเกิดจากจำเลยที่ 1 ตัวแทนประกันชีวิตของจำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขของกรมธรรม์ ซึ่งจำนวนปีที่ต้องชำระเบี้ยประกันภัยถือเป็นสาระสำคัญของสัญญาประกันภัย สัญญาประกันชีวิตระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 จึงตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 156 วรรคหนึ่ง เมื่อสัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆะ จึงไม่มีผลผูกพันคู่สัญญา จำเลยที่ 2 ย่อมไม่อาจนำเงื่อนไขทั่วไปแห่งกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ว่าโจทก์จะต้องใช้สิทธิยกเลิกกรมธรรม์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับกรมธรรม์ มาใช้บังคับได้ กรณีต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้มาใช้บังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง จำเลยที่ 2 จึงต้องคืนเบี้ยประกันภัยแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6458/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้รับจำนองมีสิทธิฟ้องบังคับชำระเงินส่วนต่างจากการขายทอดตลาด แม้ไม่ใช่ผู้ดำเนินการขาย และความสำคัญผิดในการซื้อไม่ทำให้สัญญาโมฆะ
แม้มูลเหตุคดีนี้เกิดจากการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสามแปลงของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองที่ดินและได้รับเงินน้อยลงจากการกระทำของจำเลย อันเป็นการกระทบต่อสิทธิที่พึงมีพึงได้ของโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในการที่จะบังคับเอาเงินส่วนที่ขาดไปจากจำเลย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 516 ได้ หาใช่เพียงแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ทอดตลาดเท่านั้นที่จะบังคับเอาจากจำเลย ถือว่าโจทก์ถูกโต้แย้งสิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 แล้ว ทั้งที่ประชุมเจ้าหนี้ยังมีมติไม่ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้ดำเนินการเรียกเงินส่วนต่างดังกล่าวจากจำเลย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการเรียกเงินส่วนต่างจากจำเลยเอง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง และเมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลชั้นต้น โจทก์จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1)
ในส่วนที่จำเลยเข้าประมูลซื้อที่ดินโดยหลงเชื่อว่าที่ดินทั้งสามแปลงมีเนื้อที่ติดต่อเป็นแปลงเดียวกันและมีทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะทุกแปลง อันเป็นการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมตกเป็นโมฆะหรือไม่ จำเลยยกปัญหาข้อนี้ขึ้นในชั้นอุทธรณ์แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ เมื่อคู่ความทั้งสองฝ่ายได้สืบพยานจนสิ้นกระแสความแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ เห็นว่า ตามประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หากจำเลยมีข้อสงสัยประการใดหรือประสงค์จะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินทั้งสามแปลงว่าเป็นที่ดินมีเนื้อที่ติดต่อเป็นแปลงเดียวกันและมีทางเข้าออกสู่ถนนสาธารณะทุกแปลงหรือไม่ จำเลยสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวจากทางราชการที่เกี่ยวข้องได้โดยง่าย การที่จำเลยเข้าประมูลซื้อที่ดินครั้งแรกแล้ว จำเลยจึงเพิ่งตรวจสอบที่ดิน นับว่าเป็นความบกพร่องของจำเลยที่ไม่ตรวจสอบให้รอบคอบก่อนเข้าประมูลซื้อที่ดิน จำเลยจึงไม่อาจอ้างความสำคัญผิดในที่ตั้งของที่ดินมาเป็นประโยชน์แก่ตนได้ ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเข้าประมูลซื้อที่ดินทั้งสามแปลงเกิดจากการแสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในสิ่งที่เป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม ไม่ตกเป็นโมฆะ จำเลยต้องรับผิดในจำนวนเงินส่วนต่างจากการขายทอดตลาดที่ดินแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 516

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2559

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย กรณีเจ้าหนี้สำคัญผิดเนื่องจากกระบวนการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
คดีนี้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 เด็ดขาดในวันที่ 8 มิถุนายน 2553 ก่อนที่ศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 เด็ดขาดในคดีหมายเลขแดงที่ 7620/2553 ในวันที่ 15 มิถุนายน 2553 เป็นเวลา 7 วัน โดยที่ศาลล้มละลายกลางในคดีดังกล่าวไม่ทราบว่าลูกหนี้ที่ 1 ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้ไปก่อนแล้ว ต่อมาเมื่อศาลล้มละลายกลางในคดีดังกล่าวแจ้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 เด็ดขาดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คดีดังกล่าว และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คดีดังกล่าวดำเนินการประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 เด็ดขาด เจ้าหนี้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 ในขณะที่ยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาอันเป็นเวลาก่อนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีนี้เพิ่งลงประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดลูกหนี้ที่ 1 ทางหนังสือพิมพ์และในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2553 และวันที่ 19 ตุลาคม 2553 ตามลำดับ ปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คดีดังกล่าวพิจารณารับคำขอรับชำระหนี้และกำหนดนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ในคดีดังกล่าววันที่ 19 มกราคม 2554 แสดงว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คดีดังกล่าวซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานเดียวกันก็ไม่เคยทราบว่าศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ที่ 1 เด็ดขาดในคดีนี้ไปก่อนแล้ว ดังนั้น การที่เจ้าหนี้ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีดังกล่าว โดยมิได้ตรวจสอบว่าลูกหนี้ที่ 1 ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีอื่นก่อนแล้วหรือไม่เพื่อจะได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีอื่นนั้น จึงเป็นผลจากการดำเนินการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลล้มละลายกลางในคดีดังกล่าวที่ทำให้เจ้าหนี้เกิดสำคัญผิดหลงเข้าใจว่าลูกหนี้ที่ 1 ไม่ได้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีอื่นอีก ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยที่เจ้าหนี้ไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีนี้ได้ภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด สมควรที่จะขยายระยะเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้แก่เจ้าหนี้จนถึงวันที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไว้ดำเนินการต่อไป
of 28