พบผลลัพธ์ทั้งหมด 971 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลพินิจศาลในการงดสืบพยานและการรับฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่ง
อุทธรณ์จำเลยที่ว่า ศาลชั้นต้นควรสืบพยานโจทก์จำเลยก่อนเพื่อจะวินิจฉัยแปลความในสัญญาเช่าว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองหรือไม่ และโจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินพิพาท ตัวบ้านที่พิพาทของจำเลยทั้งสองในส่วนด้านหน้าหรือทั้งหมดปลูกอยู่ในรัศมีของถนนไม่ได้เช่าจากใคร เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลชั้นต้นในการมีคำสั่งงดสืบพยานและรับฟังข้อเท็จจริง เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนนัดสืบพยานเนื่องจากทนายจำเลยป่วยและยื่นคำร้องหลังศาลสั่งงดสืบพยาน ศาลใช้ดุลพินิจชอบแล้ว
ตามคำร้อง ของ ทนายจำเลยขอเลื่อนวันนัดสืบพยานจำเลย ซึ่งนัดเวลา 13.30 นาฬิกา ปรากฏว่าทนายจำเลยป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงก่อนวันนัด 1 วัน นั้น ทนายจำเลยมีโอกาสยื่นคำร้องขอเลื่อนได้ก่อนเวลา 13.30 น. ของวันนัด แต่เสมียนทนายจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวในวันนัดเวลา 14.00 น.หลังจากศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนการสืบพยานจึง ชอบ แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนคดีและงดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โต้แย้งไม่ทันไม่มีสิทธิอุทธรณ์
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2531ไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและงดสืบพยานโจทก์จำเลย โดยนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 2 ธันวาคม 2531 แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนี้ คำสั่งดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งก่อนมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 มิใช่คำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตาม มาตรา 24 และมาตรา 227 เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการสืบพยาน และการขาดความเอาใจใส่ของทนายโจทก์ ทำให้ศาลไม่อนุญาตเลื่อนคดีและถือว่าไม่มีพยาน
ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายโจทก์ป่วย โดยไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดง แต่ศาลไม่อนุญาต และให้สืบพยานคือตัวจำเลยโดยให้ทนายโจทก์ถามค้านในนัดหน้า แต่นัดต่อมาทนายโจทก์กลับแถลงไม่ติดใจถามค้านพยานจำเลยที่เบิกความไปแล้ว หลังจากนั้นจำเลยนำสืบพยานอื่นอีกจนหมดพยาน และโจทก์ขอเลื่อนคดีไปเพื่อยื่นบัญชีพยานฉบับใหม่เพราะบัญชีพยานฉบับเดิมศาลสั่งไม่รับอ้างว่าล่วงพ้นกำหนดตามกฎหมาย ดังนี้ พฤติการณ์ของทนายโจทก์แสดงว่าไม่เอาใจใส่และไม่ให้ความสำคัญแก่คดีของโจทก์เอง ชอบที่ศาลจะไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากสืบพยานแล้วจำเลยมีทางชนะคดีได้
จำเลยกล่าวในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เพียงว่า ถ้ามีการสืบพยานแล้ว จำเลยมีทางชนะคดีได้ มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินของศาล เพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คำขอพิจารณาใหม่จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ศาลชอบที่จะยกคำขอให้พิจารณาของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานหลักฐานนอกเหนือจากที่ให้การ และการรับรองสัญญากู้เงิน
จำเลยได้กู้เงินจากโจทก์ไปจำนวน 32,000 บาท ตามเอกสารหมายจ.2 จำเลยก็เบิกความยอมรับว่าได้ทำสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2จริง จำนวน 32,000 บาท สัญญากู้ตามฟ้องจึงไม่เป็นเอกสารที่โจทก์กรอกข้อความเองโดยจำเลยมิได้ยินยอม มิใช่เอกสารปลอมดัง ที่จำเลยให้การ ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า จำเลยกู้เงินโจทก์เพียง20,000 บาท และชำระหนี้ให้โจทก์แล้วเป็นการนำสืบในข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้ให้การไว้และมิใช่เป็นการนำพยานหลักฐานมาสืบเพื่อสนับสนุนคำให้การของจำเลยจึงเป็นพยานหลักฐานที่ไม่เกี่ยวถึงข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะต้องนำสืบ ต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6034/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานนอกประเด็นที่ศาลฎีกาย้อนสำนวน: ห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ศาลฎีกาได้พิพากษาย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นสืบพยานเรื่องอำนาจฟ้องว่าจำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งตามฟ้องหรือไม่แต่ศาลชั้นต้นได้สืบพยานในเรื่องดังกล่าวแล้วยังได้สืบพยานในประเด็นอื่นจนสิ้นกระแสความอีกด้วย ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณานอกเหนือคำพิพากษาศาลฎีกา การสืบพยานประเด็นอื่นของศาลชั้นต้นไม่อาจถือได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นโดยชอบ ฎีกาของโจทก์ข้อที่ว่าการที่ศาลแพ่งสืบพยานประเด็นอื่นด้วยเท่ากับศาลแพ่งใช้ดุลพินิจรับพิจารณาคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(4) แล้ว จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์แต่ปิดครบก่อนสืบพยาน ใช้เป็นหลักฐานได้
โจทก์มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดี แม้หนังสือมอบอำนาจของโจทก์จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้มี การปิดอากรแสตมป์ในชั้นพิจารณาครบถ้วนก่อนสืบพยานโจทก์ก็ย่อม ใช้เป็นหลักฐานในคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4621/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่ติดอากรแสตมป์ตั้งแต่แรก แต่ปิดอากรเพิ่มเติมก่อนสืบพยาน ใช้เป็นหลักฐานได้
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้มีการปิดอากรแสตมป์พิจารณาครบถ้วนก่อนสืบพยานโจทก์ก็ย่อมใช้เป็นหลักฐานในคดีได้ ส่วนการที่จะต้องรับผิดเสียอากรเพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งต่างหากนั้นไม่กระทบกระทั่งถึงการที่จะรับฟังหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4070/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกเฉยต่อการดำเนินคดีและการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและงดสืบพยาน
ศาลอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีไปครั้งหนึ่ง โดยกำชับจำเลย ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมเพื่อให้สืบทั้งหมดในวันนัด หากพยานฝ่ายใดไม่มาศาลจะถือว่าฝ่ายนั้นไม่ติดใจสืบพยาน เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าจำเลยติดธุระจำเป็นที่กรุงเทพมหานครอันเป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุจำเป็นอัน ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และจำเลยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของ ศาลว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ดังบัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 40 วรรคแรก พฤติการณ์ของจำเลย ดังกล่าวส่อแสดงว่า จำเลยเพิกเฉยไม่สนใจในการดำเนินคดีของตน เป็นการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และงดสืบพยาน จำเลยเสียได้.