พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,327 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3673/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายสินสมรสต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากคู่สมรส หากไม่มีหลักฐานแสดงความยินยอม ศาลไม่อาจรับฟังพยานบุคคลแทนได้
โจทก์มิได้นำสืบหนังสือยินยอมของสามีจำเลยที่ให้จำเลยขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์ แต่กลับสืบพยานบุคคลแทนหนังสือให้ความยินยอม และการที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยมีหนังสือยินยอมของสามีมาด้วย ก็ถือได้ว่าเป็นการสืบพยานบุคคลเพื่อแสดงว่าสามีจำเลยได้ให้ความยินยอมนั่นเอง จึงเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับความยินยอมจากสามีให้ขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3651/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายข้าวทางโทรพิมพ์: หลักฐาน, การชำระหนี้ และผลบังคับใช้
สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 มิได้มีกฎหมายกำหนดแบบให้ต้องทำเป็นหนังสือ ทั้งโจทก์และจำเลยที่ 1 มิได้ตกลงให้ทำสัญญาซื้อขายกันเป็นหนังสือ เมื่อจำเลยที่ 1 และโจทก์ได้ตกลงซื้อขายข้าวกันตามที่ได้เสนอสนองและตกลงกันได้ตามโทรพิมพ์ และสำเนาโทรพิมพ์ เมื่อคำเสนอและคำสนองของโจทก์และจำเลยที่ 1 ในการซื้อขายข้าวถูกต้องตรงกัน สัญญาขายข้าวระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ย่อมเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์แล้ว โจทก์และจำเลยที่ 1หาจำต้องทำสัญญาซื้อขายข้าวเป็นหนังสือไม่
สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่ตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อไว้ในโทรพิมพ์ดังกล่าวแต่อย่างใด สัญญาซื้อขายข้าวจึงไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดเป็นสำคัญ ทั้งไม่มีการวางประจำ และไม่มีการชำระหนี้บางส่วนโดยจำเลยที่ 1โจทก์จึงไม่มีหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ตามสัญญาซื้อขายข้าวได้
การที่โจทก์ผู้ซื้อชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้ขาย โดยโจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารต่างประเทศ มายังธนาคารในประเทศไทยนั้นต้องถือว่าธนาคารต่างประเทศเป็นเพียงตัวแทนของผู้ซื้อในต่างประเทศ และธนาคารในประเทศไทยเป็นตัวแทนของธนาคารต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง แม้ผู้ซื้อในต่างประเทศจะได้ชำระเงินเพื่อเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว ก็เป็นเพียงการชำระเงินให้แก่ตัวแทนของตนเท่านั้น หาอาจจะถือว่าเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้ขายยังไม่ได้ไปรับเงินจากธนาคารตามเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ชำระราคาสินค้าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว
สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่ตกลงกันเป็นราคาห้าร้อยบาทหรือกว่านั้นขึ้นไป เมื่อไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อไว้ในโทรพิมพ์ดังกล่าวแต่อย่างใด สัญญาซื้อขายข้าวจึงไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดเป็นสำคัญ ทั้งไม่มีการวางประจำ และไม่มีการชำระหนี้บางส่วนโดยจำเลยที่ 1โจทก์จึงไม่มีหลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1 ตามสัญญาซื้อขายข้าวได้
การที่โจทก์ผู้ซื้อชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 ผู้ขาย โดยโจทก์เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตกับธนาคารต่างประเทศ มายังธนาคารในประเทศไทยนั้นต้องถือว่าธนาคารต่างประเทศเป็นเพียงตัวแทนของผู้ซื้อในต่างประเทศ และธนาคารในประเทศไทยเป็นตัวแทนของธนาคารต่างประเทศอีกต่อหนึ่ง แม้ผู้ซื้อในต่างประเทศจะได้ชำระเงินเพื่อเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว ก็เป็นเพียงการชำระเงินให้แก่ตัวแทนของตนเท่านั้น หาอาจจะถือว่าเป็นการชำระหนี้ให้แก่ผู้ขายหรือตัวแทนของผู้ขายไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ผู้ขายยังไม่ได้ไปรับเงินจากธนาคารตามเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ชำระราคาสินค้าข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวให้แก่จำเลยที่ 1 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2736/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, อายุความ, การรับหนังสือแจ้ง, คดีควบคุมอาคาร: การพิจารณาหลักฐานและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 ไม่ใช่หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ประกอบกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ฟ้องคดีเองโดยมิได้มอบอำนาจให้ผู้ใดฟ้องแทน จึงไม่จำต้องมีใบมอบอำนาจ และเมื่อไม่ใช่หนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดี จึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าจำเลยก่อสร้างดัดแปลงต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นการฝ่าฝืนต่อ พระราชบัญญัติ ควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 และข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 จึงไม่ใช่ฟ้องเรื่องละเมิด แม้โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อเกิน 1 ปี คดีก็ยังไม่ขาดอายุความ เมื่อมีการส่งหนังสือคำสั่งของผู้อำนวยการเขตพร้อมใบตอบรับไปยังภูมิลำเนาของจำเลยและมีลายมือชื่อผู้รับ แม้ลายมือชื่อดังกล่าวจะไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยก็ต้องฟังว่ามีผู้รับแทนไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลรับฟังพยานบอกเล่าได้ หากมีเหตุผลประกอบ
ไม่มีบทกฎหมายใดห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า หากพยานบอกเล่ากล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2463/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาภาษีศุลกากรต้องมีหลักฐานราคาอันแท้จริงในท้องตลาด การอ้างอิงราคาซื้อขายเดิมประกอบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า สินค้าที่โจทก์นำเข้ามา โจทก์ได้สำแดงราคาสินค้าตามราคาที่โจทก์สั่งซื้อมา เจ้าพนักงานของจำเลยประเมินราคาเพิ่มขึ้นโดยไม่ชอบ เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียภาษีอากรมากกว่าที่พึงต้องชำระ ขอให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีอากรจำนวนที่โจทก์ชำระเกินไป นั้น เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจและให้การต่อสู้ได้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ปัญหาว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าทั้ง 16 ฉบับตามฟ้องต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์พออนุมานเบื้องต้นได้ว่า เป็นราคาซื้อขายที่โจทก์ซื้อมา แม้อาจไม่เท่ากับราคาอันแท้จริงในท้องตลาดดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยชอบที่จะนำสืบแสดงหลักฐานให้เห็นว่า ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นราคาเท่าใด และเป็นเพราะเหตุใดจำเลยจะอ้างแต่เพียงว่า การตีราคาหรือประเมินราคาต้องอาศัยคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 47/2531 เรื่อง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาที่ใช้ในการประเมินอากร โดยเทียบราคาที่ผู้ซื้อรายอื่นสั่งเข้ามาแต่เพียงอย่างเดียว และไม่ได้นำสืบหรือแสดงหลักฐานให้ปรากฏถึงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดย่อมไม่อาจรับฟังได้
ปัญหาว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าทั้ง 16 ฉบับตามฟ้องต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์พออนุมานเบื้องต้นได้ว่า เป็นราคาซื้อขายที่โจทก์ซื้อมา แม้อาจไม่เท่ากับราคาอันแท้จริงในท้องตลาดดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยชอบที่จะนำสืบแสดงหลักฐานให้เห็นว่า ราคาอันแท้จริงในท้องตลาดเป็นราคาเท่าใด และเป็นเพราะเหตุใดจำเลยจะอ้างแต่เพียงว่า การตีราคาหรือประเมินราคาต้องอาศัยคำสั่งทั่วไปกรมศุลกากรที่ 47/2531 เรื่อง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณาที่ใช้ในการประเมินอากร โดยเทียบราคาที่ผู้ซื้อรายอื่นสั่งเข้ามาแต่เพียงอย่างเดียว และไม่ได้นำสืบหรือแสดงหลักฐานให้ปรากฏถึงราคาอันแท้จริงในท้องตลาดย่อมไม่อาจรับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2277/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการครอบครองยาเสพติด แม้ไม่ได้ถูกจับพร้อมกัน
จำเลยที่ 3 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จากจังหวัดภูเก็ต มาจังหวัดสงขลาด้วยรถยนต์กระบะแล้วเข้าพักในโรงแรมเดียวกันจำเลยที่ 3 เป็นผู้ถือกระเป๋าสีดำเข้าไปในโรงแรม ต่อมาจำเลยที่ 1 หิ้วกระเป๋าออกจากโรงแรมขับรถออกไปพร้อมกับจำเลยที่ 2 และถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในที่เกิดเหตุพร้อมเฮโรอีนที่บรรจุในกระเป๋าสีดำ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 3 จะไม่ถูกจับกุมพร้อมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ตามพฤติการณ์ เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 3ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารหลักฐานการร่วมลงทุน: กรรมเดียวผิดหลายบท
แม้สัญญาจะร่วมกิจการและสัญญาวางมัดจำ กับหนังสือสำคัญรับเงินตามสัญญาดังกล่าว เป็นเอกสารคนละฉบับ แต่ก็เป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยมีเจตนาเดียวกันเพื่อเป็นหลักฐานว่าโจทก์ร่วมลงทุนน้อยกว่าที่ได้ร่วมลงทุนจริง การที่จำเลยปลอมสัญญาจะร่วมกิจการและสัญญาวางมัดจำ และปลอมหนังสือสำคัญรับเงินตามสัญญาดังกล่าว จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระดอกเบี้ยไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ อนุญาตให้ใช้พยานบุคคลยืนยันได้
การชำระดอกเบี้ยไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ.มาตรา 653 วรรคสอง จึงนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระดอกเบี้ยแล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระดอกเบี้ยไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานหนังสือ สามารถนำสืบพยานบุคคลได้
การชำระดอกเบี้ยไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง จึงนำสืบพยานบุคคลว่าได้ชำระดอกเบี้ยแล้วได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่อาจฟ้องบังคับได้ การออกเช็คพิพาทไม่เป็นความผิด
เช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมเกินกว่า 50 บาท โดยมิได้มีการทำหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินไว้เป็นหนังสือ เมื่อไม่มีการนำเช็คนั้นเข้าเรียกเก็บเงิน เช็คพิพาทซึ่งออกมาเพื่อเปลี่ยนเอาเช็คเดิมไป จึงเป็นเช็คที่ออกเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมดังกล่าว ซึ่งไม่อาจฟ้องร้องบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท การออกเช็คพิพาทจึงไม่เป็นความผิดตามพระราช-บัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4