คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อาญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องอาญาต้องระบุวันเวลาที่เกิดเหตุ หากไม่ครบถ้วน ศาลต้องยกฟ้อง แม้มีมูลความผิด
การกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จะเกิดขึ้นต่อเมื่อธนาคารผู้มีชื่อเป็นผู้ใช้เงินตามเช็คปฏิเสธการใช้เงินตามเช็คนั้น แต่ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุวันเวลาที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ยเงินตามเช็คและไม่ได้แนบสำเนาเช็ค และใบคืนเช็คมากับคำฟ้องด้วย ฟ้องของโจทก์ไม่มีรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำผิด จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การลงโทษกรรมเดียวแต่ผิดหลายบท vs. ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกบังอาจร่วมกันใช้ด้ามปืนยาวเป็นอาวุธ ตีทำร้ายร่างกายนายเจ๊กนายพวง และนายจันทร์หลายครั้งโดยเจตนาจะฆ่าคนทั้งสามให้ตาย ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,288,83 เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ศาลจะลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง
ปัญหาเรื่องลงโทษเกินคำฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิด 3 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 15 ปี 2 กระทง ส่วนอีกกระทงหนึ่งจำคุก 10 ปี รวมจำคุก 40 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดให้จำคุกจำเลยมีกำหนด20 ปีได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องอาญา: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากความเท็จนั้น
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมตั้งผู้จัดการมรดกในรูปคณะกรรมการจัดการมรดกโดยระบุชื่อบุคคลพวกหนึ่งและระบุตำแหน่งอีกพวกหนึ่งรวมทั้งหมด 11 ท่าน โดยมีตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงครามรวมอยู่ด้วย และมีข้อกำหนดไว้ว่าให้คณะกรรมการตั้งแต่ 5 ท่านขึ้นไปเป็นองค์ประชุมจัดการทรัพย์มรดกได้ พินัยกรรมมิได้ระบุชื่อโจทก์หรือตั้งโจทก์ให้เป็นคณะกรรมการจัดการมรดก โจทก์ในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่เป็นผู้จัดการมรดก ตามคำฟ้องของโจทก์อ่านเข้าใจได้ว่าโจทก์ในฐานะส่วนตัวได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม มิได้อ้างว่าโจทก์เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม หรือฟ้องในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม โจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3324/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การพิจารณาโทษจำเลยต้องอ้างอิงตามข้อเท็จจริงที่ระบุในคำฟ้องเท่านั้น แม้จะมีข้อเท็จจริงใหม่จากการพิจารณา
ฟ้องว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ไว้ในครอบครอง6 เม็ด และขายแก่ผู้มีชื่อไป หมายความชัดเจนว่าจำเลยขายไปหมด เป็นความผิดกรรมเดียว ข้อที่ว่าจำเลยจำหน่าย 1 เม็ด เหลือ 5 เม็ด ไม่ได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2800/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนความผิดทางอาญาต้องมีตัวการ หากไม่มีตัวการ ผู้ช่วยเหลือจึงไม่มีความผิด
การสนับสนุนการกระทำความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 นั้นจะต้องมีผู้อื่นเป็นตัวการในการกระทำผิด หากเป็นกรณีที่ไม่มีตัวการกระทำผิดในความผิดดังกล่าว ผู้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในความผิดนั้น ก็ย่อมไม่มีความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2430/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนในการฟ้องคดีอาญา: เจตนาทุจริตและฐานความผิด
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยกับ ฮ. ได้กระบือ 3 ตัวของผู้เสียหายมาไว้ในครอบครอง แล้วจำเลยกับ ฮ. ร่วมกันเอากระบือของผู้เสียหายดังกล่าว ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยทุจริต ใช้ จ้าง วาน ฮ. ไปหลอกลวงผู้เสียหายจนหลงเชื่อส่งมอบกระบือให้ ได้กระบือมาโดยเจตนาฉ้อโกงแต่แรก หรือมิฉะนั้นมีเจตนาทุจริตคิดยักยอกกระบือที่ผู้เสียหายมอบให้ ภายหลังที่ได้กระบือมาครอบครอง ดังนี้เป็นการบรรยายว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง มิใช่กระทำความผิดสองฐานในคราวเดียวกัน ฟ้องของโจทก์ไม่ขัดกัน จำเลยมีความตั้งใจอย่างไรเป็นเรื่องในใจของจำเลย ซึ่งจำเลยควรเข้าใจข้อหาได้ดีว่าโจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำความผิดอย่างใด ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การผ่อนผันการชำระหนี้ทางแพ่งไม่ถือเป็นการยอมความทางอาญา
คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้ ผู้จัดการของโจทก์ร่วมตกลงให้จำเลยผ่อนชำระเป็นรายเดือนๆ ละ 10,000 บาท จำเลยได้ชำระเงินบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบจำนวนตามเช็ค ต่อมาจำเลยขอผ่อนชำระเดือนละ 5,000 บาท โจทก์ร่วมไม่ยอม ดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ร่วมผ่อนผันการชำระเงินทางแพ่งเท่านั้น การที่โจทก์ร่วมมิได้คืนเช็คให้จำเลย ย่อมแสดงเจตนาของโจทก์ร่วมที่ไม่ประสงค์จะให้คดีอาญาระงับ ถือไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องหาระงับไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2375/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การผ่อนผันการชำระหนี้ทางแพ่ง ไม่ถือเป็นการยอมความทางอาญา
คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปได้
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม เมื่อเช็คขึ้นเงินไม่ได้ผู้จัดการของโจทก์ร่วมตกลงให้จำเลยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ๆ ละ 10,000 บาท จำเลยได้ชำระเงินบ้างแล้ว แต่ยังไม่ครบจำนวนตามเช็คต่อมาจำเลยขอผ่อนชำระเดือนละ 5,000 บาท โจทก์ร่วมไม่ยอมดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์ร่วมผ่อนผันการชำระเงินทางแพ่งเท่านั้น การที่โจทก์ร่วมมิได้คืนเช็คให้จำเลย ย่อมแสดงเจตนาของโจทก์ร่วมที่ไม่ประสงค์จะให้คดีอาญาระงับ ถือไม่ได้ว่ามีการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องหาระงับไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของคำฟ้องอาญาและการพิพากษาลงโทษตามบทต่างๆ
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358,360 เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชอบที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 358 ได้ ส่วนกรณีตามมาตรา 360 ไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 มาตรา 3 ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องในส่วนนี้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 161

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดซ้ำเกี่ยวกับอาวุธปืนและวัตถุระเบิด: หลักการระงับสิทธิฟ้องคดีอาญา
ความผิดฐานมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงครามนั้นกฎหมายต้องการให้เป็นความผิด ในลักษณะเดียวกัน ฉะนั้น การที่จำเลยมีอาวุธปืนกลและลูกระเบิดไว้ในครอบครองในขณะเดียวกันจึงเป็นความผิดแต่กรรมเดียว ส่วนความผิดฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะนั้น แม้ว่าอาวุธปืนที่จำเลยพาไปจะเป็นปืนกลก็ดี ปืนพกก็ดี ถ้าพาปืนเหล่านั้นไปในขณะเดียวกัน ก็ย่อมเป็นความผิดกรรมเดียวกัน เมื่อจำเลยได้ถูกลงโทษในการกระทำฐานมีอาวุธซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม และในการกระทำฐานพาอาวุธไปในทางสาธารณะเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
เมื่อมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษในคดีนี้ซ้ำอีก แม้จำเลยจะไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185, 215, 225
of 71