พบผลลัพธ์ทั้งหมด 771 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงทำร้าย: พิจารณาจากบาดแผล, อาวุธ, และพฤติการณ์
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงไม่มีด้ามและมีสนิมติดอยู่ด้วยจำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2 * 0.3 เซนติเมตรลึก 0.5 เซนติเมตรติดกระดูกซี่โครง ไม่ได้ความว่าแทงโดยแรงหรือไม่ผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยยังแทงผู้เสียหายที่โคนขาอีก 2 ครั้งแผลลึก 3 และ 2.5 เซนติเมตรตามลำดับ สภาพบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายแพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย พิจารณาถึงมีดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้แทงให้ตายและการที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงในส่วนสำคัญได้หลังจากผู้เสียหายล้มลงแล้วแต่กลับแทงไปที่บริเวณโคนขาซึ่งไม่เกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากบาดแผลและพฤติการณ์ ผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงไม่มีด้ามและมีสนิมติดอยู่ด้วยจำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2+0.3 เซนติเมตรลึก 0.5 เซนติเมตรติดกระดูกซี่โครง ไม่ได้ความว่าแทงโดยแรงหรือไม่ผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยยังแทงผู้เสียหายที่โคนขาอีก 2ครั้ง แผลลึก 3 และ 2.5 เซนติเมตรตามลำดับ สภาพบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายแพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย พิจารณาถึงมีดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้แทงให้ตายและการที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงในส่วนสำคัญได้หลังจากผู้เสียหายล้มลงแล้วแต่กลับแทงไปที่บริเวณโคนขาซึ่งไม่เกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4707/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยเก้าอี้ และความรับผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยที่ 2 จับเก้าอี้เหล็กกลมไม่มีพนักแล้วกระแทกปลายขาเก้าอี้ซึ่งเป็นเหล็กกลวงไม่มียางหุ้มไปที่ศีรษะอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ตายโดยแรง ทำให้กะโหลกศีรษะใต้บาดแผลยุบขนาด 3 + 2.5 ซ.ม. นั้น จำเลยที่ 2 ย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนได้ว่าจะเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
แม้จำเลยที่ 1 จะมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกรุมทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แต่จำเลยที่ 1 กับพวกตามจำเลยที่ 2 ออกไปทำร้ายผู้ตายโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน และไม่มีอาวุธติดตัวแต่อย่างใด และการทำร้ายของจำเลยที่ 1 ก็เพียงชกต่อยผู้ตายโดยจำเลยที่ 1 ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตายด้วย จำเลยที่1 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตาย
แม้จำเลยที่ 1 จะมีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 2 และพวกรุมทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แต่จำเลยที่ 1 กับพวกตามจำเลยที่ 2 ออกไปทำร้ายผู้ตายโดยไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน และไม่มีอาวุธติดตัวแต่อย่างใด และการทำร้ายของจำเลยที่ 1 ก็เพียงชกต่อยผู้ตายโดยจำเลยที่ 1 ไม่เคยมีสาเหตุกับผู้ตายด้วย จำเลยที่1 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายเท่านั้น ยังไม่ถึงกับเป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4402/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแม้ระเบิดไม่ทำงาน ศาลลงโทษฐานพยายามฆ่าได้
จำเลยขว้างลูกระเบิดใส่ผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่ลูกระเบิดไม่เกิดการระเบิดเพราะยังมิได้ถอดสลักนิรภัย เมื่อปรากฏว่าลูกระเบิดดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้ทำการระเบิดได้และหากระเบิดขึ้นจะมีอำนาจทำลายสังหารชีวิตมนุษย์ ดังนี้ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,81 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 295,80 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,80 ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้แต่กำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,81 จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 295,80 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 288,80 ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้แต่กำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า, พยายามฆ่า, การกระทำร่วมกัน, การทำร้ายร่างกาย, การพิจารณาความผิดฐานต่างๆ
จำเลยที่ 1 ใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวประมาณ 6 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาวตลอดด้ามประมาณ 10 นิ้วครึ่ง แทงผู้ตายที่กลางหน้าอกทะลุกระดูกหน้าอก เยื่อหุ้มหัวใจ ปอดข้างขวา และแทงผู้เสียหายถูกที่ด้านหลังซ้ายยาว 2 เซนติเมตร กว้าง 0.3เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองคืนเกิดเหตุพวกจำเลยมีเจตนามาดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อน ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำแม้จะหลบหนีไปด้วยกันก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีไม่ถูกผู้เสียหายและการที่จำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้เสียหายก็ไม่ปรากฏบาดแผลอะไร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น.
ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองคืนเกิดเหตุพวกจำเลยมีเจตนามาดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อน ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน โดยจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำแม้จะหลบหนีไปด้วยกันก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีไม่ถูกผู้เสียหายและการที่จำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้เสียหายก็ไม่ปรากฏบาดแผลอะไร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3708/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า, พยายามฆ่า, การกระทำร่วมกัน, และความรับผิดทางอาญาที่แตกต่างกันของผู้กระทำ
จำเลยที่ 1 ใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาวประมาณ 6 นิ้วกว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาวตลอดด้ามประมาณ 10 นิ้วครึ่ง แทงผู้ตายที่กลางหน้าอกทะลุกระดูกหน้าอก เยื่อหุ้มหัวใจ ปอดข้างขวา และแทงผู้เสียหายถูกที่ด้านหลังซ้ายยาว 2 เซนติเมตร กว้าง 0.3เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองคืนเกิดเหตุพวกจำเลยมีเจตนามาดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อน ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำแม้จะหลบหนีไปด้วยกันก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีไม่ถูกผู้เสียหายและการที่จำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้เสียหายก็ไม่ปรากฏบาดแผลอะไร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น.
ผู้ตายและผู้เสียหายกับพวกจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองคืนเกิดเหตุพวกจำเลยมีเจตนามาดักทำร้ายพวกวัยรุ่นที่วิวาทกันในคืนก่อน ไม่มีเจตนาที่จะร่วมกันทำร้ายผู้ตายและผู้เสียหายแต่อย่างใด แต่เหตุเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีผู้เสียหายและจำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ใช้มีดแทงผู้ตายและผู้เสียหายนั้นก็เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำแม้จะหลบหนีไปด้วยกันก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1ฆ่าผู้ตายและพยายามฆ่าผู้เสียหาย เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีไม่ถูกผู้เสียหายและการที่จำเลยที่ 3 ชกต่อยผู้เสียหายก็ไม่ปรากฏบาดแผลอะไร จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานพยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนจำเลยที่ 3 คงมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยเมาสุราใช้มีดยาวประมาณ 7-8 นิ้ว แทงไปที่ท้องของผู้เสียหาย ขณะยืนห่างผู้เสียหายประมาณ 2 เมตร ในระหว่างเกิดเหตุชุลมุนกัน สภาพเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุเช่นนั้น จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายและไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะแทงตรงส่วนสำคัญของร่างกาย ทั้งการแทงดังกล่าวก็ไม่ถูกผู้เสียหายด้วย ส่วนการที่จำเลยแทงผู้เสียหายครั้งที่สองในขณะที่ผู้เสียหายหันหลังวิ่งหนีนั้นก็ปรากฏว่ามีบาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายด้านหลัง ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน ซึ่งเป็นบาดแผลที่มิใช่ส่วนสำคัญของร่างกายและไม่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ตามพฤติการณ์และบาดแผลที่จำเลยแทงผู้เสียหายดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกาย: เจตนาฆ่าหรือไม่ พิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยเมาสุราใช้มีดยาวประมาณ 7-8 นิ้ว แทงไปที่ท้องของผู้เสียหาย ขณะยืนห่างผู้เสียหายประมาณ 2 เมตร ในระหว่างเกิดเหตุชุลมุนกัน สภาพเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุเช่นนั้น จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายและไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะแทงตรงส่วนสำคัญของร่างกาย ทั้งการแทงดังกล่าวก็ไม่ถูกผู้เสียหายด้วย ส่วนการที่จำเลยแทงผู้เสียหายครั้งที่สองในขณะที่ผู้เสียหายหันหลังวิ่งหนีนั้นก็ปรากฏว่ามีบาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายด้านหลัง ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรใช้เวลารักษาประมาณ 7 วันซึ่งเป็นบาดแผลที่มิใช่ส่วนสำคัญของร่างกายและไม่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ตามพฤติการณ์และบาดแผลที่จำเลยแทงผู้เสียหายดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการใช้อาวุธปืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุป้องกันตน
โจทก์ร่วมกับจำเลยมีเรื่องโต้เถียงท้าทายกันก่อน แล้วจำเลยเป็นฝ่ายนัดโจทก์ร่วมไปชกต่อย เมื่อถึงที่เกิดเหตุโจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธใดติดตัวเดินเข้าหาจำเลยห่างประมาณ 1 เมตร จำเลยกลับใช้อาวุธปืนจ้องยิงบริเวณหน้าอกของโจทก์ร่วม 2 นัดโจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบ กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมที่ต้นแขนซ้ายและต้นขาซ้ายตามลำดับ พฤติการณ์ที่จำเลยสมัครใจวิวาท ท้าทาย และใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมกำลังจะทำร้ายจำเลยก่อน จึงเป็นการแสดงเจตนาฆ่า จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการวิวาทและการใช้อาวุธปืน การอ้างป้องกันตัวเองไม่สมเหตุสมผล
โจทก์ร่วมกับจำเลยมีเรื่องโต้เถียงท้าทายกันก่อน แล้วจำเลยเป็นฝ่ายนัดโจทก์ร่วมไปชกต่อย เมื่อถึงที่เกิดเหตุโจทก์ร่วมซึ่งไม่มีอาวุธใดติดตัวเดินเข้าหาจำเลยห่างประมาณ 1 เมตรจำเลยกลับใช้อาวุธปืนจ้องยิงบริเวณหน้าอกของโจทก์ร่วม 2 นัดโจทก์ร่วมเอี้ยวตัวหลบ กระสุนปืนถูกโจทก์ร่วมที่ต้นแขนซ้ายและต้นขาซ้ายตามลำดับ พฤติการณ์ที่จำเลยสมัครใจวิวาท ท้าทาย และใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วม โดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมกำลังจะทำร้ายจำเลยก่อน จึงเป็นการแสดงเจตนาฆ่า จำเลยจะอ้างว่าเป็นการป้องกันหาได้ไม่.