พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1201-1203/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้ลงทุนหวังผลตอบแทนสูงเกินจริง และการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ
จำเลยตั้งสำนักงานขึ้นให้ชื่อว่าบริษัทชัยวัฒนา มีวัตถุประสงค์ทำการค้าและชักชวนให้ประชาชนำเงินมาฝากเป็นการเข้าหุ้น แต่การเข้าหุ้นนี้จำเลยคิดผลประโยชน์ให้ร้อยละ 50 ต่อเดือนเป็นรายเดือน มีประชาชนหลายจังหวัดนำเงินมามอบให้จำเลยเป็นจำนวนมากมายหลายสิบล้านบาทเพราะหวังประโยชน์ตอบแทนอันสูง ดังนี้เมื่อคำนวนอัตราผลประโยชน์ร้อยละ 50 ต่อเดือนที่จำเลยคิดให้แล้วในต้นเดือนที่จำเลยคิดให้แล้วในต้นเงินเพียง 100 บาท ถ้าฝากจำเลยสมทบทั้งต้นและผลประโยชน์ ในปีหนึ่งจำเลยจะต้องจ่ายเป็นเงินหนึ่งหมื่นเศษ ถ้าถึงปีที่ 2 ก็เป็นจำนวนเกินล้านบาท ซึ่งเป็นที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยจะไปหาผลกำไรจากที่ไหนมาจ่ายให้ได้ แม้จำเลยเองก็ว่าหุ้นส่วนมีกำไรเท่าใดไม่อาจรู้ได้ แต่กระนั้นจำเลยก็ยังคงจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ฝากไปได้ เหตุที่จำเลยจ่ายเงินปันผลทั้ง ๆที่ไม่รู้ว่ามีกำไรเท่าใดนั้น ย่อมประกอบให้เห็นเจตนาจำเลยในการลวงให้เข้าหลงเชื่อโดยแท้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการใช้อุบายเป็นทำนองว่าตนทำการค้าใหญ่โตให้เขานำเงินมาฝากเข้าเป็นหุ้นส่วน โดยสัญญาจะจ่ายเงินปันผลให้ร้อยละ 50 ต่อเดือน ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถจะจ่ายให้เขาได้จึงนับว่าเป็นความเท็จและคนหลงเชื่อนำเงินมาฝากมากมายเช่นนี้ย่อมเข้าเกณฑ์ความผิดฐานฉ้อโกงตาม ก.ม. อาญา ม.304 และการกระทำดังกล่าวไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ธนาคารพานิชย์เพราะไม่ใช่ทำการเป็นธนาคารพานิชย์และไม่มีสภาพคล้ายคลึงกับกิจการธนาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้าอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขแห่งสาธารณะชน พ.ศ. 2471 ม.7
โจทก์กล่าวฟ้องว่าก่อนคดีนี้จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษฐานไม่ทำบัญชีแสดงรายการรับและจำหน่ายน้ำตาลมาครั้งหนึ่ง ศาลพิพากษาปรับ 50 บาท ดังปรากฎในคดีแดงที่ 178/2489 พ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี จำเลยแถลงรับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง แล้วโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องว่า ความผิดฐานไม่ทำบัญชีซึ่งจำเลยเคยต้องโทษนั้นเป็นความผิดซึ่งไม่ใช่เป็นส่วนลหุโทษและมิใช่ความผิดที่เกิดขึ้นด้วยประมาทศาลสองจำเลย จำเลยไม่คัดค้านศาลอนุญาตและปรากฎว่าในสำนวนเลขแดงที่ 178/2489 ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ภาษีอากรซื้อน้ำตาล ม.26 ที่บัญญัติให้มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมิใช่ความผิดฐานลหุโทษ ดังนี้แม้ในฟ้องจะมิได้ระบุว่าโทษครั้งก่อนเนื่องจากความผิดต่อ ก.ม. ใดเลยก็เพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตาม ก.ม. อาญา ม.72 ตามฟ้องของโจทก์ได้
ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อ ก.ม. ในการวินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ม. นั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
โจทก์กล่าวฟ้องว่าก่อนคดีนี้จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษฐานไม่ทำบัญชีแสดงรายการรับและจำหน่ายน้ำตาลมาครั้งหนึ่ง ศาลพิพากษาปรับ 50 บาท ดังปรากฎในคดีแดงที่ 178/2489 พ้นโทษยังไม่เกิน 5 ปี จำเลยแถลงรับว่าเคยต้องโทษจริงตามฟ้อง แล้วโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องว่า ความผิดฐานไม่ทำบัญชีซึ่งจำเลยเคยต้องโทษนั้นเป็นความผิดซึ่งไม่ใช่เป็นส่วนลหุโทษและมิใช่ความผิดที่เกิดขึ้นด้วยประมาทศาลสองจำเลย จำเลยไม่คัดค้านศาลอนุญาตและปรากฎว่าในสำนวนเลขแดงที่ 178/2489 ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.ภาษีอากรซื้อน้ำตาล ม.26 ที่บัญญัติให้มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมิใช่ความผิดฐานลหุโทษ ดังนี้แม้ในฟ้องจะมิได้ระบุว่าโทษครั้งก่อนเนื่องจากความผิดต่อ ก.ม. ใดเลยก็เพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตาม ก.ม. อาญา ม.72 ตามฟ้องของโจทก์ได้
ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อ ก.ม. ในการวินิจฉัยปัญหาข้อ ก.ม. นั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษตาม ม.74 ต้องเป็นความผิดในหมวดเดียวกันกับความผิดเดิม แม้ศาลลงโทษตามบทหนัก
ความผิดที่จะเป็นเหตุให้เพิ่มโทษเป็นทวีคูณคามความใน ม.74 นั้น จะต้องเป็นความผิดที่อยู่ในประเภท(หมวด) เดียวกับความผิดในครั้งก่อน
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีก คือ ลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ม. 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และ ม. 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ แต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม ม.270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียว ดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึงปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม ม. 74 ไม่ได้
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีก คือ ลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ม. 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และ ม. 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ แต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม ม.270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียว ดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึงปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม ม. 74 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษซ้ำตามมาตรา 74 ต้องเป็นความผิดในหมวดเดียวกัน ศาลพิพากษาลงโทษตามบทหนักบทเดียว
ความผิดที่จะเป็นเหตุให้เพิ่มโทษเป็นทวีคูณตามความใน มาตรา 74 นั้น จะต้องเป็นความผิดที่อยู่ในประเภท(หมวด)เดียวกับความผิดในครั้งก่อน
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีกคือลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และมาตรา 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพแต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียวดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึ่งปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับความผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 74 ไม่ได้
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์พ้นโทษแล้วมากระทำผิดครั้งนี้ขึ้นอีกคือลักทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวเพื่อเรียกสินไถ่สำหรับความผิดครั้งนี้แม้ศาลพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 294 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์และมาตรา 270 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพแต่เมื่อศาลให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่มาตราเดียวดังนี้ความผิดของจำเลยในครั้งนี้จึงเป็นความผิดซึ่งปรับอยู่ในหมวดว่าด้วยการทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพเท่านั้นและเป็นความผิดคนละหมวดกับความผิดครั้งก่อนซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการประทุษร้ายต่อทรัพย์ ดังนี้จะเพิ่มโทษจำเลยตาม มาตรา 74 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำเลยที่มีโทษรอการลงโทษ และหลักเกณฑ์การเพิ่มโทษตามกฎหมายอาญา
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ เช่นนี้ ศาลจะเพิ่มโทษจำเลยในคดีหลังตามมาตรา 42 ที่แก้ไขใหม่ไม่ได้ เพราะไม่ได้ระบุไว้เป็นพิเศษเช่นของเดิมและจะเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ก็ไม่ได้ เพราะโทษที่รอไว้ยังไม่ได้รับจริง ไม่เรียกว่าพ้นโทษไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกเดิมและการพิจารณาโทษที่รอการลงโทษตามมาตรา 42 และ 72
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ เช่นนี้ ศาลจะเพิ่มโทษจำเลยในคดีหลังตามมาตรา 42 ที่แก้ไขใหม่ไม่ได้เพราะไม่ได้ระบุไว้เป็นพิเศษเช่นของเดิมและจะเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ก็ไม่ได้ เพราะโทษที่รอไว้ยังไม่ได้รับจริง ไม่เรียกว่าพ้นโทษไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการเพิ่มโทษจำคุกตามมาตรา 72 และการลดโทษตามมาตรา 36 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา
ตามมาตรา 36 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญาที่ว่าจะเพิ่มโทษจำคุกจำเลย ให้จำเลยต้องจำคุกเกินกว่า 20 ปีไม่ได้นั้น ถ้าศาลวางโทษจำคุก 20 ปี เพิ่มโทษขึ้นไปแล้ว ลดลงคงจำคุกไม่เกินกว่า 20 ปี ดังนี้ ย่อมทำได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการเพิ่มโทษจำคุกตามมาตรา 72 และการลดโทษตามมาตรา 36 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา
ตามมาตรา 36 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาที่ว่าจะเพิ่มโทษจำคุกจำเลย ให้จำเลยต้องจำคุกเกินกว่า 20 ปีไม่ได้นั้นถ้าศาลวางโทษจำคุก 20 ปี เพิ่มโทษขึ้นไปแล้ว ลดลงคงจำคุกไม่เกินกว่า 20 ปีดังนี้ ย่อมทำได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 36 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1785/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการเพิ่มลดโทษ: ลดโทษตาม 58 ทวิ ก่อน แล้วจึงเพิ่มโทษตาม 72
มาตรา 58 ทวิ เป็นเรื่องวางกำหนดโทษ ไม่ใช่เรื่องลดโทษจะหักกลบลบกับโทษที่เพิ่มตาม มาตรา 39 ไม่ได้ ต้องลดมาตราส่วนโทษลงก่อนแล้วจึงเพิ่ม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกโทษจำคุกที่รอการลงอาญาและการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ ต้องมีโทษจำคุกจริงและพ้นโทษคดีก่อน
การที่ศาลวางโทษจำคุกจำเลยแต่ให้ยกโทษจำคุกเสียคงปรับสถานเดียวไม่เรียกว่าลงโทษจำคุกจำเลยดังนี้ จึงยกโทษจำคุกที่เคยรอการลงอาญาไว้มาลงแก่จำเลยไม่ได้ และเมื่อปรากฎว่าจำเลยยังอยู่ในระหว่างรอการลงอาญายังเรียกไม่ได้ว่าพ้นโทษมาแล้ว จึงเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตามมาตรา 32 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับแทนการจำคุก และผลกระทบต่อการรอการลงอาญา รวมถึงการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ
การที่ศาลวางโทษจำคุกจำเลยแต่ให้ยกโทษจำคุกเสียคงปรับสถานเดียวไม่เรียกว่าลงโทษจำคุกจำเลย ดังนี้ จึงยกโทษจำคุกที่เคยรอการลงอาญาไว้มาลงแก่จำเลยไม่ได้ และเมื่อปรากฏว่าจำเลยยังอยู่ในระหว่างรอการลงอาญายังเรียกไม่ได้ว่าพ้นโทษมาแล้ว จึงเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตามมาตรา72 ไม่ได้