พบผลลัพธ์ทั้งหมด 507 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการเพื่อเอื้อประโยชน์ในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน ศาลฎีกาแก้ไขโทษรวมเป็น 20 ปี
เอกสารใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 ของ ย. เป็นเอกสารซึ่ง ปลอมว่านายทะเบียนตำบลบ้านโฮ่งได้รับแจ้งย้ายออกของย. ว่าย้ายออกจากบ้านเลขที่ 190/7 หมู่ที่ 8 ในเขตอำเภอบ้านโฮ่ง ไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 4/8 ถนนประชาราษฎร์แขวงบางซื่อเท่านั้น มิได้มีข้อความที่เป็นการก่อให้เกิดสิทธิอย่างใดแก่ ย. ในตัวเอกสารนั้นใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนของ ย. ก็เป็นเพียงหลักฐานที่แสดงว่าเจ้าพนักงาน ได้รับคำขอของ ย. ไว้แล้วมิได้มีข้อความที่เป็นการก่อให้เกิดสิทธิอย่างใดแก่ ย.ในตัวเอกสารนั้นจึงถือไม่ได้ว่าเป็นเอกสารสิทธิ คงถือได้ว่าเป็นเอกสารราชการเท่านั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266,84. เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,84 ตามที่จำเลยที่ 2 ฎีกา ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่1 ผู้มิได้ฎีกาด้วยได้ เพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,84 รวม 31 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี แต่เนื่องจากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ที่แก้ไขใหม่ ได้บัญญัติในเรื่องรวมโทษทุกกระทงสำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3ปีแต่ไม่เกิน10 ปีไว้ให้จำคุกทั้งสิ้นได้ไม่เกิน 20ปี ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลย และความผิดของจำเลยต้องด้วยมาตรา 91(2) จึงให้รวมโทษทั้ง 31 กระทงเป็นจำคุกจำเลย 20 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1895/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจำคุกรวมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และอำนาจศาลฎีกาในการพิจารณาแม้จำเลยไม่ได้ฎีกา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้ฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 แก้ไขมาตรา 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องรวมโทษทุกกระทง ซึ่งตามมาตรา 91(3) ที่แก้ไขใหม่ได้บัญญัติไว้ว่า สำหรับความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปี ขึ้นไป เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วโทษจำคุกทั้งสิ้นต้องไม่เกิน 50 ปี และโดยที่ความผิดกระทงที่หนักที่สุดของจำเลยที่ 1 ที่ 2 คือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ซึ่งมีอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ประหารชีวิต กรณีจึงต้องด้วยมาตรา91(3) เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจะลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1ที่ 2 ได้ไม่เกิน 50 ปี ดังนั้น จึงต้องใช้กฎหมายใหม่ดังกล่าวซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะมิได้ฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาก็มีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษจำคุกและประหารชีวิตในคดีปล้นทรัพย์และกักขังเรียกค่าไถ่ โดยมีข้อจำกัดในการเพิ่มโทษ
เมื่อจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วย มาตรา 340ตรี แต่เนื่องจากตาม มาตรา 340วรรคท้าย มีโทษถึงประหารชีวิต จึงไม่อาจวางโทษให้หนักขึ้นอีกกึ่งหนึ่งตามมาตรา 340ตรี ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก้ไขโทษจำคุกตามกฎหมายใหม่ที่บัญญัติขึ้นภายหลังการกระทำความผิด
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทุกกรรมรวม 3 กระทง กระทงแรกประหารชีวิตอีก 2 กระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย 1 ใน 3 กระทงแรกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต อีก 2 กระทงลงโทษกระทงละ8 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี รวมจำคุกจำเลย 51 ปี 4 เดือน ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีการแก้ไขและบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ขึ้นใหม่อันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย โดยในกรณีคดีนี้เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกได้ไม่เกิน 50 ปี ศาลฎีกาแก้เป็นให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 50 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขกฎหมายระหว่างพิจารณาคดี และผลกระทบต่อการกำหนดโทษอาญา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทุกกรรมรวม 3 กระทงกระทงแรกประหารชีวิตอีก 2 กระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลย 1 ใน 3กระทงแรกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตอีก 2 กระทงลงโทษกระทงละ8 เดือนเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีรวมจำคุกจำเลย 51 ปี 4 เดือนระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มีการแก้ไขและบัญญัติประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ขึ้นใหม่อันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยโดยในกรณีคดีนี้เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกได้ไม่เกิน 50 ปีศาลฎีกาแก้เป็นให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 50 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทบัญญัติกฎหมายอาญาเกี่ยวกับโทษจำคุก และการพิจารณาโทษแก่จำเลยตามกฎหมายใหม่
เมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา มี พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ยกเลิกมาตรา 91 ให้ใช้ข้อความใหม่แทนว่า ให้ศาลลงโทษผู้กระทำ ความผิด ทุกกระทงความผิด แต่ต้องไม่เกิน 50 ปีสำหรับกรณี ความผิดกระทง ที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป เว้นแต่กรณี ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต อันเป็น กฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำ ความผิดที่ แตกต่างกับกฎหมาย ที่ใช้ในขณะกระทำความผิด และเป็น คุณแก่ จำเลยทุกคน ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วย เมื่อศาลล่างพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 51 ปี ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นให้ จำคุกคนละ 50 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3965/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบของกฎหมายใหม่ต่อโทษจำคุกเดิม กรณีความผิดหลายกระทง ศาลต้องใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
เมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ยกเลิกความใน ม. 91 และให้ใช้ข้อความใหม่แทนว่า ให้ศาลลงโทษทุกกรรม แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจะต้องไม่เกิน 50 ปี สำหรับกรณีความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปีขึ้นไป ถือได้ว่ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด แม้คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 ที่ 3 จะถึงที่สุดแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นกรณีที่โทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3(1) ต้องนำ มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยมาใช้ คดีนี้เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ 50 ปี 9 เดือน ศาลฎีกา พิพากษาแก้เป็นจำคุกเพียงคนละ 50 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขกฎหมายอาญาหลังกระทำผิดและผลกระทบต่อโทษจำคุก: กรณีจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นและมีอาวุธปืน
ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฐานมีและพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อลดโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกตลอดชีวิต จำคุก 8 เดือน และจำคุก 4 เดือนตามลำดับ เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุก 51 ปี แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ออกใช้บังคับ อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดและเป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิด ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด จึงลงโทษจำคุกจำเลย 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ที่แก้ไขใหม่หมายเหตุ โปรดดูฎีกาที่ 3703/2526 ซึ่งวินิจฉัยแตกต่างกับฎีกาฉบับนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2330/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษคดีจำเลยกระทำผิดซ้ำภายในห้าปี แม้ความผิดก่อนหน้าตามกฎหมายเดิม ศาลฎีกาชี้ว่าเพิ่มโทษได้ตามกฎหมายยาเสพติด
แม้ว่าโทษที่จำเลยได้รับครั้งก่อนจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติกัญชาพุทธศักราช 2477 แต่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 3 ได้บัญญัติให้ยกเลิกพระราชบัญญัติกัญชา พุทธศักราช 2477 ทั้งฉบับ โดยถือว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และผู้มีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม มาตรา 26,76ดังนั้น การที่จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตในคดีก่อนจึงต้องถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษด้วยเมื่อจำเลยกระทำความผิดฐานมีเฮโรอีนอันเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท1 ไว้ในครอบครองภายในกำหนดเวลาห้าปี นับแต่วันพ้นโทษคดีก่อน จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2175/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางปลอมและเป็นอันตราย ศาลฎีกายืนโทษจำคุกกรรมการบริษัท
กรรมการบริษัทซึ่งร่วมกันผลิตเพื่อขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ และเครื่องสำอางปลอม เป็นการเอาเปรียบในอาชีพการค้าและเป็นอันตรายแก่ผู้ใช้เครื่องสำอางที่บริษัทจำเลยผลิตขึ้น จึงไม่ควรรอการลงโทษจำคุกให้