พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาต้องอาศัยข้อเท็จจริงเดียวกันกับข้อหาทำร้ายร่างกาย หากศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาต้องถือตาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดฐานบุกรุกทำร้ายร่างกาย และฆ่าคน โดยเจตนา ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่สมบูรณ์ส่วนข้อหาฐานอื่นไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังศาลชั้นต้น พิพากษายืน โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายเรื่องการฟ้องในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ดังนี้ การจะลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายนี้ ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับข้อหาฐานทำร้ายร่างกายซึ่งศาลล่างวินิจฉัยไปแล้วนั่นเอง เพราะเกิดจากการกระทำคราวเดียวกัน เมื่อศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาก็ต้องถือตาม จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์จะสมบูรณ์ในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาต้องอาศัยข้อเท็จจริงเดียวกันกับข้อหาอื่น หากศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาต้องถือตาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดฐานบุกรุกทำร้ายร่างกาย และฆ่าคนโดยเจตนา ศาลชั้นต้นไม่เชื่อข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่สมบูรณ์ส่วนข้อหาฐานอื่นไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังศาลชั้นต้น พิพากษายืน โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายเรื่องการฟ้องในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ดังนี้การจะลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายนี้ ก็ต้องอาศัยข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับข้อหาฐานทำร้ายร่างกายซึ่งศาลล่างวินิจฉัยไปแล้วนั่นเอง เพราะเกิดจากการกระทำคราวเดียวกัน เมื่อศาลล่างไม่เชื่อว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาก็ต้องถือตาม จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์จะสมบูรณ์ในข้อหาฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย แม้ข้อเท็จจริงในการพิจารณาคดีแตกต่างจากที่ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จ. กับพวกฝ่ายหนึ่ง ย.กับพวกอีกฝ่ายหนึ่งต่างใช้ มีด ไม้ ครกแตก และกำลังกายวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ย. ถึงแก่ความตายโดย จ.ใช้มีดซุยแทงย. แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่า จ.ได้เข้าวิวาทต่อสู้กับจำเลยอื่นดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง แต่ฟ้องโจทก์กล่าวชัดแล้วว่า จ. ใช้มีดซุยแทงย.โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย ยังได้อ้าง กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249มาเป็นบทลงโทษด้วย ดังนี้ จะว่าทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องไม่ได้ จึงลงโทษจ. ตามมาตรา 249 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดจากการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้และเหตุผลของผู้ถูกกล่าวหา
โจทก์ฟ้อง ฉ.จำเลยฐานแจ้งความเท็จว่า โจทก์ยักยอกทรัพย์ของ ฉ. ศาลตัดสินยกฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องแก้เกี้ยวข้อหาของโจทก์ฟังไม่ได้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่า ฉ.จำเลยจงใจแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ดังนี้ เมื่อศาลได้ชี้ขาดใดคดีก่อนแล้วว่า ฉ.ไม่ได้แจ้งความเท็จในคดีนี้ ก็ต้องฟังว่า ฉ.ไม่ได้แจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด.
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดจากการแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ: ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากคดีก่อน และความน่าเชื่อถือของเหตุผลในการเบิกความ
โจทก์ฟ้อง ฉ.จำเลยฐานแจ้งความเท็จว่าโจทก์ยักยอกทรัพย์ของฉ. ศาลตัดสินยกฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องแก้เกี้ยวข้อหาของโจทก์ฟังไม่ได้ คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้หาว่า ฉ. จำเลยจงใจแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ดังนี้ เมื่อศาลได้ชี้ขาดในคดีก่อนแล้วว่า ฉ. ไม่ได้แจ้งความเท็จในคดีนี้ ก็ต้องฟังว่า ฉ. ไม่ได้แจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดในการที่จำเลยเบิกความ แต่ตามฟ้องไม่อาจทราบได้ว่าที่จำเลยเบิกความไปนั้นเป็นการเบิกความเท็จ หรือการเบิกความเช่นนั้นเป็นไปโดยเลินเล่อ เพราะถึงแม้จำเลยจะเบิกความไม่ถูกต้องกับความจริง ก็มีเหตุอันสมควรให้จำเลยเข้าใจผิดเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ ฉะนั้นฟ้องโจทก์จึงยังไม่เป็นฟ้องที่จะให้จำเลยต้องรับผิดฐานละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลมีอำนาจรับฟังพฤติการณ์ก่อน-หลังสัญญาปราณีประนอมยอมความเพื่อค้นหาความจริงได้ แม้จะไม่ได้ยกประเด็นไว้แต่แรก
ประเด็นมีว่า จำเลยได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกับโจทก์ตามที่โจทก์นำมาฟ้องหรือเปล่า การที่จะให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นประธานแห่งประเด็น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงแห่งพฤติการณ์ที่เป็นมาทั้งก่อนและภายหลังวันที่อ้างว่าได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความกันได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวแก่ประเด็นโดยตรง ฉะนั้นการที่ศาลวินิจฉัยว่าจะควรเชื่อหรือไม่เชื่อพฤติการณ์ต่าง ๆ ระหว่างโจทก์จำเลยตั้งแต่เริ่มมีข้อพิพาทอันอ้างว่าเป็นเหตุให้เกิดสัญญาปราณีประนอมยอมความและการติดต่อภายหลัง อันเป็นเหตุให้อ้างว่า สัญญาปราณีประนอมยอมความนั้นได้มีการให้สัตยาบัน จึงอยู่ในดุลยพินิจของศาลที่จะถึงทำได้ เพราะเป็นการค้นหาความจริงว่า สัญญาปราณีประนอมยอมความนั้น ได้มีขึ้นจริงหรือไม่นั่นเอง โจทก์จะจำกัดไม่ให้ศาลรับฟังข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับประเด็น เพื่อวินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็น หาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องเป็นเหตุให้ยกฟ้องคดีอาญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 12 พฤษภาคม 2491 เวลากลางคืน ตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 6 พยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยทำผิดเมื่อวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 เวลากลางคืนตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม 2491 เวลากลางคืนดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องจึงต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาที่ศาลยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงต่างจากฟ้อง ทำให้ฎีกาไม่รับ เพราะเป็นการพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ก็คือถือว่า ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องนั่นเอง เป็นการพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา ดังนี้ คดีโจทก์ต้องห้ามฎีกาต่อไป ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงต่างจากฟ้อง ทำให้ฎีกาไม่รับตามมาตรา 219
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยถือว่าทางพิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ก็คือถือว่า ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องนั่นเอง เป็นการพิพากษาโดยอาศัยข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดดังข้อหา ดังนี้ คดีโจทก์ต้องห้ามฎีกาต่อไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก: การอ้างมาตราผิดพลาด ศาลลงโทษได้ตามข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2481 (ฉะบับที่ 3) มาตรา 8 แต่ พ.ร.บ.ฉะบับนี้มีเพียง 5 มาตรา และมาตรา 4 เท่านั้นเป็นบทลงโทษ ฉะนั้นจึงเป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์คงจะขอให้ลงโทษตามมาตรา 4 แต่โจทก์อ้างผิดไป ตามมาตรา 192 วรรค 4 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษได้.