พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยฎีกาในประเด็นที่เคยยอมรับคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
จำเลยต่อสู้ตัดฟ้องว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ไม่มีอำนาจฟ้องศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อเท็จจริง
โจทก์ฎีกา จำเลยกล่าวในคำแก้อุทธรณ์ว่า ศาลพิพากษาชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ดังนี้ จำเลยจะยกข้ออายุความขึ้นเป็นข้อฎีกาไม่ได้
โจทก์ฎีกา จำเลยกล่าวในคำแก้อุทธรณ์ว่า ศาลพิพากษาชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ดังนี้ จำเลยจะยกข้ออายุความขึ้นเป็นข้อฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางเป็นโทษทางอาญา ไม่อุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
เมื่อศาลชั้นต้นปรับจำเลย 100 บาท กับให้ริบของกลางด้วย จำเลยอุทธรณ์ขออย่าริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ฉะเพาะให้คืนทรัพย์ของกลาง ดังนี้ โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงในเรื่องริบของกลางไม่ได้ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา ม. 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในประเด็นริบของกลาง: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เมื่อศาลชั้นต้นปรับจำเลย 100 บาทกับให้ริบของกลางด้วยจำเลยอุทธรณ์ขออย่าริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนทรัพย์ของกลางดังนี้โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงในเรื่องริบของกลางไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องระบุปัญหาข้อกฎหมายชัดเจน และต้องอุทธรณ์ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้นขาดสิทธิ
ปัญหาข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกานั้น ต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.
เมื่อศาลได้มีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว หากคำสั่งนั้นทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ทันที แต่ถ้าไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ก็อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่มีคำสั่ง ถ้าจะอุทธรณ์เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว ก็จะต้องโต้แย้งให้ศาลจดรายงานไว้ มิฉะนั้นคู่ความฝ่ายนั้นย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์,ฎีกา.
เมื่อศาลได้มีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว หากคำสั่งนั้นทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ทันที แต่ถ้าไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ก็อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่มีคำสั่ง ถ้าจะอุทธรณ์เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว ก็จะต้องโต้แย้งให้ศาลจดรายงานไว้ มิฉะนั้นคู่ความฝ่ายนั้นย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์,ฎีกา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องระบุประเด็นชัดเจน & คำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นต้องอุทธรณ์ตามกฎหมายกำหนด มิฉะนั้นหมดสิทธิ
ปัญหาข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกานั้น ต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกามิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อศาลได้มีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว หากคำสั่งนั้นทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ทันที แต่ถ้าไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องก็อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่มีคำสั่ง ถ้าจะอุทธรณ์เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว ก็จะต้องโต้แย้งให้ศาลจดรายงานไว้ มิฉะนั้นคู่ความฝ่ายนั้นย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา
เมื่อศาลได้มีคำสั่งชี้ขาดเบื้องต้นตามมาตรา 24 แล้ว หากคำสั่งนั้นทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง คู่ความย่อมอุทธรณ์ได้ทันที แต่ถ้าไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องก็อุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือนนับแต่มีคำสั่ง ถ้าจะอุทธรณ์เมื่อศาลพิพากษาคดีแล้ว ก็จะต้องโต้แย้งให้ศาลจดรายงานไว้ มิฉะนั้นคู่ความฝ่ายนั้นย่อมหมดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในข้อเท็จจริงขัดแย้งกับข้อพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกา
คดีศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแม้ฟังข้อเท็จจริงไม่ตรงกันก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยอาศัยข้อเท็จจริง
คดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแม้ฟังข้อเท็จจริงไม่ตรงกันก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีลักทรัพย์: การโต้แย้งข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา หากศาลชั้นต้นและอุทธรณ์วินิจฉัยตามข้อเท็จจริงแล้ว
การกระทำของจำเลยจะครบองค์เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยอาศัยข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยอาศัยข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องยึดข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น/อุทธรณ์ การฟ้องเรียกค่าเสียหายแยกจากค่าเช่า
คดีที่ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้วในสำนวน
ในกรณีที่โจทก์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยได้นั้น ย่อมไม่ตัดสิทธิ์โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย เมื่อปรากฎว่าจำเลยยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยปราศจากสิทธิ์อันชอบด้วยกฎหมาย
ในกรณีที่โจทก์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยได้นั้น ย่อมไม่ตัดสิทธิ์โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย เมื่อปรากฎว่าจำเลยยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยปราศจากสิทธิ์อันชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาจำกัดเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องยึดข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ การฟ้องเรียกค่าเสียหายแยกจากค่าเช่า
คดีที่ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาด ไว้แล้วในสำนวน
ในกรณีที่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยได้นั้นย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อปรากฏว่าจำเลยยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยปราศจากสิทธิอันชอบด้วยกฎหมาย
ในกรณีที่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยได้นั้นย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อปรากฏว่าจำเลยยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยปราศจากสิทธิอันชอบด้วยกฎหมาย