พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนำฟ้องและการเพิกถอนคำสั่งอนุญาตรับฟ้อง: ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ชอบที่จะรื้อฟื้นการพิจารณาเรื่องอำนาจผู้นำฟ้องหลังรับฟ้องไปแล้ว
ทนายโจทก์มอบฉันทะให้บุตรโจทก์ นำคำฟ้องมายื่นต่อศาล ศาลได้สั่งอนุญาตและรับฟ้องไว้จนกระทั่งคดีดำเนินมา ถึงศาลฎีกาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาในระหว่างดำเนินคดีตามประเด็น ศาลชั้นต้นไม่ชอบที่จะมีคำสั่งรื้อฟื้นอำนาจของผู้ นำฟ้องมายื่น ขึ้นพิจารณาอีก เพราะไม่มีประเด็นอันใดในทางพิจารณาหรือเป็นประโยชน์ในทางเป็นธรรมอย่างใด เลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมรู้ร่วมคิดวิ่งราวทรัพย์: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สมรู้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยสมคบกันวิ่งราวทรัพย์ผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 297, 63 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์ แก้ว่า จำเลยผิดเพียงฐานสมรู้ และแก้โทษเป็นจำคุก 2 ปี ดังนี้เป็นการแก้บทและแก้กำหนดโทษ จึงเป็นการแก้ มาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันวิ่งราวทรัพย์: การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดและบทลงโทษในชั้นอุทธรณ์และการยืนตามคำพิพากษาเดิมในชั้นฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยสมคบกันวิ่งราวทรัพย์ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 297,63 จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ว่า จำเลยผิดเพียงฐานสมรู้และแก้โทษเป็นจำคุก 2 ปี ดังนี้เป็นการแก้บทและแก้กำหนดโทษ จึงเป็นการแก้มาก คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาเป็นเจตนาได้หลังอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 และศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 251 และศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องก็ตาม โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีจำเลยหลบหนี: ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้พิจารณาใหม่เฉพาะคดีจำเลยผู้นั้น
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยคนหนึ่งหลบหนี แต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีเกี่ยวแก่จำเลยทุกคนตลอดจนจำเลยทีหลบหนีด้วยให้ปล่อยบางคน คงลงโทษบางคน โจทก์ฎีกา แม้จำเลยคนที่หลบหนีจะถูกศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษและมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาก็พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะคดีที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 43-44/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุเพลิงไหม้ทำให้คดีเช่าสิ้นสุด ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากไม่มีประโยชน์ในการพิจารณาต่อไป
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกเช่าของโจทก์ และเรียกค่าเสียหายศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยระหว่างจำเลยฎีกา ไฟไหม้ตึกเช่ารายพิพาทหมดสิ้น ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเท่าจำนวนค่าเช่าซึ่งจำเลยจำต้องใช้ให้โจทก์จนเกิดเพลิงไหม้ เมื่อตึกเช่าหมดสิ้นไปจำเลยก็ไม่จำต้องใช้ค่าเสียหายภายหลังจากเพลิงไหม้อีก ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะชี้ขาดคดีต่อไปศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา: ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 251 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริงดังนี้ โจทก์ยังมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริง ขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมาตรา 249 ได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.
อาญามาตรา 219.
อาญามาตรา 219.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยและการแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาให้สืบพยานจำเลยให้สิ้นกระแสความก่อน
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์และสืบตัวจำเลยที่อ้างตนเองเป็ยพยานแล้วสั่งงดสืบพยานจำเลย ที่จำเลยขอสืบต่อไปเสียแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ถ้าศาลอุทธรณ์จะลงโทษจำเลยตามฟ้อง ก็จำต้องให้สืบพยานจำเลยต่อไปเสียให้สิ้นกระแสร์ความก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้าและไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยยื่นคำแถลงว่าจำเลยยังไม่ได้ระบุพยานเพราะทนายได้ฝากหนังสือไปหาจำเลยให้มาระบุพยานก่อนกำหนด 3 วัน แต่ผู้ถือจดหมายได้ทำหนังสือหายเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงขอยื่นบัญชีระบุพยานในวันนั้น ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำขอเช่นนี้ ต้องทำเป็นคำร้องตามมาตรา 88 วรรค 3 เมื่อทำเป็นคำแถลงจึงไม่รับพิจารณา ให้ยกเสียแต่จำเลยก็หาได้ทำคำร้องขอยื่นบัญชีพยานให้ถูกต้องเสียก่อนสืนพยานโจทก์ไม่ จนศาลสืบพยานโจทก์ไปเสร็จสิ้นแล้ว ทนายจำเลยจึงมายื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยบานในภายหลัง เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่ทราบถึงพยานหลักฐานของจำเลยว่ามีอย่างไร ก่อนแต่สืบพยานฝ่ายตน เป็นการเสียเปรียบในทางคดี ดังนี้ พฤติการณ์และเหตุผลกรณีไม่เหตุผลสมควรจะให้รับการยื่นบัญชีพยาน และรับฟังพยานหลักฐานจำเลย อันฝ่าฝืนต่อ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 88 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธมีด: ศาลฎีกาพิพากษาเพิ่มโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา
จำเลยใช้มีดปลายแหลมทั้งตัวทั้งด้ามยาวราว 1 ศอก แทงเขาถูกที่หน้าท้องเหนือสดือแผลยาว 6 เซ็นติเมตร กว้าง 3 เซ็นติเมตร ลึกทะลุหลังด้านซ้ายเหนือสะเอว แผลยาว 4 เซ็นติเมตร กว้าง2 เซ็นติเมตร ไส้ไหล นับว่าเป็นแผลฉกรรจ์มากและต้องแทงโดยแรง แม้จะแทงเพียงทีเดียว ก็ย่อมแสดงอยู่ว่า จำเลยกระทำโดยมีเจตนาฆ่าให้ตาย ต้องด้วยมาตรา 249 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา