คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อเท็จจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 609/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์: ศาลฎีกาวินิจฉัยกลับข้อเท็จจริงเรื่องการครอบครองและกรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องว่าผู้ตายได้ยกที่พิพาทให้โจทก์ครอบครองปรปักษ์จนได้กรรมสิทธิ์แล้วจึงตาย จำเลยที่ 1 เป็นทายาทของผู้ตาย ได้ขอโอนรับมรดกที่พิพาท และโอนขายให้จำเลยที่ 2 โดยไม่สุจริต จึงขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท และถอนชื่อจำเลยที่ 2 ออกจากโฉนด
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงตามพยานโจทก์ พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีเต็มตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ไม่ได้ชี้ข้อเท็จจริงว่า โจทก์ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์หรือไม่แต่ชี้ในข้อที่ว่า โจทก์สืบไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 ซื้อไปโดยไม่สุจริตพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาในข้อที่ว่าสัญญาซื้อขายไม่สุจริตข้อเดียว
ศาลฎีกามีอำนาจชี้ขาดข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง หากศาลอาญาตัดสินว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ โจทก์จะเรียกร้องค่าเสียหายในคดีแพ่งไม่ได้
ในคดีอาญาฐานยักยอกที่โจทก์เรียกราคาทรัพย์มาด้วยนั้น ในการพิพากษาคดีเกี่ยวกับการเรียกทรัพย์คืน+เป็นส่วนแพ่งนั้น ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา +ศาลล่างฟังว่าทรัพย์ไม่ใช่ของโจทก์ ให้+ฟ้องแล้ว การที่โจทก์ฎีกาฉะเพาะส่วนแพ่ง+มา ก็ย่อมไม่มีทางชนะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาในการพิจารณาคดีเรียกทรัพย์
ในคดีอาญาฐานยักยอกที่โจทก์เรียกราคาทรัพย์มาด้วยนั้นในการพิพากษาคดีเกี่ยวกับการเรียกทรัพย์คืนอันเป็นส่วนแพ่งนั้น ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อศาลล่างฟังว่าทรัพย์ไม่ใช่ของโจทก์ให้ยกฟ้องแล้ว การที่โจทก์ฎีกาเฉพาะส่วนแพ่งขึ้นมา ก็ย่อมไม่มีทางชนะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากมิได้อ้างเหตุผลและข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 143
ฎีกาต้องรวมข้อเท็จจริงและเหตุผลตาม ป.วิอาญามาตรา 143 มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับพิจารณาฎีกานั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิโจทก์ฟ้องคดีอาญาของบุตรผู้ถูกทำร้ายถึงแก่ความตาย แม้มีสามีแล้ว และประเด็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีอาญา
บุตรผู้ถูกทำร้ายตายแม้จะมีสามีแล้ว ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาหรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในคดีที่ฟ้องผู้ที่ทำให้ตายได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3(2) และมาตรา 5(2) การที่ภรรยาผู้ถูกทำร้ายตายไม่ขอร่วมเป็นโจทก์กับอัยการ ไม่ทำให้สิทธิของบุตรผู้ตายดังกล่าวแล้วเสียไป
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงและใช้มีดแทงผู้ตายตายแต่ทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างเดียวนั้น ไม่เป็นเหตุพอจะให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ และคดีก็ต้องลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามชิงทรัพย์: การลงโทษตามฟ้องแม้ไม่ได้อ้างมาตราโดยตรง และการพิจารณาข้อแถลงการณ์เพิ่มเติม
จำเลยเข้าไปยกหีบบรรจุทรัพย์ซึ่งวางอยู่บนร้านที่เจ้าทรัพย์นอนต่อหน้าเจ้าทรัพย์ที่กำลังนั่งอยู่ที่ร้านนั้น พอคว้าหีบเจ้าทรัพย์ก็แย่งไว้ หีบจึงพลัดตกน้ำไป กลับใช้อาวุธทำร้ายเจ้าทรัพย์แล้วหนีไปแต่ตัว ดังนี้ เป็นผิดฐานพยามชิงทรัพยืเท่านั้น
โจทก์บรรยายฟ้องไว้ชัดเจนว่าจำเลยปล้นโดยทำให้เจ้าทรัพย์บาดเจ็บ ให้ลงโทษตามมาตรา 301, 296 ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยพยายามชิงทรัพย์ กระทำให้เจ้าทรัพย์บ่ดเจ็บ+มีอำนาจลงดทษจำเลยฐานพยามยามชิงทรัพย์ตามมาตรา 300,60 โดยอาศัยกฎหมายอาญามาตรา 192 วรรคท้ายได้
+แต่ศาลอุทธรณืไม่อนุญาติให้โจทก์แถลงการณ์ด้วยวาจาเท่านั้น ยังไม่เป็นการจำเป็นที่จะต้องให้ศาลอุทธรณ์ทำการพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523-525/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่เกิดเหตุต่างจากที่ฟ้อง ย่อมเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลย+ทำผิดสถานที่แห่งหนึ่ง พิจารณาได้ความว่าจำเลยทำผิดสถานที่อื่น + ตำบล อำเภอ และจังหวัดดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 523-525/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่กระทำผิดต่างจากฟ้อง ต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิด ณ สถานที่แห่งหนึ่งทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำผิด ณ สถานที่อื่นคนละตำบลอำเภอ และจังหวัดดังนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง ต้องพิพากษายกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุพยานไม่จำเป็นต้องส่งศาล หากศาลล่างพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นพ้องกัน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 241 มิได้เป็นบทบัญญัติบังคับให้จำต้องนำวัตถุพยานมาส่งศาลเสมอไปฉะนั้นเมื่อศาลล่างทั้ง 2 ได้พิจารณาพยานบุคคลประกอบด้วยพยานเอกสารแล้ว ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าของกลางเป็นฝิ่นแล้ว คู่ความจะฎีกาคัดค้านไม่ได้ ในเมื่อคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยข้อเท็จจริงขัดแย้งกันระหว่างคดีก่อนและคดีหลัง ศาลต้องสืบพยานเพิ่มเติมเพื่อหาความจริง
พยานโจทก์เบิกความถึงวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง แต่ว่าต่างกับวันฟ้องในคดีก่อนไปวันหนึ่งนั้น ดังนี้จะถือว่าวันเกิดเหตุจริงคือวันในฟ้องคดีก่อนยังไม่ได้ ถ้าฟ้องจริงและคดีมีหลักฐานพอแล้วต้องมีผิด.
+ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง+ว่า พยานโจทก์เบิกความต่างกันไม่น่าเชื่อนั้น ถือว่าศาลวินิจฉัยขาดข้อเท็จจริงแห่งคดี ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาล+เป็นการสืบพยานแล้วพิพากษา+ ถ้าศาลอุทธรณ์ประสงค์จะฟังพยานต่อไปจนสิ้นกระแสร์ความเสียก่อน ก็ควรให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้ส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์พิพากษา.
of 309