พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,082 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทางจำเป็น vs. ภาระจำยอม: ศาลพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหนังสืออนุญาตของสามี แม้มีคำขอภาระจำยอมแต่ไม่ได้บรรยายเหตุ
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นหญิงมีสามี ไม่อาจดำเนินคดีฟ้องร้องโดยลำพังตนเองได้เท่านั้น จำเลยไม่ได้คัดค้านว่า ไม่ได้รับอนุญาตจากสามี หรือหนังสืออนุญาตใช้ไม่ได้ เพราะเหตุใด เมื่อศาลพอใจในความสามารถของโจทก์ตามหนังสืออนุญาตของสามีโจทก์ที่ติดมาท้ายฟ้องแล้วเป็นอันฟังได้ว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องคดี ไม่จำต้องนำสืบอีก
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
โจทก์บรรยายฟ้องเรื่องทางจำเป็นและมีคำขอเรื่องภารจำยอมอยู่ท้ายฟ้อง แต่โจทก์มิได้บรรยายในฟ้องว่าเป็นทางภารจำยอมเพราะเหตุใด ย่อมต้องถือว่าโจทก์ฟ้องคดีในเรื่องทางจำเป็นอย่างเดียว
แม้เจ้าของที่ดิน ซึ่งตกอยู่ในที่ล้อมจะมีทั้งสิทธิที่จะผ่านที่ดินของผู้อื่นและหน้าที่ชดใช้ค่าทดแทนให้แก่เขาก็ดี มาตรา 1349 ไม่ได้บังคับให้ปฏิบัติหน้าที่เสียก่อนแล้วจึงใช้สิทธิได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลย ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิเรียกค่าทดแทนยังไม่เรียกร้องเอาค่าทดแทนขึ้นมาในคดีนี้ คดีก็ไม่มีประเด็นจะให้ศาลวินิจฉัยถึง (อ้างฎีกา 311/2489)
พิพาทกันเรื่องทางเดินวิวาทซึ่งรับกันว่าที่ดินของโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อม ที่ดินของจำเลยได้ล้อมอยู่ แม้โจทก์จะระบุเลขโฉนดผิด ก็ไม่เป็นการเสียหายแก่รูปคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็น ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นทางภารจำยอมศาลอุทธรณ์ฟังว่าเป็นทางภารจำยอมและทางจำเป็นพิพากษาให้เปิดทางจำเป็นคู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนที่ดินขายฝากเกิน 2,000 บาท: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอไถ่ที่นาซึ่งขายฝากแก่จำเลยไว้เป็นราคา 2,200 บาทจำเลยแก้ว่าตามสัญญาขายฝากเมื่อพ้นกำหนด 7 ปีให้ที่เป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลยโจทก์ได้ขอไถ่ถอนเมื่อพ้นกำหนดแล้ว จึงไม่มีอำนาจถอน ดังนี้ เป็นคดีพิพาทเรื่องการไถ่ถอนซึ่งกำหนดเป็นราคาเงินได้เกินกว่า 2,000 บาท ไม่เป็นคดีต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 31/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นพนันคล้ายหวย ก.ข. แม้พยานจะเข้าใจต่างกัน ข้อเท็จจริงต้องตรงตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันมีลักษณะคล้ายหวย ก.ข. โดยใช้ตัวเลขแทนพยัญชนะ การที่พยานบางคนให้การว่า การเล่นการพนันใช้ตัวเลขต่างตัวอักษร เป็นการเล่นหวย ก.ข.โดยตรงนั้น ก็เป็นแต่เพียงความเข้าใจของพยาน ข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่า ได้ใช้ตัวเลขเล่นหวย ก.ข. ตรงตามที่โจทก์ฟ้อง ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเล่นพนันคล้ายหวยก.ข. โดยใช้ตัวเลขแทนพยัญชนะ ถือเป็นข้อเท็จจริงตรงตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเล่นการพนันมีลักษณะคล้ายหวยก.ข.โดยใช้ตัวเลขแทนพยัญชนะ การที่พยานบางคนให้การว่า การ เล่นการพนันใช้ตัวเลขต่างตัวอักษร เป็นการเล่นหวยก.ข.โดยตรงนั้น ก็เป็นแต่เพียงความเข้าใจของพยานข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่า ได้ใช้ตัวเลขเล่นหวยก.ข. ตรงตามที่โจทก์ฟ้อง ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาของจำเลยที่ยื่นโดยทนายร่วมกัน โดยจำเลยบางส่วนไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และการไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยทั้งหมดได้แต่งตั้งให้ทนายคนเดียวกันเป็นทนายของจำเลยทุกคน ทนายจำเลยเป็นผู้ลงนามในฟ้องฎีกา ต้องถือว่าเป็นฟ้องฎีกาของจำเลย ผู้ที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วและได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดเท่านั้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นองค์แห่งความผิด ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกา มิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้ถูกต้องตรงไหน กลับเสนอข้อเท็จจริงที่ต่างนำสืบมาว่า จะควรฟังอย่างไร ดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2491 ยื่นฎีกาวันที่ 5 กรกฎาคม 2491 หาขาดอายุความไม่
ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิด ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นองค์แห่งความผิด ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกา มิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้ถูกต้องตรงไหน กลับเสนอข้อเท็จจริงที่ต่างนำสืบมาว่า จะควรฟังอย่างไร ดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2491 ยื่นฎีกาวันที่ 5 กรกฎาคม 2491 หาขาดอายุความไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาโดยทนายร่วม: การยื่นฎีกาของจำเลยบางส่วนมีผลผูกพันจำเลยอื่นหรือไม่ และศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
จำเลยทั้งหมดได้แต่งตั้งให้ทนายคนเดียวกันเป็นทนายของจำเลยทุกคนทนายจำเลยเป็นผู้ลงนามในฟ้องฎีกา ต้องถือว่าเป็นฟ้องฎีกาของจำเลยผู้ที่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วและได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดเท่านั้น
ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิดศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นองค์แห่งความผิด ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกามิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้ถูกต้องตรงไหนกลับเสนอข้อเท็จจริงที่ต่างนำสืบมาว่าจะควรฟังอย่างไรดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2491 ยื่นฎีกาวันที่ 5 กรกฎาคม 2491 หาขาดอายุความไม่
ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะฟ้องของโจทก์ไม่เป็นองค์แห่งความผิดศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์เป็นองค์แห่งความผิด ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกามิได้คัดค้านว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มิได้ถูกต้องตรงไหนกลับเสนอข้อเท็จจริงที่ต่างนำสืบมาว่าจะควรฟังอย่างไรดังนี้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลล่างยังไม่ได้วินิจฉัย
ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2491 ยื่นฎีกาวันที่ 5 กรกฎาคม 2491 หาขาดอายุความไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อ แม้จะอ้างว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน
ฎีกาต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อ ถ้ากล่าวแต่เพียงว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน ขอยื่นฎีกาสืบไปดังที่ได้บรรยายคัดค้านไว้ในฟ้องอุทธรณ์ เพียงเท่านี้ถือว่ามิได้ระบุข้อเท็จจริงแม้แต่โดยย่อ รับเป็นฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง: คดีข้อเท็จจริงไม่ใช่ข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยรื้อเรือนส่วนหนึ่งของโจทก์ไป ขอให้ลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์จำเลยรับว่ารื้อจริง แต่จำเลยปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างนั้นไว้เมื่อเลิกเช่าจึงรื้อไปตามที่ตกลงไว้ ดังนี้ เป็นการต่อสู้กรรมสิทธิว่าตนเป็นเจ้าของและมีสิทธิจะรื้อไป ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างให้ลงโทษปรับจำเลย โดยฟังว่าจำเลยไม่มีสิทธิรื้อแล้ว คู่ความจะฎีกาต่อไปไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 909/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้คดีอาญาถึงที่สุดแล้ว คดีแพ่งก็ยังต้องห้ามฎีกาหากข้อเท็จจริงเป็นอย่างเดียวกัน
ฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา แม้ข้อหาในทางอาญาได้ยุติแล้วโดยต้องห้ามฎีกา ก็ไม่เป็นเหตุให้ข้อหาในทางส่วนแพ่งซึ่งอาจฎีกาต่อไปอีกได้นั้น ต้องห้ามฎีกาด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับผิดต่อศาลแล้ว ไม่อาจฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงเดิมได้
คดีละเมิดอำนาจศาลตามวิ.แพ่ง มาตรา 32 - 33 เป็นคดีมีอัตราโทษไม่ถึงจำคุก 10 ปี เมื่อจำเลยรับสารภาพ ศาลย่อมฟังข้อเท็จจริงตามนั้นและพิพากษาได้ทีเดียวตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 176 ในกรณีเช่นนี้ ผู้ถูกลงโทษจะอุทธรณ์ฎีกาขอให้ศาลรื้อฟื้นข้อเท็จจริงของตนขึ้นพิจารณาใหม่ไม่ได้