พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,884 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงอาญาเมื่อจำเลยเคยต้องคำพิพากษามาก่อน
จำเลยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ++สองสำนวน ศาลอ่านคำพิพากษาในวันเดียวกัน ศาล+++การลงอาญาจำเลยใน+++++++ไว้มิได้ อ้างฎีกาที่ 956 - 957/2473 ที่ 551/2475
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษจำเลยตาม ม.59 และขอบเขตการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยตาม ม. 249 , 55 มีกำหนด 10 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลดโทษจำเลยลงอีกกึ่งหนึ่งตาม ม. 59 คงเหลือ 5 ปี เป็นการแก้น้อยโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานยาเสพติดต้องชัดเจน การตรวจทางวิทยาศาสตร์ต้องเปิดโอกาสให้จำเลยตรวจสอบ
++++
++++ที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อผู้พิพากษาซึ่งนั่ง+++ในศาลชั้นต้นรับอนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ดังนี้ ศาลฎีกา++พิจารณาต่อไปได้+++โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยมี+++ฝิ่นซึ่งมีมอร์ฟินผสมอยุ่ด้วย ในชั้นพิจารณาโจทก์อ้างผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้ตรวจแยกธาตุยารายนี้เบิกความว่ามีมอร์ฟินจริง แต่โจทก์มิได้นำยาที่ได้แยกธาตุแล้วมาเป็นพะยานที่ศาลและ++++ให้จำเลยตรวจดูด้วย++++ยาที่มีได้ตรวจแยก++++เป็นพะยานเท่านั้น++ลงโทษจำเลยมิได้++ที่โจทก์จะให้ผู้ชำนาญตรวจแยกธาตุของกลางจำเลยควรมีโอกาศส่งผู้ชำนาญฝ่ายตนไปตรวจการ++ด้วย
++++ที่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อผู้พิพากษาซึ่งนั่ง+++ในศาลชั้นต้นรับอนุญาตให้ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ดังนี้ ศาลฎีกา++พิจารณาต่อไปได้+++โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยมี+++ฝิ่นซึ่งมีมอร์ฟินผสมอยุ่ด้วย ในชั้นพิจารณาโจทก์อ้างผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้ตรวจแยกธาตุยารายนี้เบิกความว่ามีมอร์ฟินจริง แต่โจทก์มิได้นำยาที่ได้แยกธาตุแล้วมาเป็นพะยานที่ศาลและ++++ให้จำเลยตรวจดูด้วย++++ยาที่มีได้ตรวจแยก++++เป็นพะยานเท่านั้น++ลงโทษจำเลยมิได้++ที่โจทก์จะให้ผู้ชำนาญตรวจแยกธาตุของกลางจำเลยควรมีโอกาศส่งผู้ชำนาญฝ่ายตนไปตรวจการ++ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้คำให้การของจำเลยยันจำเลยอื่นมิได้ และการพิสูจน์ความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารต้องมีพยานหลักฐานอื่นนอกเหนือจากคำเบิกความ
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาได้แต่ข้อกฎหมายพะยานศาลจะฟังคำให้การของจำเลยผู้หนึ่งมาใช้ยันจำเลยด้วยกันเองมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนหลังฟ้องคดี: จำเลยมีสิทธิไม่ตอบคำถาม
เมื่อฟ้องคดีต่อศาลแล้วเจ้าพนักงานก็ไม่มีสิทธิทำการสอบสวนเกี่ยวแก่จำเลยในคดีนั้น ผู้ที่ถูกสอบสวนในฐานะเป็นจำเลย ไม่ยอมตอบคำถามของเจ้าพนักงานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีจากสารบบเนื่องจากไม่สามารถส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยได้
ในคดีที่โจทก์ฎีกา แต่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยมิได้ศาลฎีกาจำหน่ายคดีจากสารบบและส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบของจำเลยตาม พ.ร.บ.ศุลกากร: ขอบเขตและข้อจำกัดในการบังคับใช้
หน้าที่นำสืบจะตกอยู่แก่จำเลยตาม ม.100 แห่ง พ.ร.บ.ข้างต้นจะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยผู้ลอบลักหนี้ภาษีขาเข้าและขาออกหรือเป็นผู้สมรู้ในการนี้+เท่านั้นผู้รับซื้อของไว้จากพ่อค้าโดยเปิดเผยถึงแม้ของนั้นจะยังไม่เสียภาษีก็ตามก็หาตกอยู่ในบังคับมาตราข้างต้นนั้นไม่ ซื้อของไว้โดยชื่อไม่ทราบว่าเป็นของยังไม่ได้เสียภาษีไม่มีผิดตาม ม.27 + การที่จะริบของตามม.34 ต้องปรากฎว่าเป็นของที่ได้หลีกเลี่ยงไม่เสียภาษีหรือเป็นของต้องห้ามอย่างใด เมื่อโจทก์สืบไม่สมจะริบของนั้นมิได้ อุทธรณ์ฎีกา โจทก์ยื่นฎีกาครั้งแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะฎีกาโจทก์ไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยแจ้งชัด+โจทก์จึงไปทำฎีกามายื่น+ภายในอายุความเช่นนี้ศาลรับไว้พิจารณาได้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิด พ.ร.บ.ศุลกากร และ+ ม.100 มาด้วย ศาลชั้นต้นเชื่อฟังพะยานโจทก์ ศาลอุทธรณ์ไม่ชื่อโจทก์จึงฎีกาว่าเป็นหน้าที่ของจำเลยต้องพิศูจน์ไม่เรียกว่าเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ร้องอ้างอิงมาแต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาในคดีอาญา: จำเลยฎีกาก่อนศาลประทับฟ้องไม่ได้ และการรับรองฎีกาต้องตามกฎหมาย
ในคดีอาญาที่ราษฏรเป็นโจทก์ก่อนที่ศาลจะประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งของศาลอย่างไรหาได้ไม่
ผู้พิพากษาจะรับรองให้ฏีกาได้แต่ฉะเพาะตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.221 นอกจากนี้ไม่มีอำนาจรับรอง
พระธรรมนูญศาลยุตติธรรมพ.ศ.2477 ม.16
กฏกระทรวงยุตติธรรมออกตามความใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีบางประเภทชั่วคราว พ.ศ.2478 ข้อ 2
คดีที่คนในบังคับอังกฤษเชื้อสายชาวเอเชียเป็นโจทก์ฟ้องความภายหลังวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2478 ขึ้นศาลสยามธรรมดา
ผู้พิพากษาจะรับรองให้ฏีกาได้แต่ฉะเพาะตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.221 นอกจากนี้ไม่มีอำนาจรับรอง
พระธรรมนูญศาลยุตติธรรมพ.ศ.2477 ม.16
กฏกระทรวงยุตติธรรมออกตามความใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีบางประเภทชั่วคราว พ.ศ.2478 ข้อ 2
คดีที่คนในบังคับอังกฤษเชื้อสายชาวเอเชียเป็นโจทก์ฟ้องความภายหลังวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2478 ขึ้นศาลสยามธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในความผิดต่างกรรมต่างวาระ ศาลมีอำนาจเรียงกะทงได้
ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยเรียงกะทงความผิดได้ในเมื่อปรากฎว่าจำเลยกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน ประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.218 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตามม.243 +-276-299 ให้จำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้จำคุกตาม ม.297 -276 มีกำหนด 2 ปีดังนี้เป็นแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ข้อที่มิได้ยกขึ้นในศาลชั้นต้น และสิทธิในการอุทธรณ์แทนจำเลย
ข้อที่มิได้กล่าวอ้างกันมาแต่ในชั้นศาลล่าง ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ลงโทษจำเลยไปทีเดียงโดยไม่เชื่อตามคำร้องขอของทนายจำเลยที่ขอให้ศาลส่งตัวจำเลยไปให้แพทย์ตรวจก่อนโดยกล่าวว่าเป็นบุคคลวิกลจริตนั้น เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ บุตรของจำเลยหามีสิทธิอุทธรณ์ขึ้นหาแทนจำเลยได้ไม่