พบผลลัพธ์ทั้งหมด 354 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2013/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเจ้าพนักงานต่อ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว: หน้าที่ vs. การกระทำผิด
คำว่า "การกระทำผิดของเจ้าพนักงานอื่นใด" ตาม พ.ร.บ. สำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 ม.15 (1) นั้นจะต้องเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติการในหน้าที่ แต่ปรากฎในคดีนี้ว่าจำเลยเป็นเพียงเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่แต่เฉพาะขับรถยนต์ของทางราชการเท่านั้นการที่จำเลยสมคบกับพวกขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายทางทะเลและพยายามนำออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงมิใช่เป็นการกระทำที่เกี่ยวกับการปฏิบัติการหรือละเว้นไม่ปฏิบัติการในหน้าที่ของจำเลยแต่ประการใด ความผิดของจำเลยจึงไม่ต้องด้วย ม.15 (1) แห่ง พ.ร.บ. สำรวจและห้ามกักกันข้าวที่แก้ไขดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถมบัตรลอตเตอรี่พร้อมยา ถือเป็นการพนันและการเสี่ยงโชค
เมื่อในรายงานปรากฏว่าจำเลยแถลงถึงการกระทำของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง (ซึ่งในฟ้องก็กล่าวถึงวันที่หาว่ากระทำผิด) และว่าในวันเกิดเหตุจำเลยได้นำยาธาตุห้าของจำเลยไปโฆษณาขายด้วยแม้จะไม่ได้กล่าวให้ชัดว่าในวันนั้นได้มีการแถมบัตรสมณาคุณในการขายยาก็ดี แต่เป็นที่เข้าใจกันดีอยู่แล้วในข้อนี้ระหว่างโจทก์จำเลยตลอดจนศาลชั้นต้นผู้พิจารณาว่าคงเหลือปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายตามที่จำเลยต่อสู้เท่านั้น ดังนี้ตามคำให้การและคำแถลงของจำเลยตามรายงานดังกล่าว ย่อมหมายถึงว่าในวันโจทก์หาจำเลยได้กระทำการตามที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง
การที่จำเลยจัดให้มีการแถมบัตรสมณาคุณแก่ผู้ที่ซื้อยาของจำเลยกล่าวคือแจกบัตรดังกล่าวแก่ผู้ซื้อยาธาตุห้าของจำเลย 1 บัตร ยาธาตุ 1 ขวด หากเลขสลากในบัตรนั้นตรงกับเลขสลากลอตเตอรี่ที่ออกผู้ซื้อมีสิทธิได้รับเงิน 1 ใน 20 ส่วนของรางวัลลอตเตอรี่นั้นๆ ดังนี้ถือว่าเป็นการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชคเพราะในบัตรมีหมายเลขสลากตรงกับเลขสลากลอตเตอรี่ของรัฐบาล ซึ่งอาจจะถูกรางวัลได้รับเงินตามที่ปรากฏในหลังบัตรนั้นได้ ทำให้ผู้ซื้อยาจากจำเลยมีหวังในการเสี่ยงโชคจำเลยจะขายยานั้นโดยราคาปกติในท้องตลาดหรือไม่ไม่สำคัญ ประกอบกับการกระทำของจำเลยเป็นการประกอบกิจการค้าหรืออาชีพดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตก็มีความผิดตาม พระราชบัญญัติการพนัน
การที่จำเลยจัดให้มีการแถมบัตรสมณาคุณแก่ผู้ที่ซื้อยาของจำเลยกล่าวคือแจกบัตรดังกล่าวแก่ผู้ซื้อยาธาตุห้าของจำเลย 1 บัตร ยาธาตุ 1 ขวด หากเลขสลากในบัตรนั้นตรงกับเลขสลากลอตเตอรี่ที่ออกผู้ซื้อมีสิทธิได้รับเงิน 1 ใน 20 ส่วนของรางวัลลอตเตอรี่นั้นๆ ดังนี้ถือว่าเป็นการแถมพกหรือรางวัลด้วยการเสี่ยงโชคเพราะในบัตรมีหมายเลขสลากตรงกับเลขสลากลอตเตอรี่ของรัฐบาล ซึ่งอาจจะถูกรางวัลได้รับเงินตามที่ปรากฏในหลังบัตรนั้นได้ ทำให้ผู้ซื้อยาจากจำเลยมีหวังในการเสี่ยงโชคจำเลยจะขายยานั้นโดยราคาปกติในท้องตลาดหรือไม่ไม่สำคัญ ประกอบกับการกระทำของจำเลยเป็นการประกอบกิจการค้าหรืออาชีพดังนี้เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตก็มีความผิดตาม พระราชบัญญัติการพนัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้พยานแวดล้อมพิสูจน์เจตนาฆ่า แม้ไม่มีพยานรู้เห็นโดยตรง
ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวงอย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น
โจทก์มีพยานแวดล้อมว่า "ก่อนเกิดเหตุครึ่งเดือนผู้ตายชกนายใบจำเลยเรื่องแย่งวิดปลาที่นาพ่อตาซึ่งผู้ตายเคยวิดมาทุกปีและในวันเกิดเหตุเวลาเย็นจำเลยทั้งสามถืออาวุธมาชวนผู้ตายไปดูข้าวที่นาซึ่งนายใบจำเลยเช่าพ่อตาผู้ตายทำ ผู้ตายได้ไปกับจำเลยทั้ง 3 โดยไม่มีอาวุธ ประมาณหุงข้าวสุกผู้ตายก็ถูกทำร้ายถึงตายที่นาพ่อตาทั้งนายจันนายวันจำเลยก็รับว่าได้ทำร้ายผู้ตายตายจริงอ้างว่าผู้ตายเข้าไปลักข้าวในนาและต่อสู้กัน แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามมีบาดเจ็บเลย ส่วนบาดแผลของผู้ตายมีถึง 6 แห่ง ถูกทำร้ายด้วยของแข็งและมีคม หลักฐานพยานโจทก์แวดล้อมกรณีเหล่านี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ดังนี้แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยทั้งสามเป็นคนฆ่าผู้ตายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยได้
โจทก์มีพยานแวดล้อมว่า "ก่อนเกิดเหตุครึ่งเดือนผู้ตายชกนายใบจำเลยเรื่องแย่งวิดปลาที่นาพ่อตาซึ่งผู้ตายเคยวิดมาทุกปีและในวันเกิดเหตุเวลาเย็นจำเลยทั้งสามถืออาวุธมาชวนผู้ตายไปดูข้าวที่นาซึ่งนายใบจำเลยเช่าพ่อตาผู้ตายทำ ผู้ตายได้ไปกับจำเลยทั้ง 3 โดยไม่มีอาวุธ ประมาณหุงข้าวสุกผู้ตายก็ถูกทำร้ายถึงตายที่นาพ่อตาทั้งนายจันนายวันจำเลยก็รับว่าได้ทำร้ายผู้ตายตายจริงอ้างว่าผู้ตายเข้าไปลักข้าวในนาและต่อสู้กัน แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามมีบาดเจ็บเลย ส่วนบาดแผลของผู้ตายมีถึง 6 แห่ง ถูกทำร้ายด้วยของแข็งและมีคม หลักฐานพยานโจทก์แวดล้อมกรณีเหล่านี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยสมคบกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ดังนี้แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยทั้งสามเป็นคนฆ่าผู้ตายก็ตาม ก็ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดทางอาญาฐานรับของโจร กรณีได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด
ในคดีเรื่องใช้ราคาทรัพย์ (ราคากระบือ) ในความผิดฐานรับของโจรนั้น เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยไม่ได้สมคบในการได้กระบือนั้นมา เป็นแต่ได้รับส่วนแบ่งเนื้อกระบือบางส่วนเมื่อตายแล้ว และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับไปเท่าใดเป็นราคาเท่าใด ดังนี้จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ราคากระบือทั้งหมดจะแบ่งให้จำเลยใช้ตามส่วนเนื้อกระบือที่ได้รับไปก็ไม่ได้เพราะคำนวนไม่ได้ว่าเป็นจำนวนและราคาเท่าใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836-837/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม - ขาดรายละเอียดการกระทำผิด ทำให้จำเลยไม่สามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ และการครอบครองที่ดินตามใบเหยียบย่ำ
ฟ้องกล่าวว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โดยได้รับใบเหยียบย่ำมา ได้แผ้วถางแล้ว 9-10 ไร่ จำเลยเข้ามาขัดขวางแย่งชิงว่าเป็นของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ห้ามมิได้กล่าวอ้างว่าจำเลยแย่งชิง เข้าทำหรือกระทำการขัดขวางโดยมิชอบด้วยกฎหมายประการใดอีกทั้งวันเดือนปีที่จำเลยขัดขวางก็มิได้ปรากฏ ไม่มีทางที่จำเลยจะรู้ได้ว่าตนถูกกล่าวหาด้วยกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างไรและเหตุเกิดเมื่อใด ยากที่จะแก้ข้อหาของโจทก์ได้ถูกต้อง ฟ้องเช่นนี้ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา172 เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เพียงแต่ปลูกต้นสาคูลงในลำห้วย ยังไม่เป็นการครอบครองที่ป่าตามใบเหยียบย่ำ จะฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกไม่ได้ แต่เรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นสาคูได้
เพียงแต่ปลูกต้นสาคูลงในลำห้วย ยังไม่เป็นการครอบครองที่ป่าตามใบเหยียบย่ำ จะฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกไม่ได้ แต่เรียกค่าเสียหายที่ตัดต้นสาคูได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 412/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากใช้อาวุธปืน: หลักสันนิษฐานและข้อยกเว้น
การใช้อาวุธปืนยิงคนนั้นธรรมดาย่อมสันนิษฐานว่าผู้ยิงมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ยิงไม่มีเจตนาจะฆ่าจะต้องมีเหตุผลแสดงให้ประจักษ์ว่า ปืนนั้นไม่ดีพอที่จะทำให้ประจักษ์ว่า ปืนนั้นไม่ดีพอที่จะทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถลงเท็จต่อศาลและเติมข้อความในคำฟ้องหลังศาลสั่งไม่รับฟ้อง ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล
ฟ้องเดิมระบุมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยเพียงมาตรา 314 ครั้น ศาลตรวจฟ้องมีคำสั่งให้ยกฟ้องเสียโจทก์อุทธรณ์ และได้มีการบังอาจเดิมมาตรา 304 ลงในคำขอท้ายฟ้องในสำนวนที่อยู่ในความดูแลรักษาของศาล ศาลเรียกทนายโ่จทก์และผู้เขียนฟ้อง เดิมมาสอบถาม คนทั้ง 2 ยังยืนยันแถลงเท็จต่อศาลว่ามีมาตรา 304 ในฟ้องเดิมก่อนแล้ว โดยไม่มีความเคราพยำเกรง-ศาล ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการศาล ดังนี้ ต้องถือว่าได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลได้แล้ว แม้ไม่ได้กระทำลงตอ่หน้าศาล ก็เป็นความผิดฐานละเมิดอำนวจศาลได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบไม้สักแปรรูปที่ครอบครองเกินกำหนด โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงที่มาของไม้ในฟ้อง
การมีไม้สักแปรรูปไว้ในครอบครองจำนวนเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ไม้สักของกลางจึงเป็นไม้ที่มีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จึงต้องริบตามมาตรา 74 และโจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่จำเลยมีไว้หรือได้มาเนื่องจากการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้(อ้างฎีกาที่ 283/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอาญา: การระบุรายละเอียดการกระทำผิดและเจตนาของผู้ต้องหา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอก โดยระบุวันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์จากเจ้าทุกข์ เพื่อนำไปขาย ถ้าขายได้หรือขายไม่ได้ ก็จะนำทรัพย์เหล่านั้นและเงินค่าขายมาส่งคืนภายใน 10 วัน ได้ระบุวันที่จะคืนด้วย แล้วบรรยายต่อไปว่า จำเลยได้รับทรัพย์ไปแล้วไม่นำมาส่งให้เจ้าทุกข์ตามกำหนด จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริต ยักยอกเอาทรัพย์ดังกล่าวไว้ เจ้าทุกข์ทราบเหตุการณ์ในวันครบกำหนด จึงได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวไปนั้นดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลา ฯลฯ พอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง: ยางรถยนต์เป็นเครื่องหุ้มห่อฝิ่น
เอาฝิ่นเถื่อนซุกซ่อนมาในยางรถยนต์ แล้วขับรถยนต์มา ถูกเจ้าพนักงานจับและค้นฝิ่นได้ดังนี้ เป็นที่เห็นได้ชัดว่ายางนอกยางในและวงล้อเป็นเครื่องหุ้มห่อฝิ่นที่ซุกซ่อนมาจึงพึงถือว่าเป็นของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด ควรต้องริบทั้งยางในยางนอกและวงล้อด้วย