พบผลลัพธ์ทั้งหมด 635 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีขับไล่ผู้เช่า: การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามในคดีค่าเช่าต่ำกว่า 2,000 บาท และการวินิจฉัยข้อกฎหมายชอบด้วยเหตุผล
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้
จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่าและไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้
จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่าและไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีขับไล่ผู้เช่า: อุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้าม-ศาลวินิจฉัยชอบแล้ว
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าใน ขณะที่ยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท จำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือมิได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์ และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้
จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่า และไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่มีข้อตกลงให้โจทก์ไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1ทราบคำบอกกล่าวของโจทก์ที่ไม่ประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์แล้ว การที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า มีสัญญาต่างตอบแทนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เพราะโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์มีกำหนด 12 ปี โดยจำเลยที่ 1 ยกบ้านให้แก่โจทก์ และจำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกจากที่ดินของโจทก์ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้จึงเป็นการไม่ชอบ และจำเลยที่ 1 จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันอีกไม่ได้
จำเลยที่ 1 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยไม่มีหลักฐานการเช่า และไม่มีสิทธิใด ๆ เหนือที่ดินพิพาท โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 1 ออกไปจากที่พิพาทแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่จากละเมิด ไม่ใช่บังคับตามสัญญาเช่า
การที่โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่พิพาทเป็นของ ข. มารดาโจทก์จำเลยเช่าที่พิพาทจาก ข. โดยไม่มีสัญญาเช่าต่อกัน ข. ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไปจึงบอกเลิกการเช่า จำเลยไม่ยอมออกจากที่พิพาท ต่อมา ข. ยกที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทอีก จำเลยก็ยังไม่ยอมออกไปนั้น ถือได้ว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้บังคับตามสัญญาเช่าอันจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่จากละเมิด: แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นหนังสือ ก็มีอำนาจฟ้องได้
การที่โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่พิพาทเป็นของ ข. มารดาโจทก์ จำเลยเช่าที่พิพาทจาก ข. โดยไม่มีสัญญาเช่าต่อกัน ข. ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไปจึงบอกเลิกการเช่าจำเลยไม่ยอมออกจากที่พิพาท ต่อมา ข. ยกที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทอีก จำเลยก็ยังไม่ยอมออกไปนั้น ถือได้ว่าจำเลยอยู่ในที่พิพาทโดยละเมิด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ หาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้บังคับตามสัญญาเช่าอันจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302-1303/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิโจทก์ในการบอกเลิกสัญญาเช่าแผงค้าและการฟ้องขับไล่ แม้จำเลยอ้างความสำคัญผิดหรือถูกข่มขู่
จำเลยเช่าแผงการค้าพิพาทจากโจทก์โดยไม่มีกำหนดเวลา แม้จำเลยจะมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์ก็ดี จำเลยลงชื่อยินยอมออกจากแผงพิพาทโดยความสำคัญผิดก็ดี ก็ไม่เป็นเหตุที่จะตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยโจทก์ มีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมายที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากแผงพิพาทที่เช่า โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งขับไล่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องมีคำพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
เมื่อศาลมิได้พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาทได้ ไม่ว่าที่พิพาทจะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์หรือไม่ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากสิ้นสภาพเมื่อเรือนถูกรื้อถอน การฟ้องขับไล่เรือนหลังใหม่จึงไม่ชอบ
จำเลยขายฝากเรือนเลขที่ 126 ขนาดกว้าง 8 ศอก ยาว 3วาให้โจทก์ ต่อมาระหว่างอายุสัญญาจำเลยรื้อเรือนดังกล่าวแล้วสร้างขึ้นใหม่กว้าง 3 วา ยาว 4 วาโดยใช้ไม้ของเรือนหลังเดิมบางส่วน และใช้บ้านเลขที่ 126 ตามเดิมดังนี้ถือได้ว่าเรือนหลังเดิมซึ่งตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามสัญญาขายฝากและเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้สิ้นสภาพไปแล้วเรือนหลังใหม่คือเรือนพิพาทย่อมไม่ตกอยู่ในบังคับของสัญญาขายฝากโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาท ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนพิพาท คงมีอำนาจที่จะว่ากล่าวแก่จำเลยในกรณีที่จำเลยรื้อเรือนหลังเดิมอันเป็นวัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาขายฝากเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวให้รื้อถอนและขับไล่ผู้บุกรุกที่ดิน และประเด็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเดิม
จำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายอันจะอ้างได้โจทก์มีอำนาจที่จะบอกกล่าวให้ออกไปได้ทันที จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ต้องปฏิบัติตาม ป.พ.พ. ม.560 โดยถือว่าเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้อาศัยอยู่ในที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งขอให้ขับไล่เช่นเดียวกันดังนี้ เมื่อเป็นการขับไล่ออกจากที่ดินคนละแปลงฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จะฟ้องแย้งมาในคำให้การไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้อาศัยอยู่ในที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งขอให้ขับไล่เช่นเดียวกันดังนี้ เมื่อเป็นการขับไล่ออกจากที่ดินคนละแปลงฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จะฟ้องแย้งมาในคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3334/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น
คดีฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเรือนที่จำเลยเข้าไปปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยละเมิด ซึ่งเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ปรากฏว่าขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้เกินเดือนละ 5,000บาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3139/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่าและการมีอำนาจฟ้องขับไล่: สัญญาเช่าตกทอดไปยังผู้รับโอนสิทธิ
ห้องพิพาทเป็นของโจทก์โดยรับโอนมาจากมารดาซึ่งจำเลยเช่าห้องพิพาทอยู่ก่อน การเช่าตกทอดมายังโจทก์เท่ากับโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย เมื่อครบสัญญาเช่าแล้วโจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
ในการชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเรื่องอายุความละเมิดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้าน จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องอายุความละเมิด แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยมาก็เป็นการนอกประเด็นข้อพิพาท
ในการชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเรื่องอายุความละเมิดเป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ และจำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้าน จึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทเรื่องอายุความละเมิด แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยมาก็เป็นการนอกประเด็นข้อพิพาท