คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข่มขืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 436 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานสนับสนุนข่มขืนฯ และการพิพากษาลงโทษนอกเหนือคำฟ้อง
ผู้เสียหายกับเพื่อนนั่งรอเรืออยู่ที่ท่าน้ำ จำเลยกับ ส. เข้ามาทักทายผู้เสียหายแล้วจำเลยอุ้มผู้เสียหายไป ส. พูดขู่ห้ามไม่ให้เพื่อนผู้เสียหายช่วยแล้ววิ่งตามจำเลยไป จำเลยอุ้มผู้เสียหายไปประมาณ 10 วาก็วางผู้เสียหายลงแล้วกลับบ้านโดยไม่ได้เข้าเกี่ยวข้องอีก ส่วน ส.ฉุดผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการร่วมกับ ส. พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร และเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา การที่จำเลยวางผู้เสียหายแล้วกลับบ้าน มิใช่เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้เสียหายต่อไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82
การกระทำของจำเลยและ ส. ดังกล่าว เป็นการกระทำด้วยความอุกอาจไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ไม่มีเหตุสมควรจะรอการลงโทษให้และแม้ จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนแต่ในชั้นศาลจำเลยให้การปฏิเสธ คดีรับฟังลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคำรับสารภาพชั้นสอบสวน จึงไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้จำเลย
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้หลังจากที่ได้ข่มขืนกระทำชำเราแล้ว เมื่อฟังได้ดังกล่าวข้างต้นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยไม่จำต้องมีการหน่วงเหนี่ยวกักขัง ณ ที่ใดอีก จึงเป็นการลงโทษจำเลยนอกเหนือไปจากคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 และปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม มาตรา 185

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3347/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร ข่มขืน และหน่วงเหนี่ยวกักขัง จำเลยที่ 3 สนับสนุนความผิด
พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ข่มขืนกระทำชำเราแล้วหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เป็นความผิด 3 กระทง
จำเลยที่ 1 นัดหมายจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไว้จำเลยที่ 3 ออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางกับจำเลยที่ 2 ตามหลังจำเลยที่ 1 ซึ่งกลับจากปัสสาวะ และจำเลยที่ 3 ก็ตรงไปเอารถจักรยานอันเป็นพาหนะของจำเลยที่ 1 และผู้เสียหายไป แล้วจำเลยที่ 1 กับที่ 2 ก็เข้าใช้กำลังประทุษร้ายพรากผู้เสียหายไป เช่นนี้ เป็นการให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำความผิด จำเลยที่ 3 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 318

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3347/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร ข่มขืน กระทำชำเรา และหน่วงเหนี่ยวกักขัง จำเลยที่ 3 สนับสนุนความผิด
พรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ข่มขืนกระทำชำเราแล้วหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้เป็นความผิด 3 กระทง
จำเลยที่ 1 นัดหมายจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไว้จำเลยที่ 3 ออกมาจากพุ่มไม้ข้างทางกับจำเลยที่ 2 ตามหลังจำเลยที่ 1 ซึ่งกลับจากปัสสาวะ และจำเลยที่ 3 ก็ตรงไปเอารถจักรยานอันเป็นพาหนะของจำเลยที่ 1 และผู้เสียหายไป แล้วจำเลยที่ 1 กับที่ 2 ก็เข้าใช้กำลังประทุษร้ายพรากผู้เสียหายไป เช่นนี้ เป็นการให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 และที่ 2กระทำความผิด จำเลยที่ 3 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86,318

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3051/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงโดยมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง แม้ไม่ได้ล่วงล้ำทางเพศก็เป็นตัวการร่วม
จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธมีดบังคับผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 12 ปีเศษให้ไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อข่มขืนกระทำชำเราโดยจำเลยทั้งสองได้คบคิดกันมาก่อน แม้จำเลยแต่ละคนจะผลัดกันเข้ากระทำชำเราผู้เสียหาย ก็เป็นการร่วมกันกระทำความผิด และเมื่อจำเลยที่ 2กระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จแล้ว แม้จะได้ความว่าอวัยวะเพศของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายจำเลยที่ 1ก็ต้องรับผิดเป็นตัวการในการข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธมีดบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายให้ไปยังสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องในอาคารเรียน จากนั้นจำเลยทั้งสองบังคับผู้เสียหายให้นอนที่พื้นห้องเรียนและผลัดเปลี่ยนกันกระทำชำเราผู้เสียหายต่อเนื่องกันเป็นการรุมกันกระทำต่อผู้เสียหาย ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนฯ ร่วมกันกระทำผิด แม้ผู้ร่วมกระทำผิดมิได้ลงมือเองก็มีความผิดตามกฎหมาย
่ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงนั้นเป็นความผิดที่ร่วมกันกระทำผิดได้ โดยผู้ร่วมกระทำผิดไม่จำต้องเป็นผู้ลงมือกระทำชำเราด้วยกันทุกคน เพียงแต่คนใดคนหนึ่งกระทำชำเราผู้ร่วมกระทำผิดทุกคนก็มีความผิดฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ทั้งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 บัญญัติแต่เพียงว่า "ผู้ใดกระทำชำเรา ฯลฯ" หาได้บัญญัติให้ลงโทษแต่เฉพาะชายเท่านั้นไม่ แม้จำเลยจะเป็นหญิงแต่เมื่อร่วมกระทำผิดกับชายกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ประกอบกับมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนฯ เป็นความผิดร่วมกระทำได้ แม้จำเลยหญิงไม่ได้ลงมือเองก็มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 277
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหญิงนั้นเป็นความผิดที่ร่วมกันกระทำผิดได้ โดยผู้ร่วมกระทำผิดไม่จำต้องเป็นผู้ลงมือกระทำชำเราด้วยกันทุกคน เพียงแต่คนใดคนหนึ่งกระทำชำเราผู้ร่วมกระทำผิดทุกคนก็มีความผิดฐานเป็นตัวการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ทั้งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 บัญญัติแต่เพียงว่า 'ผู้ใดกระทำชำเราฯลฯ' หาได้บัญญัติให้ลงโทษแต่เฉพาะชายเท่านั้นไม่ แม้จำเลยจะเป็นหญิงแต่เมื่อร่วมกระทำผิดกับชายกระทำชำเราผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ประกอบกับมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3628/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำกัดขอบเขตความรับผิดในคดีข่มขืน การบรรยายฟ้องต้องชัดเจน หากฟ้องไม่ครอบคลุมข้อหาอื่น ศาลไม่อาจลงโทษได้
จำเลยใช้ปืนตีศีรษะผู้เสียหายและช่วย ล. ฉุดผู้เสียหายไปยังป่าริมถนนแล้วจำเลยวิ่งกลับไป โดย ล. คงฉุดผู้เสียหายต่อและนำเข้าไปในป่าแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนี้จำเลยมิได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนล. กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 การกระทำของจำเลยคงเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 284 เพียงกรรมเดียวเท่านั้นเมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายเกี่ยวกับข้อหาฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 284 จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องและมิใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาพาหญิงไปเพื่อการอนาจารได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1965/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราและการพิจารณาการกระทำเป็น 'โทรมหญิง' ตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยลอบเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายถึงในห้องจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วจำเลยก็ออกจากห้องเรียกนาย ด. ลูกจ้างของจำเลยให้เข้าไปข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายด้วย นาย ด. ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง โดยจำเลยมิได้ร่วมกระทำผิดด้วยในตอนนั้น การกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายดังกล่าวแล้วกรณียังไม่เข้าลักษณะเป็นการโทรมหญิง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคสองจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา276 วรรคแรกเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1588/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามข่มขืนกระทำชำเราเด็ก: การล่วงละเมิดทางเพศโดยไม่สำเร็จความใคร่
ผู้เสียหายอายุ 5 ขวบเศษ จำเลยได้พูดขู่บังคับผู้เสียหายให้ถอดกางเกงออกและจำเลยได้เอาอวัยวะเพศของจำเลยใส่ที่อวัยวะเพศผู้เสียหายแล้วกระทำยิกๆ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกเจ็บที่ของลับ จะร้องให้คนช่วย จำเลยได้ใช้ผ้าปิดปากไว้ ไม่ปรากฏว่าอวัยวะเพศของจำเลยล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อแตกต่างของวันเกิดเหตุในฟ้องและคำเบิกความ ไม่ถือเป็นข้อสาระสำคัญ ศาลลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราในวันที่ 4 มิถุนายน 2522 แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดวันที่ 14 มิถุนายน 2522 ดังนี้ เป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับเวลากระทำความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2522 มาตรา 5 บัญญัติว่ามิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ เมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยได้
of 44