คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข่มขู่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรโชกทรัพย์: การข่มขู่ว่าจะแจ้งความเพื่อเรียกเงิน
จำเลยได้ไปพูดหาว่า ผ.เป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ของจำเลยถ้าผ. ไม่ให้เงินแก่จำเลย 200 บาท จำเลยจะไปแจ้งแก่เจ้าพนักงานตำรวจมาจับผ. กลัว จึงยอมตกลงไปหาเงินมาให้จำเลยและได้ความว่าจำเลยมิได้สงสัย ผ. ในการปล้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานกรรโชก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองเมื่อถูกข่มขู่ด้วยอาวุธ: การกระทำเพื่อป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายแกล้งกล่าวหาว่า จำเลยกับพวกปล้นบ้าน แล้วยังถือปืนเที่ยวตามจับจนถึงเกิดแย่งปืนกัน และผู้ตายยังยกปากกระบอกปืนมาทางจำเลยอีก จำเลยจึงแทงเอาผู้ตาย ดังนี้ เป็นการกระทำโดยป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีแย่งปืนและการข่มขู่ด้วยอาวุธ
ผู้ตายแกล้งกล่าวหาว่า จำเลยกับพวกปล้นบ้าน. แล้วยังถือปืนเที่ยวตามจับจนถึงเกิดแย่งปืนกัน และผู้ตายยังยกปากกระบอกปืนมาทางจำเลยอีก จำเลยจึงแทงเอาผู้ตาย ดังนี้ เป็นการกระทำโดยป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 50

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกผู้มีอาวุธบุกรุกและข่มขู่
ผู้ตายถือมีดดาบไปถึงโรงจำเลยเวลากลางคืนและร้องเรียกให้จำเลยเปิดประตู จำเลยไม่ยอมเปิด ผู้ตายตัดเชือกผูกประตูเปิดเข้าไปในห้องจำเลย จำเลยคว้าได้ขวานหลบหนีไปอยู่ใต้ถุน ผู้ตายใช้ดาบแทงตามร่องพื้นโรงจนจำเลยต้องหนีออกจากใต้ถุน จะออกทางประตูผู้ตายใช้มีดดาบฟันจำเลยแต่มีดดาบไปถูกแปหลังคาโรงเสีย จำเลยหันมาใช้ขวานฟันผู้ตายหลายที ดังนี้ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจข่มขู่เรียกทรัพย์จากผู้กระทำผิด แทนการยึดทรัพย์ตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพลศุลการักษ์มีหน้าที่ตรวจจับผู้กระทำผิด จำเลยได้ทำการจับบุหรี่ซิกาแรตซึ่งมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ มิได้เสียค่าภาษีศุลกากรจากผู้กระทำผิด จำเลยได้บังคับให้ผู้กระทำผิดให้บุหรี่และธนบัตร์แก่จำเลย เมื่อเจ้าทรัพย์จะติดตามไป จำเลยยังพูดขู่ไม่ให้ตามไป ถ้าตามไปจะจับ ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ไปขู่เอาทรัพย์เขามา จำเลยไม่ได้ทำการจับกุมยึดทรัพย์ตามหน้าที่ ควรลงโทษจำเลยตามมาตรา 136 การบังคับเอาทรัพย์ตามมาตรา 136 ไม่สั่งคืนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจข่มขู่เรียกทรัพย์สินจากผู้กระทำผิดทางภาษี โดยมิได้ยึดทรัพย์ตามหน้าที่
จำเลยเป็นพลศุลการักษ์มีหน้าที่ตรวจจับผู้กระทำผิดจำเลยได้ทำการจับบุหรี่ซิกาแรตซึ่งมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ มิได้เสียค่าภาษีศุลกากรจากผู้กระทำผิด จำเลยได้บังคับให้ผู้กระทำผิดให้บุหรี่และธนบัตรแก่จำเลย เมื่อเจ้าทรัพย์จะติดตามไป จำเลยยังพูดขู่ไม่ให้ตามไป ถ้าตามไปจะจับ ดังนี้ เป็นเรื่องจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ไปขู่เอาทรัพย์เขามา จำเลยไม่ได้ทำการจับกุมยึดทรัพย์ตามหน้าที่ ควรลงโทษจำเลยตามมาตรา 136
การบังคับเอาทรัพย์ตามมาตรา 136 ต้องไม่ส่งคืนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในหน้าที่โดยมิชอบ ข่มขู่เอาทรัพย์จากประชาชน ความผิดตามมาตรา 136
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจที่กำลังรักษาการณ์ในหน้าที่สวมเครื่องแบบและมีอาวุธปืน จำเลยได้จับเจ้าทรัพย์ในลักษณะที่เป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ แล้วจำเลยบังคับให้เจ้าทรัพย์ให้ของกลางแก่จำเลย ก็เรียกได้ว่ามันบังคับให้เขาให้ทรัพย์อันมิควรจะได้ตามกฎหมายแก่ตัวมัน ต้องด้วยข้อบัญญัติตามมาตรา 136 กฎหมายลักษณะอาญา แต่เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ จึงกลายเป็นความผิดหลายบท แต่ความผิดตามมาตรา 136 มีอัตราโทษหนักกว่า จึงให้วางโทษตามมาตรา 136

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532-533/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขัดขวางเจ้าพนักงานและช่วยเหลือผู้กระทำผิด: การถืออาวุธข่มขู่ตำรวจขณะจับกุม
ถือไม้ตะพดยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องเล่นการพนัน และพูดอ้างอำนาจนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาขู่เข็ญตำรวจที่มาทำการจับกุม มิให้ทำการจับกุมผู้เล่นการพนัน ดังนี้เป็นความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 119
คู่ความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความก็ไม่ได้คัดค้านอย่างใด ดังนี้ ศาลฎีกาต้องถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์เป็นยุติแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับเรียกค่าสินไถ่และการข่มขู่เรียกทรัพย์: ศาลฎีกาแก้ข้อกล่าวหาปล้นทรัพย์ แต่ยืนตามบทหนักเดิม
จำเลยกับพวกจับตัวผู้เสียหายไปควบคุมตัวไว้แล้วบังคับเอาเงินจากพ่อตาและภรรยาเพื่อสินไถ่ และเรียกผู้เสียหายคนอื่นอีก 6 คนมาหาว่าลักควายบังคับให้หาเงินมาให้จำเลยดังนี้ การกระทำในตอนแรกเป็นเรื่องจับตัวไปบังคับเรียกเอาค่าสินไถ่โดยตรง การกระทำในตอนหลังก็ไม่มีกริยาเป็นโจรชิงทรัพย์ตามความหมายของกฎหมายจึงไม่ใช่ความผิดฐานชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301,270 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตาม มาตรา270 ซึ่งเป็นบทหนักแต่บทเดียวโจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านประการใด ดังนี้
เมื่อศาลฎีกาคงเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 270ซึ่งเป็นบทหนักอยู่แล้ว แม้จะเห็นว่าจำเลยไม่ผิดตามมาตรา 301 ด้วย ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจำเลยมีผิดฐานใดอีก เพราะลงโทษบทหนักอยู่แล้ว
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301,270 กับขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิดตามมาตรา 301 แล้ว อัยการก็ไม่มีอำนาจเรียกเงินคืนแทนผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การข่มขู่เรียกเงินโดยไม่มีอำนาจทางกฎหมายเข้าข่ายความผิดฐานกรรโชก
ตำรวจจับราษฎรมา โดยหาว่ากระทำผิดทางอาญา ได้พูดขู่เข็ญให้เอาเงินมาให้คนละ 40 บาท ถ้ายอมเสียเงินให้ก็จะเสร็จเรื่อง มิฉะนั้นจะเอาตัวไปเดี๋ยวนั้น ราษฎรซักถามจนเป็นที่พอใจแล้วก็ตกลงยอมเสียเงินให้ แล้วหากันกลับไปเอาเงินมาให้ตำรวจในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา ดังนี้เป็นความผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายอาญามาตรา 303
of 33