พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการใช้บทบัญญัติมาตรา 100 พ.ร.บ.ล้มละลาย: ข้อต่อสู้เฉพาะคดีล้มละลายเท่านั้น
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 100 ซึ่งบัญญัติว่า ดอกเบี้ยหรือเงินค่าป่วยการอื่นแทนดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ไม่ให้ถือว่าเป็นหนี้ที่จะขอชำระได้นั้น เป็นบทบังคับของกฎหมายพิเศษมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้คดีล้มละลายได้เหมือนคดีแพ่งสามัญเท่านั้นหาใช่บทบังคับของกฎหมายทั่วไปว่า ในกรณีที่ลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายแล้ว ห้ามมิให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิใดๆ เรียกร้องเอาดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่ กฎหมายมาตรานี้จึงเป็นข้อต่อสู้ที่ลูกหนี้จะยกขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ได้เฉพาะในคดีล้มละลายเท่านั้น
ฉะนั้น ผู้ค้ำประกันลูกหนี้ดังกล่าวซึ่งทำสัญญาผูกพันตนไว้โดยไม่จำกัดความรับผิด เมื่อตนถูกเจ้าหนี้ฟ้องเป็นคดีแพ่งธรรมดาให้รับผิดแทนลูกหนี้ในดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ จึงไม่อาจยกกฎหมายมาตรานี้ขึ้นต่อสู้เพื่อให้ตนพ้นความรับผิดได้
ฉะนั้น ผู้ค้ำประกันลูกหนี้ดังกล่าวซึ่งทำสัญญาผูกพันตนไว้โดยไม่จำกัดความรับผิด เมื่อตนถูกเจ้าหนี้ฟ้องเป็นคดีแพ่งธรรมดาให้รับผิดแทนลูกหนี้ในดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ จึงไม่อาจยกกฎหมายมาตรานี้ขึ้นต่อสู้เพื่อให้ตนพ้นความรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1589/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าและการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยกล่าวว่าสัญญาเช่าสิ้นอายุและได้บอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย คำบอกกล่าวท้ายฟ้องหากมีจริงก็เป็นเอกสารทำขึ้นโดยมิชอบในภายหลัง ดังนี้ จำเลยหาได้ต่อสู้ว่า โจทก์ได้บอกกล่าวจำเลย แต่เป็นการบอกกล่าวที่ไม่ให้โอกาสจำเลยรู้ตังก่อนระยะเวลาเก็บค่าเช่าระยะหนึ่งไม่ เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ไว้ดังนั้น จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์หรือฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225,249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1589/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา หากมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลล่าง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยกล่าวว่าสัญญาเช่าสิ้นอายุและได้บอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้ว จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย คำบอกกล่าวท้ายฟ้องหากมีจริงก็เป็นเอกสารทำขึ้นโดยมิชอบในภายหลัง ดังนี้ จำเลยหาได้ต่อสู้ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวจำเลย แต่เป็นการบอกกล่าวที่ไม่ให้โอกาสจำเลยรู้ตัวก่อนระยะเวลาเก็บค่าเช่าระยะหนึ่งไม่ เมื่อจำเลยมิได้ต่อสู้ไว้ดังนั้นจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์หรือฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225,249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การขัดแย้งกันในคดีแพ่งและการสืบพยานที่ไม่เป็นประโยชน์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าแชร์เปียหวยจากจำเลย จำเลยให้การว่ามิได้เล่นแชร์กับโจทก์ ถ้าหากปรากฏว่าจำเลยเล่นแชร์กับโจทก์ จำเลยก็ได้จ่ายเงินให้โจทก์ไปหมดแล้วดังนี้ เป็นคำให้การที่ขัดกันไม่ประกอบชอบด้วยเหตุผลที่จำเลยจะนำสืบตามคำให้การของจำเลยๆ มิได้แถลงต่อศาลว่าจะสืบแต่เฉพาะทางใดทางหนึ่งแน่ หากจะสืบทั้งสองทางเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะให้จำเลยสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชัดเจน การยกข้อต่อสู้ต้องระบุเหตุผลและข้อกฎหมายรองรับ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาข้อหนึ่งมีจำเลยกล่าวว่า "โจทก์ไม่ควรได้รับทรัพย์รายพิพาททั้งหมด ดังข้อต่อสู้ของจำเลย" นั้นเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิง โดยชัดแจ้ง ศาลจึงไม่รับวินิจฉัยในข้อนี้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758-1762/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการเช่าเพื่อประกอบการค้าหรืออยู่อาศัยเกิดขึ้นเมื่อจำเลยอ้างเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวในฟ้อง
ในคดีที่ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากตึกแถวที่ให้เช่า จะมีประเด็นว่า จำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าหรือเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ต่อเมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ เมื่อกรณีจะเกิดเป็นประเด็นต่อเมื่อจำเลยอ้างขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ไม่จำเป็นต้องกล่าวเป็นประเด็นมาในฟ้อง (ว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้าหรือว่าจำเลยทำการค้าในตึกพิพาท)
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าการเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องนำสืบให้รับฟังได้ตามที่ตนอ้าง
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าการเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องนำสืบให้รับฟังได้ตามที่ตนอ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1758-1762/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าตึกแถว: การคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เกิดขึ้นเมื่อจำเลยอ้างเป็นข้อต่อสู้
ในคดีที่ผู้ให้เช่าฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากตึกแถวที่ให้เช่าจะมีประเด็นว่าจำเลยผู้เช่า เช่าเพื่อประกอบการค้าหรือเช่าเพื่ออยู่อาศัยก็ต่อเมื่อจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ เมื่อกรณีจะเกิดเป็นประเด็นต่อเมื่อจำเลยอ้างขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ก็ไม่จำต้องกล่าวเป็นประเด็นมาในฟ้องในข้อนี้
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบ
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินเกินหนึ่งปี ศาลยกฟ้องได้ แม้จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้แย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าไปจากโจทก์ และโจทก์ได้ฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองเมื่อเกินกว่าหนึ่งปีแล้ว ศาลก็ชอบที่จะยก มาตรา 1375 ขึ้นยกฟ้องโจทก์เสียได้แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงิน: จำเลยต้องพิสูจน์ข้อต่อสู้ใหม่ หากอ้างเหตุไม่ชำระหนี้หลังยอมรับทำสัญญา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ 1,100 บาท รับเงินไปจากโจทก์แล้ว ถึงกำหนดจำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การว่า บุตรจำเลยลักพาบุตรสาวโจทก์ไป เจ้าพนักงานเปรียบเทียบให้บุตรจำเลยเสียค่าสินสอด 2,000 บาท โจทก์จำเลยก็ตกลงจำเลยมอบเงินสด 400 บาท และสร้อยคอทองคำราคา 500 บาทให้โจทก์ไป ที่เหลือ 1,100 บาท จำเลยทำเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ คือ ฉบับที่โจทก์ฟ้อง แต่โจทก์กลับไม่ยอมให้บุตรจำเลยอยู่กินกับบุตรของโจทก์ตามข้อตกลง ดังนี้ถือได้ว่า การกู้ยืมเงินตามสัญญาที่โจทก์ฟ้องบริบูรณ์แล้ว ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ยอมให้บุตรจำเลยอยู่กินกับบุตรโจทก์ตามข้อตกลงนั้น จำเลยอ้างขึ้นใหม่เพื่อให้พ้นความรับผิดตามสัญญา จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบ ฉะนั้น ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยานจำเลยย่อมแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงิน: สัญญาบริบูรณ์ แม้มีข้อต่อสู้เรื่องข้อตกลงอื่น แต่จำเลยต้องนำสืบ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป 1,100 บาท ตามสัญญากู้แล้วไม่ใช้ จึงขอให้ใช้ จำเลยต่อสู้ว่า บุตรจำเลยลักพาบุตรสาวโจทก์ไปเจ้าพนักงานเปรียบเทียบให้บุตรจำเลยเสียค่าสินสอด 2,000 บาท โจทก์จำเลยตกลง จำเลยมอบเงินสด 400 บาท สร้อยคอทองคำ ราคา 500 บาท ให้โจทก์ไป ที่เหลือ 1,100 บาท จำเลยทำเป็นสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ คือฉบับที่โจทก์ฟ้อง แต่โจทก์กลับไม่ยอมให้บุตรจำเลยอยู่กินกับบุตรโจทก์ แล้วโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ดังนี้ ฟังได้ว่า การกู้เงินดังกล่าวมีมูลหนี้ ถือได้ว่าการกู้ยืมเงินตามสัญญาที่โจทก์ฟ้องบริบูรณ์แล้ว ที่จำเลยอ้างข้อเท็จจริงต่อไปว่าโจทก์ไม่ยอมให้บุตรจำเลยอยู่กินกับบุตรโจทก์ตามข้อตกลงนั้น เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยอ้างขึ้นเพื่อให้พ้นความรับผิด จำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อจำเลยไม่นำสืบ จำเลยก็ไม่พ้นความรับผิด