พบผลลัพธ์ทั้งหมด 467 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พยานหลักฐานแผนการร่วมกันและคำพูดก่อนลงมือ
จำเลยกับพวกไปที่เรือนผู้ตายชวนผู้ตายพูดคุยด้วยและเมื่อก่อนจะลงมือฆ่ามีการพูดข้อความประโยคหนึ่ง แล้วจำเลยกับพวกต่างลุกขึ้นพร้อม ๆ กัน ชักปืนสั้นออกมายิงผู้ตาย แสดงว่ามีแผนนัดหมายกันมาก่อนกระทำการ ถือว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบร่วมกันข่มขืนและฆ่าเพื่อความสะดวกในการข่มขืน ถือเป็นตัวการร่วม
จำเลยทั้งสามมีเจตจำนงร่วมกันที่จะเข้าแย่งผู้เสียหายจากผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนั้น การที่จำเลยคนหนึ่งเข้ากำจัดขัดขวางผู้ตายด้วยวิธีการใดก็ตาม ก็ย่อมอยู่ในวิถีเพื่อประโยชน์ร่วมกันของจำเลยทุกคน ซึ่งจำเลยทุกคนอาจเล็งเห็นผลแห่งการกระทำนั้นได้ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดด้วยกัน
การที่จำเลยใช้ไม้ไผ่ตันมีรูเล็ก ๆ ขนาดนิ้วก้อย ยาวประมาณ 2 ศอก โตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ทีถูกศีรษะเป็นบาดแผลถึงขนาดทำให้กะโหลกศีรษะแตกแยกเป็น 4 เสี่ยง มีเลือดออกในและรอบ ๆ กะโหลกศีรษะมาก แสดงให้เห็นว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้เป็นเจตนาฆ่าให้ตาย
แย่งหญิงไปจากผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ตายขัดขวางจึงทำร้ายผู้ตายถึงตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6)
การที่จำเลยใช้ไม้ไผ่ตันมีรูเล็ก ๆ ขนาดนิ้วก้อย ยาวประมาณ 2 ศอก โตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ตีผู้ตายอย่างแรง 1 ทีถูกศีรษะเป็นบาดแผลถึงขนาดทำให้กะโหลกศีรษะแตกแยกเป็น 4 เสี่ยง มีเลือดออกในและรอบ ๆ กะโหลกศีรษะมาก แสดงให้เห็นว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้เป็นเจตนาฆ่าให้ตาย
แย่งหญิงไปจากผู้ตายเพื่อข่มขืนกระทำชำเรา ผู้ตายขัดขวางจึงทำร้ายผู้ตายถึงตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาองค์ประกอบความผิดฐานฆ่าโดยทารุณโหดร้าย และการลดโทษจากรับสารภาพ
จำเลยใช้เหล็กขูดชาร์ปแทงผู้ตายซึ่งเป็นหญิงปราศจากอาวุธ และไม่อยู่ในฐานะที่จะหลบหลีกหรือต่อสู้จำเลยได้ โดยจ้วงแทงเอาอย่างไม่ยับยั้ง เกิดเป็นบาดแผลที่ร่างกายผู้ตาย 30 กว่าแผลและผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมาดังนี้ เมื่อมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยแทงผู้ตายทีสองทีแล้วมีโทสะจริตคลุ้มคลั่งตามติดขึ้นมา จนขาดสติ จึงได้แทงผู้ตายไปโดยไม่ยับยั้งเช่นนั้นแล้วก็ยังไม่พอจะถือว่าจำเลยได้กระทำไปด้วยการทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันวางแผนฆ่า: การกระทำขัดขวางการไล่ติดตามผู้กระทำผิดแสดงเจตนาในการช่วยเหลือและมีส่วนร่วมในการฆ่า
นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย จำเลยกับนายเวศเป็นคนขัดขวางมิให้คนไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามายเอียดต่อไป เมื่อได้ความว่า จำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นน้องนายเวศร่วมบิดามารดากัน ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน มีเรื่องชกต่อยขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศ การที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนด้วยกับนายเวศ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่แสดงให้เห็นว่า ได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ กล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้ว มิได้วิ่งหนีไปทางอื่นกลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ พอถึงจำเลยกับพวกก็ลุกขึ้นยืนขู่ขัดขวางการไล่ติดตามทันที การกระทำของจำเลยเป็นตัวการกระทำผิดด้วยกันกับนายเอียด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกันฆ่า: การกระทำร่วมและการสนับสนุนการกระทำผิด
จำเลยที่ 2 วิวาทกับผู้ตาย แล้วกลับไปชวนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นน้องชายมาท้าทายให้ผู้ตายซึ่งอยู่บนชานเรือนลงไปต่อสู้กับจำเลยโดยจำเลยที่ 1 ถือมีดปลายแหลม จำเลยที่ 2 ถือไม้ครั้นผู้ตายนิ่งเฉยจำเลยที่ 2 ก็โดดขึ้นไปหาผู้ตาย ใช้ไม้ตีผู้ตาย 1 ที แต่ตีพลาดไม่ถูกผู้ตายแล้วโดดหนีไป จำเลยที่1 โดดขึ้นไปใช้มีดแทงผู้ตาย 1 ที ถูกที่บริเวณลิ้นปี่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกายเป็นบาดแผลลึกถึง 12 เซนติเมตรแล้วโดดหนีตามจำเลยที่ 2 ไป ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุเล็กน้อยเช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 1 แทงผู้ตายอย่างแรงโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยทั้งสองย่อมมีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไม่มีการทรมาน: ไม่เข้าข่ายฆ่าโดยทารุณโหดร้ายตาม ม.289(5)
การที่จำเลยกับพวกดักยิงผู้ตายกับผู้เสียหายมาก่อน เมื่อผู้ตายกับผู้เสียหายหนีเสียทัน จำเลยทั้งสองกับพวกยังไม่ลดละตามมายิงผู้ตายกับผู้เสียหายถึงบนบ้านเรือนยิงแล้วยังเอาเชือกมัดข้อมือผู้ตายช่วยกันหามไปทิ้งในป่า พฤติการณ์เช่นนี้เห็นได้ว่าเป็นเพียงจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายกับผู้ตายให้ตายไปเท่านั้น การหามผู้ตายไปทิ้งเป็นการต้องการแต่จะซ่อนเร้นปิดบังการกระทำความผิดเมื่อการฆ่าไม่ปรากฏการกระทำอย่างใดเป็นพิเศษอันแสดงให้เห็นว่าผู้ฆ่าประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากสาหัสก่อนตายแล้วกรณีย่อมไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1261/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมลักทรัพย์หลังเกิดเหตุฆ่า ไม่เข้าข่ายปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 3 คนมาพบผู้ตายกับพวกกำลังขนบุหรี่ ได้พากันไปพูดจาซื้อขายบุหรี่ แล้วพวกของจำเลยคนหนึ่งได้ใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย และได้ร่วมกันลักเอาบุหรี่ของผู้ตายไป แต่ทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมด้วยในการที่พวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงมีความผิดเพียงฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแทงทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากลักษณะการกระทำและเหตุผล
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยไม่พอใจผู้เสียหายขึ้นมาในขณะที่ดื่มสุรากัน จำเลยจึงใช้มีดยาวทั้งด้าม 35 เซนติเมตร ตัวมีดยาว 15 เซนติเมตร ใบมีดกว้าง 3 เซนติเมตร แทงผู้เสียหาย 1 ที ที่บนเรือน ถูกผู้เสียหายที่หน้าอกขวา ทะลุปอด แล้วมิได้แทงซ้ำอีกทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจะแทงอีกได้ แม้เมื่อผู้เสียหายตกลงไปข้างล่างแล้ว จำเลยก็หาได้ติดตามลงไปทำร้ายอีกไม่ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาแต่เพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น มิได้มีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกาย vs. เจตนาฆ่า: การพิจารณาจากพฤติการณ์การกระทำและความต่อเนื่องของการทำร้าย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยไม่พอใจผู้เสียหายขึ้นมาในขณะที่ดื่มสุรากันจำเลยจึงใช้มีดยาวทั้งด้าม 35 เซ็นติเมตรตัวมีดยาว15เซ็นติเมตร ใบมีดกว้าง3 เซ็นติเมตร แทงผู้เสียหาย 1 ทีที่บนเรือนถูกผู้เสียหายที่หน้าอกขวา ทะลุปอดแล้วมิได้แทงซ้ำอีก ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจะแทงอีกได้ แม้เมื่อผู้เสียหายตกลงไปข้างล่างแล้ว จำเลยก็หาได้ติดตามลงไปทำร้ายอีกไม่ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาแต่เพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น มิได้มีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: ภยันตรายใกล้ถึง, การกระทำพอสมควรแก่เหตุ, ปฏิเสธความผิดฐานฆ่า
ผู้ตายโกรธจำเลยเรื่องเบื่อหมูของผู้ตาย ได้มาต่อว่าจำเลยและจะให้ใช้ราคา จำเลยไม่ยอมใช้ ผู้ตายจึงท้าให้จำเลยลงจากเรือน จำเลยไม่ลง ผู้ตายจึงก้าวขึ้นบันไดไปสองขั้น และฟันจำเลยแต่ไม่ถูกผู้ตายจึงก้าวขึ้นบันไดขั้นที่สามต่อไปอีกทั้งๆ ที่จำเลยได้ร้องห้ามแล้วว่า ถ้าขึ้นมาจะแทง แต่ผู้ตายก็ไม่เชื่อฟัง จำเลยจึงใช้หลาวไม้ไผ่แทงผู้ตาย 1 ที ถูกหน้าท้อง และผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกแทงดังนี้ ย่อมเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง การกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68