พบผลลัพธ์ทั้งหมด 298 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการใช้ดุลพินิจของศาล ศาลฎีกายกคำร้องเนื่องจากโจทก์มิได้โต้แย้งความชอบด้วยกฎหมายของการงดสืบพยาน
ในฎีกาโจทก์มิได้อ้างโดยแจ้งชัดว่าตามที่ศาลล่างสั่งงดสืบพยานโจทก์นั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใดเมื่อตามเหตุผลที่ศาลล่างทั้งสองยกขึ้นอ้างและตามฎีกาที่โจทก์โต้แย้งขึ้นมานั้นเป็นเรื่องการใช้ดุลพินิจว่าสมควรอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีหรือไม่เช่นนี้ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานหลังจำเลยรับสารภาพ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งสืบพยานเพิ่มเติม
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุก ถึง 10 ปี เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้ว แม้จะได้สืบผู้เสียหายไปยังไม่ทันเสร็จ ศาลชั้นต้นจะงดสืบพะยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้ เมื่อเห็นว่าตามฟ้อง คำรับสารภาพของจำเลยและคำพะยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพะยานต่อไป ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม ม. 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามม.208 ข้อ 2. ไม่ได้
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพะยานต่อไป ก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม ม. 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามม.208 ข้อ 2. ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานหลังจำเลยรับสารภาพ และอำนาจศาลอุทธรณ์ในการสั่งสืบพยานเพิ่มเติม
ในคดีอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปีเมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วแม้จะได้สืบผู้เสียหายไปยังไม่ทันเสร็จ
ศาลชั้นต้นจะงดสืบพยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้เมื่อเห็นว่าตามฟ้องคำรับสารภาพของจำเลยและคำพยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพยานต่อไปก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม มาตรา 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม มาตรา 208 ข้อ 2 ไม่ได้
ศาลชั้นต้นจะงดสืบพยานโจทก์เสียและพิพากษาลงโทษจำเลยก็ได้เมื่อเห็นว่าตามฟ้องคำรับสารภาพของจำเลยและคำพยานที่สืบแล้วเป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง
เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นควรจะได้สืบพยานต่อไปก็ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานให้แล้วส่งสำนวนคืนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อวินิจฉัยตาม มาตรา 208 ข้อ 1. ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตาม มาตรา 208 ข้อ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นซ้ำในคดีแพ่ง, ผลคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะบุคคลย่อมใช้ยันบุคคลภายนอก, การงดสืบพยานในประเด็นที่เคยวินิจฉัยแล้ว
โจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยพิพาทกับเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ศาลได้วินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการหย่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในคดีนั้นแล้วครั้นต่อมาโจทก์ได้ฟ้อง่ขอให้เพิกถอนการสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีหลังนี้จำเลยที่ 2 จะยกประเด็นเรื่องหย่าขึ้นต่อสู้โจทก์อีกไม่ได้เพราะเป็นประเด็นเดียวกันและโจทก์กับจำเลยก็เป็นคู่ความเดียวกัน ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.148
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1 จะขอสืบพะยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.145 ( ป.ช.ญ.ครั้งที่ 1/2498 )
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1 จะขอสืบพะยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.145 ( ป.ช.ญ.ครั้งที่ 1/2498 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 701/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการงดสืบพยานเมื่อมีหลักฐานเพียงพอ และการวินิจฉัยคดีโดยไม่ต้องย้อนสำนวน
เมื่อศาลเห็นว่าข้อที่คู่ความประสงค์จะนำสืบไม่เป็นประโยชน์ต่อคดีศาลย่อมมีอำนาจที่จะงดสืบพยานนั้นเสียได้และเมื่อเห็นว่าพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่พอเพียงจะเชื่อฟังเป็นยุติได้แล้วก็พิพากษาคดีนั้นได้ ไม่จำต้องสืบพยานต่อไปตามที่คู่ความขออีก
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสียใหม่โดยยังไม่ได้วินิจฉัยข้อพิพาทในคดีนั้นเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีหลักฐานพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยได้แล้วก็ไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีเสียใหม่โดยยังไม่ได้วินิจฉัยข้อพิพาทในคดีนั้นเมื่อศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีหลักฐานพอที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยได้แล้วก็ไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งงดสืบพยาน แม้ไม่ได้คัดค้านขณะศาลชั้นต้น
ศาลสั่งงดสืบพยานแล้ว พิพากษาคดีไปเลย ดังนี้ แม้คู่ความจะไม่ได้คัดค้านคำสั่งที่ให้งดสืบพยานไว้ ก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์ในข้องดสืบพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งงดสืบพยาน แม้ไม่ได้คัดค้านในชั้นศาลล่าง
ศาลสั่งงดสืบพยานแล้ว พิพากษาคดีไปเลย ดังนี้ แม้คู่ความจะไม่ได้คัดค้านคำสั่งที่ให้งดสืบพยานไว้ก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์ในข้องดสืบพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1689/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยเบื้องต้นข้อสัญญาและการงดสืบพยาน: ค่าขึ้นศาลและการสืบเจตนา
ศาลชั้นต้นสั่งว่าควรจะวินิจฉัยเบื้องต้นเกี่ยวกับการแปลสัญญาที่พิพาทเสียก่อนแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วงดสืบพยานนัดฟังคำพิพากษา คำสั่งนี้ศาลชั้นต้นก็เข้าใจว่าเป็นการสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ศาลฎีกาก็เห็นว่าเป็นการสั่งตาม มาตรา 24 และโจทก์อุทธรณ์ฎีกา ขอเพียงให้พิจารณาพิพากษาใหม่เท่านั้นจึงเสียค่าขึ้นศาล 20 บาทถูกต้องแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่7/2498)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการอุทธรณ์ที่ไม่ชัดเจน ศาลไม่ต้องพิจารณาประเด็นงดสืบพยานหากไม่ได้ขอให้สืบต่อ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ 2 ปากแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยแล้ว สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเรื่องนี้ ยังไม่ต้องด้วยกฎหมายและข้อเท็จจริง มิได้อุทธรณ์คัดค้านว่า ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเป็นการไม่ชอบ และมิได้ขอให้ดำเนินการสืบพยานต่อไป ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่พิจารณาในข้อที่ว่า การงดสืบพยานเป็นการชอบหรือไม่
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเรื่องนี้ ยังไม่ต้องด้วยกฎหมายและข้อเท็จจริง มิได้อุทธรณ์คัดค้านว่า ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเป็นการไม่ชอบ และมิได้ขอให้ดำเนินการสืบพยานต่อไป ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่พิจารณาในข้อที่ว่า การงดสืบพยานเป็นการชอบหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานและการอุทธรณ์ หากมิได้คัดค้านการงดสืบพยาน ศาลอุทธรณ์ไม่พิจารณา
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ 2 ปากแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยแล้ว สั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเรื่องนี้ ยังไม่ต้องด้วยกฎหมายและข้อเท็จจริง มิได้อุทธรณ์คัดค้านว่าศาลชั้นต้นงดสืบพยานเป็นการไม่ชอบ และมิได้ขอให้ดำเนินการสืบพยานต่อไป ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่พิจารณาในข้อที่ว่า การงดสืบพยานเป็นการชอบหรือไม่
จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาเรื่องนี้ ยังไม่ต้องด้วยกฎหมายและข้อเท็จจริง มิได้อุทธรณ์คัดค้านว่าศาลชั้นต้นงดสืบพยานเป็นการไม่ชอบ และมิได้ขอให้ดำเนินการสืบพยานต่อไป ดังนี้ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่พิจารณาในข้อที่ว่า การงดสืบพยานเป็นการชอบหรือไม่