พบผลลัพธ์ทั้งหมด 257 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีของโจทก์และการดำเนินการพิจารณาต่อไปตามกฎหมาย
การที่โจทก์ซึ่งรับเป็นฝ่ายสืบก่อนได้ขอเลื่อนวันสืบพะยานโจทก์มาถึง 2 นัดแล้ว นัดที่ 3 โจทก์ขอเลื่อนอีก โดยอ้างว่ากำลังทำความปรองดองกับจำเลย ซึ่งไม่เป็นความจริง และพยานโจทก์ไม่มีมาศาลทั้งโจทก์กลับสั่งห้ามไม่ให้พะยานโจทก์ที่รับหมายแล้วมาศาลดังนี้ได้ชื่อว่าโจทก์ประวิง คดีให้ชักช้าตาม ม.86 วิ.แพ่ง
และเมื่อศาลอนุญาตให้ตัวโจทก์เข้าเบิกความเป็นพะยานตนเองได้และให้สืบในวันเดียวกับพะยานจำเลยถึงวันนัดตัวโจทก์และทนายไม่มา ดังนี้ถือว่าโจทก์ขาดนัดชั้นพิจารณาตาม ม. 197 เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินการพิจารณาสืบพะยานจำเลยต่อไป จึงต้องดำเนินการพิจารณาไปตาม ม. 205
กรณีดังกล่าวไม่ต้องด้วย ม. 132 ศาลจึงไม่สั่งให้จำหน่ายคดี
และเมื่อศาลอนุญาตให้ตัวโจทก์เข้าเบิกความเป็นพะยานตนเองได้และให้สืบในวันเดียวกับพะยานจำเลยถึงวันนัดตัวโจทก์และทนายไม่มา ดังนี้ถือว่าโจทก์ขาดนัดชั้นพิจารณาตาม ม. 197 เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินการพิจารณาสืบพะยานจำเลยต่อไป จึงต้องดำเนินการพิจารณาไปตาม ม. 205
กรณีดังกล่าวไม่ต้องด้วย ม. 132 ศาลจึงไม่สั่งให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประวิงคดีและการขาดนัดพิจารณา ศาลมีอำนาจงดสืบพยานและดำเนินการพิจารณาต่อไปได้
การที่โจทก์ซึ่งรับเป็นฝ่ายสืบก่อนได้ขอเลื่อนวันสืบพยานโจทก์มาถึง 2 นัดแล้ว นัดที่ 3 โจทก์ขอเลื่อนอีก โดยอ้างว่ากำลังทำความปรองดองกับจำเลย ซึ่งไม่เป็นความจริง และพยานโจทก์ไม่มีมาศาลทั้งโจทก์กลับสั่งห้ามไม่ให้พยานโจทก์ที่รับหมายแล้วมาศาล ดังนี้ได้ชื่อว่า โจทก์ประวิงคดีให้ชักช้าตาม มาตรา 86ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
และเมื่อศาลอนุญาตให้ตัวโจทก์เข้าเบิกความเป็นพยานตนเองได้และให้สืบในวันเดียวกับพยานจำเลย ถึงวันนัดตัวโจทก์และทนายไม่มา ดังนี้ถือว่า โจทก์ขาดนัดชั้นพิจารณาตามมาตรา 197 เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินการพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไป จึงต้องดำเนินการพิจารณาไปตาม มาตรา205
กรณีดังกล่าวไม่ต้องด้วย มาตรา 132 ศาลจึงไม่สั่งให้จำหน่ายคดี
และเมื่อศาลอนุญาตให้ตัวโจทก์เข้าเบิกความเป็นพยานตนเองได้และให้สืบในวันเดียวกับพยานจำเลย ถึงวันนัดตัวโจทก์และทนายไม่มา ดังนี้ถือว่า โจทก์ขาดนัดชั้นพิจารณาตามมาตรา 197 เมื่อจำเลยร้องขอให้ดำเนินการพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไป จึงต้องดำเนินการพิจารณาไปตาม มาตรา205
กรณีดังกล่าวไม่ต้องด้วย มาตรา 132 ศาลจึงไม่สั่งให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนการพิจารณาคดีเนื่องจากพยานไม่มาศาล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าโจทก์ยังมิได้ละเลยหรือประวิงคดี
พยานโจทก์ไม่มาศาล 2 ครั้ง ซึ่งหลังอำเภอส่งหมายให้พยานไม่ทัน ดั่งนี้ ยังไม่มีเหตุพอจะวินิจฉัยว่า โจทก์ละเลยหรือประวิงความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดี: การเลื่อนสืบพยานโดยไม่สมเหตุผลทำให้ศาลมีคำสั่งให้เสียค่าขึ้นศาล
พฤติการณ์ที่ถือว่า เป็นการประวิงความ
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปสืบพะยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่นั้น เมื่อมีฎีกาก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปสืบพะยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่นั้น เมื่อมีฎีกาก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลยและการงดสืบพยานของศาล ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2488 ทนายจำเลยแถลงว่า จำเลยป่วยขอเลื่อนฝ่ายโจทก์คัดค้านว่า ไม่มีใบรับรองของแพทย์มาแสดง ทนายจำเลยแถลงรับรองต่อศาลว่าถ้านัดหน้าจำเลยมาไม่ได้ ทนายจะแถลงก่อนวันนัดให้ศาลไปเผชิญสืบ ศาลให้เลื่อนไปวันที่ 21 มิถุนายน 2488 ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยป่วยไม่รู้จะหายเมื่อไรหากจะหายป่วยอีกนานและขอให้ศาลไปเผชิญสืบศาลชั้นต้นไม่อนุญาตแล้วเรียกพยานอื่นเข้าสืบ หลังจากศาลถามชื่อและที่อยู่ของพยานปากแรกแล้ว ทนายแถลงว่า ไม่ขอสืบพยานปากนี้ และขอเลื่อนไปสืบพยานอื่น พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยประวิงความการที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้สืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่นั้น เมื่อมีฎีกาก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้สืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่นั้น เมื่อมีฎีกาก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 843-844/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากจำเลยป่วยและการพิจารณาเหตุประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาเหตุผลและหลักฐานประกอบ
+วันนัดสืบพะยานจำเลย+นายจำเลยขอเลื่อนคดีโดยแถลงว่าจำเลยมีจดหมายมาบอกว่าป่วย และอีกฝ่าย 1 ไม่คัดค้านแม้จะไม่มีพะยานจำเลยมาศาล เมื่อไม่มีเหตุอันสงสัยว่าจำเลยประวิงความแล้ว ก็ควรอนุญาตให้เลื่อนคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทนายความถามค้านพยาน: ศาลอนุญาตได้หากไม่ประวิงคดี
ทนายความในกรณีที่จำเลยตั้นทนายว่าคดีแทนคน 2 คน ศาลจะห้ามทนายความอีกคน 1 ถามค้านถามติ่งพะยานไม่ได้เมื่อไม่ปรากฎว่าเปนการประวิงคดีให้ชักช้าทนายทั้ง 2 คนมีโอากาศถามค้านถามติ่งพะยานได้เต็มที่เสมอคำสั่งระหว่างพิจารณาที่คู่ความได้ร้องอุทธรณ์คัดค้านพร้อมกับฟ้องอุทธรณ์นั้น เรียกว่าได้ร้องค้านมาแต่ศาลชั้นต้นแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2474
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีอาญา: การมาศาลของทนายแทนโจทก์ และการพิจารณาคดีเมื่อโจทก์ไม่มาศาล
อย่างไรเรียกว่าประวิง หรือละทิ้งความ การพิจารณาคดีอาชญาตัวโจทก์ไม่ได้มาศาล มาแต่ทนายก็พิจารณาได้ลักษณะพะยาน โจทก์ป่วยแต่พอมาศาลได้แล้วไม่มา ยังไม่ทำคดีให้เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2472
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยปรับนายประกัน: การลดค่าปรับเมื่อนายประกันไม่ได้ประวิงคดี
สัญญาประกันตัวจำเลยในคดีอาชญา วิธีพิจารณาแพ่ง อำนาจศาลสูงที่จะแก้ไขเบี้ยปรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3330/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การหลังศาลวินิจฉัยคดีล้มละลายแล้ว ถือเป็นการประวิงคดี ศาลมีอำนาจเพิกถอนการรับคำให้การ
คำสั่งศาลล้มละลายกลางที่รับคำให้การของจำเลยฉบับลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 มิใช่คำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดที่ยกเว้นให้อุทธรณ์ได้ ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 24 วรรคสอง (1) ถึง (5) อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าคำสั่งดังกล่าวของศาลล้มละลายกลางไม่ชอบจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ แต่ศาลฎีกาพิจารณาเห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นต้องแก้ไขข้อผิดพลาด ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 26 วรรคสี่
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ล้มละลายวันที่ 11 สิงหาคม 2553 ในวันนัดพิจารณา จำเลยมาศาลและแถลงต่อศาลว่า จำเลยไม่ติดใจถามค้านและไม่ติดใจสืบพยาน ทั้งยังแถลงว่าอยู่ระหว่างตกลงเงื่อนไขการชำระหนี้ให้แก่โจทก์คาดว่าจะตกลงกันได้ ขอระยะเวลา 4 เดือน หากนัดหน้าไม่สามารถตกลงกันได้จะไม่ขอเลื่อนคดีอีกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณา ให้นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 หลังจากนั้น จำเลยเป็นฝ่ายขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งรวม 5 ครั้ง เป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปีเศษ อ้างว่าอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ทั้งจำเลยได้อ้างส่งเอกสารที่แสดงว่าตนเป็นหนี้โจทก์จริงและประสงค์จะผ่อนชำระหนี้นั้น นอกจากนี้ จำเลยแถลงรับในคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งของจำเลยฉบับลงวันที่ 8 ธันวาคม 2554 และฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 ว่า อยู่ในระหว่างการเจรจาหนี้กับโจทก์ เพื่อเปิดโอกาสให้จำเลยได้ชำระหนี้คืนโจทก์ ขอศาลได้โปรดเลื่อนคดี ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 จำเลยกลับยื่นคำร้องรวม 3 ฉบับ คือ คำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งพยานเอกสาร คำร้องขอนำส่งบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็น และคำร้องขออนุญาตต่อสู้คดีและยื่นคำให้การ ทั้งยังยื่นคำให้การคำแถลงระบุพยานจำเลย และบัญชีระบุพยานมาด้วย ศาลล้มละลายกลางจดรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2555 ว่า ได้สอบโจทก์แล้วแถลงคัดค้านเนื่องจากจำเลยมีเจตนาประวิงคดี แล้ววินิจฉัยว่าการพิจารณาคดีล้มละลาย ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อจำเลยแถลงว่า การเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ แต่จำเลยมีทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ ไม่ใช่บุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดี กับมีคำสั่งให้เลื่อนไปถามค้านและสืบพยานจำเลยวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 ทั้งที่การพิจารณาคดีล้มละลายต้องดำเนินการติดต่อกันไปโดยไม่เลื่อนคดีจนกว่าจะเสร็จการพิจารณา เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และเมื่อเสร็จการพิจารณาคดีให้ศาลล้มละลายรีบทำคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยเร็ว ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง การกำหนดแนวทางการดำเนินคดีเพื่อระงับข้อพิพาทโดยวิธีอื่นโดยการไกล่เกลี่ยเพื่อให้คดีเสร็จไป ตามข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ.2549 ข้อ 14 (1) จึงกำหนดให้กระทำได้เมื่อก่อนมีการสืบพยาน เมื่อคดีนี้ได้มีการสืบพยานแล้วเสร็จและคดีเสร็จการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 การให้โอกาสแก่จำเลยในการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งออกไปเป็นเวลานานกว่า 1 ปีเศษ ซึ่งจำเลยมีระยะเวลาพอสมควรที่จะเจรจาหนี้นอกศาลกับโจทก์ แต่ไม่ปรากฏผลว่าสามารถเจรจาระงับข้อพิพาทนอกศาลกันได้สำเร็จโดยเร็ว โดยจำเลยเป็นฝ่ายแถลงต่อศาลในวันคดีเสร็จการพิจารณาเองว่า หากการเจรจาหนี้กับโจทก์ไม่สามารถตกลงกันได้จะไม่ขอเลื่อนคดีอีก แต่จำเลยกลับยื่นคำร้องขออนุญาตต่อสู้คดีและยื่นคำให้การความว่า การเจรจาหนี้กับโจทก์ไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งจำเลยใช้เวลานานเกินควรในการเจรจา และในคำร้องก็ระบุแต่เพียงว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โดยไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งในคำร้องว่า หากศาลไม่อนุญาตให้ต่อสู้คดีและยื่นคำให้การแล้วจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไร พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี และการที่จำเลยยื่นคำให้การฉบับลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ภายหลังจากสืบพยานในคดีเสร็จสิ้นและคดีเสร็จการพิจารณาแล้ว จึงเป็นการยื่นคำให้การล่วงเลยระยะเวลาตามกฎหมาย ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยมานั้น เป็นการมิชอบ
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ล้มละลายวันที่ 11 สิงหาคม 2553 ในวันนัดพิจารณา จำเลยมาศาลและแถลงต่อศาลว่า จำเลยไม่ติดใจถามค้านและไม่ติดใจสืบพยาน ทั้งยังแถลงว่าอยู่ระหว่างตกลงเงื่อนไขการชำระหนี้ให้แก่โจทก์คาดว่าจะตกลงกันได้ ขอระยะเวลา 4 เดือน หากนัดหน้าไม่สามารถตกลงกันได้จะไม่ขอเลื่อนคดีอีกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณา ให้นัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 หลังจากนั้น จำเลยเป็นฝ่ายขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งรวม 5 ครั้ง เป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปีเศษ อ้างว่าอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อขอชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ทั้งจำเลยได้อ้างส่งเอกสารที่แสดงว่าตนเป็นหนี้โจทก์จริงและประสงค์จะผ่อนชำระหนี้นั้น นอกจากนี้ จำเลยแถลงรับในคำร้องขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งของจำเลยฉบับลงวันที่ 8 ธันวาคม 2554 และฉบับลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 ว่า อยู่ในระหว่างการเจรจาหนี้กับโจทก์ เพื่อเปิดโอกาสให้จำเลยได้ชำระหนี้คืนโจทก์ ขอศาลได้โปรดเลื่อนคดี ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 จำเลยกลับยื่นคำร้องรวม 3 ฉบับ คือ คำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งพยานเอกสาร คำร้องขอนำส่งบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็น และคำร้องขออนุญาตต่อสู้คดีและยื่นคำให้การ ทั้งยังยื่นคำให้การคำแถลงระบุพยานจำเลย และบัญชีระบุพยานมาด้วย ศาลล้มละลายกลางจดรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 11 มิถุนายน 2555 ว่า ได้สอบโจทก์แล้วแถลงคัดค้านเนื่องจากจำเลยมีเจตนาประวิงคดี แล้ววินิจฉัยว่าการพิจารณาคดีล้มละลาย ศาลต้องพิจารณาเอาความจริงเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อจำเลยแถลงว่า การเจรจาไม่สามารถตกลงกันได้ แต่จำเลยมีทรัพย์สินเพียงพอชำระหนี้ ไม่ใช่บุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเห็นควรให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดี กับมีคำสั่งให้เลื่อนไปถามค้านและสืบพยานจำเลยวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 ทั้งที่การพิจารณาคดีล้มละลายต้องดำเนินการติดต่อกันไปโดยไม่เลื่อนคดีจนกว่าจะเสร็จการพิจารณา เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ และเมื่อเสร็จการพิจารณาคดีให้ศาลล้มละลายรีบทำคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยเร็ว ตามพ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง การกำหนดแนวทางการดำเนินคดีเพื่อระงับข้อพิพาทโดยวิธีอื่นโดยการไกล่เกลี่ยเพื่อให้คดีเสร็จไป ตามข้อกำหนดคดีล้มละลาย พ.ศ.2549 ข้อ 14 (1) จึงกำหนดให้กระทำได้เมื่อก่อนมีการสืบพยาน เมื่อคดีนี้ได้มีการสืบพยานแล้วเสร็จและคดีเสร็จการพิจารณาตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2553 การให้โอกาสแก่จำเลยในการเลื่อนการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งออกไปเป็นเวลานานกว่า 1 ปีเศษ ซึ่งจำเลยมีระยะเวลาพอสมควรที่จะเจรจาหนี้นอกศาลกับโจทก์ แต่ไม่ปรากฏผลว่าสามารถเจรจาระงับข้อพิพาทนอกศาลกันได้สำเร็จโดยเร็ว โดยจำเลยเป็นฝ่ายแถลงต่อศาลในวันคดีเสร็จการพิจารณาเองว่า หากการเจรจาหนี้กับโจทก์ไม่สามารถตกลงกันได้จะไม่ขอเลื่อนคดีอีก แต่จำเลยกลับยื่นคำร้องขออนุญาตต่อสู้คดีและยื่นคำให้การความว่า การเจรจาหนี้กับโจทก์ไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งจำเลยใช้เวลานานเกินควรในการเจรจา และในคำร้องก็ระบุแต่เพียงว่า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โดยไม่ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งในคำร้องว่า หากศาลไม่อนุญาตให้ต่อสู้คดีและยื่นคำให้การแล้วจะทำให้เสียความยุติธรรมอย่างไร พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยส่อไปในทางประวิงคดี และการที่จำเลยยื่นคำให้การฉบับลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ภายหลังจากสืบพยานในคดีเสร็จสิ้นและคดีเสร็จการพิจารณาแล้ว จึงเป็นการยื่นคำให้การล่วงเลยระยะเวลาตามกฎหมาย ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำให้การของจำเลยมานั้น เป็นการมิชอบ