คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ผลผูกพัน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 804 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3043/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันตามคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีแพ่ง แม้มีการฟ้องล้มละลาย จำเลยยังคงเป็นหนี้
เมื่อคดีแพ่งที่พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ต่อโจทก์ถึงที่สุดแล้ว โจทก์และจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวจะต้องผูกพันตามคำพิพากษานั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 คือต้องฟังว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนตามคำพิพากษา ดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติยกเว้นไว้ว่า คดีล้มละลายนั้นคู่ความไม่ต้องผูกพันในผลของคดีแพ่งซึ่งถึงที่สุดแล้ว การที่จำเลยในคดีล้มละลายมีสิทธินำสืบว่าตนไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่สมควรเป็นบุคคลล้มละลายตามที่จำเลยกล่าวอ้างนั้นเป็นเพียงสิทธินำสืบทั่ว ๆ ไปของจำเลยเท่านั้น ไม่ถึงกับนำสืบหักล้างผลของคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2858/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการในการสลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงิน และผลผูกพันต่อบุคคลภายนอก
ตามหนังสือรับรองปรากฏว่า ส. เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างโจทก์โดยไม่มีข้อจำกัดอำนาจ และ ส. เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลย ดังนี้ ข้อที่โจทก์อ้างว่าการสลักหลังดังกล่าวไม่ผูกพันโจทก์ เพราะ ส. ลงลายมือชื่อไปโดยไม่ได้ปรึกษาหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งและต้องประทับตราของโจทก์นั้นเป็นข้อจำกัดอำนาจที่มิได้ปรากฏในหนังสือรับรอง จึงไม่อาจยกขึ้นยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2660/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความประนีประนอม และผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้ไม่มีลายมือชื่อจำเลยร่วม
ใบแต่งทนายความของจำเลยร่วมระบุว่าให้ทนายความของจำเลยร่วมมีอำนาจประนีประนอมยอมความได้ แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะไม่มีลายมือชื่อจำเลยร่วมอยู่ด้วย แต่เมื่อทนายความจำเลยร่วม จำเลย ทนายความจำเลย และโจทก์กับทนายความโจทก์ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและข้อตกลงหรือการประนีประนอมยอมความกันนั้นไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมไปด้วยแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวย่อมใช้บังคับได้และมีผลผูกพันจำเลยร่วมด้วย
ที่จำเลยร่วมฎีกาว่าศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยร่วมก่อนมีคำสั่งนั้น ปัญหาข้อนี้จำเลยร่วมมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2490/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาถึงที่สุด: การครอบครองปรปักษ์ vs. ทรัพย์มรดก
ในคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อพิสูจน์ว่าโจทก์มีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าจำเลย ศาลพิพากษาถึงที่สุดโดยวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์ ไม่ใช่ทรัพย์มรดกของ ช. ผลของคำพิพากษาดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ โจทก์จะอ้างว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ช. ไม่มีอำนาจร้องขอครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดกของ ช. ไม่ได้ เพราะจำเลยร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์โดยใช้สิทธิทางศาล และที่ดินพิพาทก็เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยไม่ได้เป็นทรัพย์มรดกของ ช. การกระทำของจำเลยจึงไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกของ ช. และคำพิพากษาไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนแต่อย่างใด ดังนั้น คำพิพากษาดังกล่าวยังคงมีผลผูกพันโจทก์อยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาถึงที่สุดต่อกองทรัพย์สินในคดีล้มละลาย แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้เป็นคู่ความ
หนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาที่ศาลได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินซึ่งจำเลยที่ 1 ตกลงว่า หากผิดนัดไม่ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินยอมรับผิดชดใช้เงินตามตั๋วพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 19 ต่อปีอันเป็นอัตราดอกเบี้ยไม่เกินประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยในขณะทำสัญญา เมื่อจำเลยที่ 1 ผิดนัดจึงต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยตามสัญญาศาลจึงพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดชำระส่วนดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี และคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวถึงที่สุดแล้วกองทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดหนี้ดังกล่าว แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีแพ่งดังกล่าวอันจะต้องถูกผูกพันโดยผลแห่งคำพิพากษาโดยตรงก็ตาม แต่ก็ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะอ้างประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยไปลดดอกเบี้ยตามคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดแล้วลงเหลืออัตราร้อยละ 15 ต่อปี ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดกรรมการผู้จัดการในสัญญาจะซื้อจะขาย: ผลผูกพันเฉพาะนิติบุคคล
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินทำขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมการผู้จัดการ และจำเลยที่ 1 ลงชื่อในฐานะตัวแทนนิติบุคคล ไม่มีข้อความใดในสัญญาระบุว่าจำเลยที่ 1 กระทำในฐานะส่วนตัว สัญญาพิพาทฉบับนี้จึงมีผลบังคับระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 เท่านั้น หาผูกพันจำเลยที่ 1 ไม่ สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ จึงจะฟ้องร้องในบังคับคดีได้ อันเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง การฟังพยานหลักฐานในกรณีเช่นนี้ต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 คู่ความจะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาพิพาทไม่ได้ เมื่อตามสัญญาระบุว่าจำเลยที่ 1 กระทำในฐานะกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 2 โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่าจำเลยที่ 1 กระทำในฐานะส่วนตัวอันเป็นการนำสืบให้เห็นข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากข้อความที่ระบุไว้ในสัญญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินวัด การครอบครองปรปักษ์ และผลคำพิพากษาเดิมที่มีผลผูกพัน
วัดโจทก์ได้ประกาศตั้งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2460 และทะเบียนวัดพระพุทธศาสนาจัดทำตามระเบียบกรมการศาสนา ว่าด้วยการทำทะเบียนวัดในพระพุทธศาสนาก็มีชื่อวัดโจทก์อยู่ด้วย เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการประกาศยุบเลิกวัดโจทก์ โจทก์จึงยังมีฐานะเป็นวัดที่ชอบด้วยกฎหมาย พระภิกษุ ท. ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสของวัดโจทก์ พระภิกษุ ท. จึงมีอำนาจฟ้องคดีแทนวัดโจทก์ได้ ศาลฎีกาเคยวินิจฉัยว่าที่ดินตามแผนที่พิพาทเป็นของโจทก์ ซึ่งตรงกับที่ดินตามแผนที่พิพาทในคดีนี้ โจทก์ย่อมนำผลในคดีก่อนมาใช้ยันจำเลยทั้งสองในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ เมื่อจำเลยทั้งสองไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยทั้งสองมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์อย่างไร จำเลยทั้งสองจึงไม่มีสิทธิแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ โดยไม่ต้องคำนึงว่าที่พิพาทมีเอกสารสิทธิหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรส สินส่วนตัว และผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความในการก่อตั้งภารจำยอม
จำเลยได้รับยกให้ที่ดินภายหลังจากประกาศใช้พระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ได้ตรวจชำระใหม่ พ.ศ. 2519 เมื่อหนังสือยกให้ไม่ได้ระบุว่าให้เป็นสินสมรสจึงต้องถือว่าที่ดินของจำเลยเป็นสินส่วนตัว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471(3) จำเลยจึงมีอำนาจจัดการ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1473 จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้มีทางภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ในที่ดินดังกล่าวโดยมิได้รับความยินยอมจากภริยา จึงมีผลผูกพันจำเลย สัญญาประนีประนอมยอมความ มีข้อตกลงว่าจำเลยจะจดทะเบียนที่ดินเป็นภารจำยอมให้โจทก์เป็นสัญญาก่อตั้งภารจำยอมในที่พิพาท เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายลดเช็คมีผลผูกพัน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ อายุความ 10 ปี ดอกเบี้ย 21% ชอบด้วยกฎหมาย
สัญญาขายลดเช็คเป็นสัญญาต่างตอบแทนประเภทหนึ่ง กฎหมายมิได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ กรณีไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 115 เดิมแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อผู้ร้องรับว่าได้ทำสัญญาขายลดเช็คทั้งสองฉบับกับลูกหนี้ แม้สัญญาขายลดเช็คจะลงลายมือชื่อผู้ร้องฝ่ายเดียว ก็มีผลใช้บังคับแก่ผู้ร้องหาได้ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่อย่างใดไม่การที่ผู้ร้องนำเช็คทั้งสองฉบับไปขายลดแก่ลูกหนี้ ผู้ร้องจึงมีความผูกพันที่จะต้องรับผิดตามสัญญาขายลดเช็คซึ่งบังคับได้อีกส่วนหนึ่งต่างหากจากความรับผิดตามเช็ค ผู้คัดค้านเรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คมิใช่ให้รับผิดตามเช็คทั้งสองฉบับซึ่งลูกหนี้เป็นผู้ทรงเช็คจึงนำอายุความเรื่องเช็คมาใช้บังคับไม่ได้ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม ซึ่งมีอายุความ 10 ปี ผู้ร้องได้ทำสัญญาขายลดเช็คกับลูกหนี้ และยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ซึ่งอยู่ในช่วงระยะเวลาที่ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้บริษัทเงินทุนเรียกดอกเบี้ยหรือส่วนลดได้ไม่เกินร้อยละ 21 ต่อปี ดังนั้น การที่ผู้คัดค้านเรียกดอกเบี้ยจากผู้ร้องในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี จึงไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาของคู่สัญญาสำคัญกว่าข้อตกลงในสัญญา หากมีการผ่อนผันและรับชำระหนี้ต่อเนื่อง สัญญาเดิมยังคงมีผล
แม้สัญญาเช่าซื้อจะระบุว่าถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้องวดหนึ่งงวดใดให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันและผู้เช่าซื้อต้อง ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อโดยพลันก็ตาม แต่ปรากฏว่าจำเลยผู้เช่าซื้อผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อตั้งแต่ต้นตลอดมา โดยมิได้ชำระตรงตามกำหนดแต่ละงวด ซึ่งโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อก็ผ่อนผัน ยอมรับค่าเช่าซื้อที่ชำระไม่ครบตามกำหนดนั้นตลอดมา แสดงว่า โจทก์ไม่ถือเอาข้อสัญญาดังกล่าวเป็นสาระสำคัญ แต่โจทก์กลับยังถือว่า สัญญาเช่าซื้อมีผลต่อไป จึงได้ยอมรับค่าเช่าซื้อไว้ เมื่อคู่สัญญา มีเจตนาถือว่าสัญญาเช่าซื้อยังมีผลต่อกัน และต่อมาก็มิได้มีการ บอกเลิกสัญญาแก่กันเช่นนี้ โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้องเรียก ค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยไม่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนจากจำเลย.
of 81