พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: กรรมสิทธิ์ที่ดิน – ประเด็นเดียวกันต้องวินิจฉัยสอดคล้องกัน
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาในข้อหาบุกรุกที่พิพาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามฟ้องซึ่งเท่ากับฟังว่าโจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทและคดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งหาว่าจำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินโจทก์ขอให้ขับไล่ซึ่งมีประเด็นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกันว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหรือไม่ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันคู่กรณี แม้มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระเงิน
ศาลจังหวัดนครพนมมีคำสั่งตั้งให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ป. ผู้ตายและจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจังหวัดสิงห์บุรี ตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของ ป.ผู้ตายอีก โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน ในระหว่างพิจารณาคดีที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง จำเลยที่ 1 ในฐานผู้ร้องได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 10 มีนาคม 2525 ความว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันได้แล้วโดยจำเลยที่ 1 ยอมจ่ายเงินให้โจทก์ 150,000 บาท เมื่อโจทก์ได้รับเงินแล้วโจทก์ไม่ติดใจเรียกหนี้สินหรือรับผิดหนี้สินจากกองมรดกหรือขอรับมรดกจากจำเลยที่ 1 แต่ประการใด เมื่อโจทก์ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวของจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 จึงขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย โดยโจทก์จะไปจัดการขอถอนคำสั่งศาลที่ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายที่ศาลจังหวัดนครพนมและนำหลักฐานการขอถอนคำสั่งศาลมาแสดงต่อศาลจังหวัดสิงห์บุรี เพื่อขอรับเช็คที่ จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายโดยจำเลยที่ 1 จะนำเช็คมาวางศาลวันที่ 11 มีนาคม 2525 ซึ่งเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเงิน 150,000 บาทนี้ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังค้ำประกันร่วมรับผิดด้วยแล้ว จำเลยที่ 1 ลงชื่อในคำร้องดังกล่าว ศาลสอบโจทก์เกี่ยวกับคำร้องของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวแล้ว โจทก์ไม่คัดค้านและลงชื่อไว้ คำร้องที่จำเลยที่ 1 ยื่นดังกล่าวจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 มีผลผูกพันโจทก์กับจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันคู่สัญญา แม้มีข้อพิพาทเรื่องผู้จัดการมรดก
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองตกลงร่วมกันจะชดใช้เงินให้โจทก์โดยจำเลยที่1จะออกเช็คจำเลยที่2ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันแล้วนำเช็คมาวางศาลเพื่อให้โจทก์ถอนตัวจากการเป็นผู้จัดการมรดกของป. โจทก์ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้วส่วนจำเลยทั้งสองไม่นำเช็คมาวางศาลตามที่ตกลงกันเป็นข้อความแสดงสภาพแห่งข้อหาแล้วแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดทำให้โจทก์เสียหายก็ตามแต่เมื่อพิจารณาคำฟ้องรวมกันทั้งฉบับแล้วเห็นได้ว่าคำว่า"ละเมิด"ที่โจทก์กล่าวในฟ้องเป็นความเข้าใจของโจทก์เองว่าการที่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามสัญญาเป็นการละเมิดอันเป็นการใช้ถ้อยคำผิดโจทก์แสดงอย่างแจ้งชัดว่าฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยเหตุสัญญาคำฟ้องของโจทก์มิได้ขัดแย้งกันอันจะทำให้เกิดสับสนว่าเป็นเรื่องผิดสัญญาหรือละเมิดตามกฎหมายฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ศาลได้มีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของป. แล้วต่อมาจำเลยที่1ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกป. เช่นกันเมื่อโจทก์ยื่นคำคัดค้านคำร้องของผู้ร้องจำเลยที่1ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกระบุว่าจำเลยที่1กับโจทก์ตกลงกันได้แล้วโดยจำเลยที่1ยอมจ่ายเงินให้โจทก์จำนวนหนึ่งเมื่อโจทก์ได้รับเงินแล้วโจทก์ไม่ติดใจเรียกหนี้สินหรือรับผิดหนี้สินจากกองมรดกหรือขอรับมรดกจากจำเลยที่1เมื่อโจทก์ยอมรับข้อเสนอดังกล่าวจำเลยที่1จึงถอนคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายโดยโจทก์จะไปจัดการขอถอนคำสั่งศาลที่ตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายคำร้องดังกล่าวเป็นข้อเสนอของจำเลยที่1เมื่อศาลสอบโจทก์อันเป็นการปฏิบัติตามป.วิ.พ.มาตรา175(1)โจทก์ไม่คัดค้านการถอนคำฟ้อง(คำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก)ของจำเลยที่1และโจทก์ลงชื่อไว้เท่ากับโจทก์สนองรับข้อเสนอของจำเลยที่1ข้อความในคำร้องนั้นจึงเป็นสัญญาที่ผูกพันโจทก์กับจำเลยที่1เมื่อสัญญาดังกล่าวตกลงระงับข้อพิพาทที่จะมีขึ้นให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามป.พ.พ.มาตรา850.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันหนี้: แม้ตกลงไม่ขึ้นเงิน ก็ผูกพันตามกฎหมายเช็ค
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า ได้ออกเช็คให้โจทก์ถือไว้เป็นประกันในการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปมิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบพังได้ตามข้อต่อสู้ จำเลยก็หาพ้นความ รับผิดไม่ เพราะการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปและสั่งจ่ายเช็ครายพิพาทให้โจทก์ไว้เป็นประกันดังที่จำเลยต่อสู้นั้น ย่อมเป็นการออกเช็คโดยมีมูลหนี้มาจากการกู้เงินและมีเจตนาที่จะผูกพันบังคับชำระหนี้กันได้ตามกฎหมาย เช็ครายพิพาทเป็นเช็คที่ลงวันที่ อันเป็นการกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่า ให้ผู้ทรงเช็คนำไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินได้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงกับโจทก์ไว้ว่า ไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเช็คนั้น จึงขัดกับข้อความในเช็ค ทั้งจำเลยก็มิได้ต่อสู้หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งได้ออกเช็คไว้เป็นประกันนั้น ได้ระงับไปแล้วทั้งหมดหรือบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914, 989 กรณีหาใช่เป็นเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ คดีไม่มีประเด็นที่คู่ความจะต้องสืบพยานกันอีกต่อไป ศาลชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4599/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิการต่อสู้คดีของจำเลยในคดีแพ่งที่เชื่อมโยงกับคดีอาญา โดยต้องผูกพันตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอาญา
จำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายจากจำเลย ฟ้องโจทก์จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องไว้ คดีเฉพาะตัวจำเลยศาลจำต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่าเหตุเกิดจากความประมาทของจำเลย การที่จำเลยขอให้เรียกเจ้าของรถยนต์คันอื่นเข้ามาเป็นจำเลยร่วมโดยอ้างว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของรถยนต์คันดังกล่าว ไม่ใช่ความประมาทของจำเลยนั้น หากศาลอนุญาตให้เรียกก็จะเท่ากับเป็นการยอมรับให้จำเลยนำสืบโต้แย้งว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดของจำเลย ซึ่งจำเลยไม่มีสิทธิจะกระทำเช่นนั้นศาลจึงชอยที่จะไม่อนุญาตให้เรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4017/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน หากเงื่อนไขการสืบพยานไม่เป็นไปตามที่ตกลง
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาชื่อสัญญาประนีประนอมยอมความและรับสภาพหนี้เพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเงินสดขาดบัญชีระหว่างที่จำเลย เป็นผู้จัดการร้านโจทก์ความว่าข้อ 1.จำเลย ยอมรับผิดชดใช้เงินสด ขาดบัญชีที่ผู้สอบบัญชีของโจทก์ตรวจพบระหว่างจำเลยเป็น ผู้จัดการร้านโจทก์เป็นเงิน 36,667.75บาท และยอดเงินสดคงเหลือ เมื่อวันจำเลยออกจากตำแหน่งผู้จัดการร้านโจทก์มีเงินขาดบัญชีอีก 15,738.21 บาทข้อ2.จำเลยขอเวลาทำการตรวจสอบหลักฐานทางบัญชี ตามที่ผู้สอบบัญชีอ้างว่ามีเงินสดขาดบัญชีเพื่อความแน่นอนเป็นเวลา 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา หากพบหลักฐานการเงินที่สามารถนำมา หักกลบลบเงินขาดบัญชีโดยผู้สอบบัญชีและคณะกรรมการดำเนินการ ของร้านโจทก์ยินยอมเห็นชอบด้วย จำเลยยินยอมชดใช้ส่วนที่ยังขาดอยู่ ให้แก่โจทก์ ต่อมาจำเลยได้ตรวจสอบบัญชีตามสัญญาข้อ 2. และแจ้งให้โจทก์ทราบแต่ผู้สอบบัญชีและคณะกรรมการดำเนินการของร้านโจทก์ ไม่เห็นชอบด้วย ดังนี้ สัญญาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายตกลงระงับข้อพิพาททั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้นโดยตกลงผ่อนผันให้แก่กันในจำนวนเงินที่ผู้สอบบัญชีของโจทก์ตรวจพบระหว่างจำเลยเป็นผู้จัดการร้านโจทก์และ ส่งมอบเงินสดขาดบัญชีขณะจำเลยพ้นจากตำแหน่งโดยจำเลยยอมรับผิด ชดใช้เงินดังกล่าวทั้งสองสำนวนและโจทก์ไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยทางแพ่ง และทางอาญาสัญญาฉบับนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 อันมีผลทำให้การเรียกร้อง ของโจทก์จำเลยซึ่งมีอยู่ขณะนั้นระงับสิ้นไปคงได้สิทธิตามที่แสดงไว้ใน สัญญาประนีประนอมยอมความและรับสภาพหนี้เท่านั้นดังนั้นการที่จำเลย จะขอนำสืบพยานตามเงื่อนไขในสัญญาประนีประนอมยอมความและ รับสภาพหนี้ ข้อ2 ได้ก็ต้องให้ผู้ตรวจบัญชีและคณะกรรมการดำเนินงาน ของร้านโจทก์ยินยอมเห็นชอบด้วยซึ่งจำเลยก็ยอมรับแล้วว่าบุคคลดังกล่าว มิได้ยินยอมเห็นชอบด้วยกับหลักฐานที่จำเลยนำมาแสดงดังนั้นโดย สัญญาข้อ 2 จำเลยจึงไม่มีสิทธิสืบพยานต่อไปที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ให้งดสืบพยานของคู่ความจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3899/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันในฐานะนายอำเภอ: สัญญาผูกพันเฉพาะตำแหน่ง ไม่ผูกพันส่วนตัว
ปัญหาว่าจำเลยที่ 5 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ค้ำประกันในหนังสือสัญญาค้ำประกันในฐานะตำแหน่งนายอำเภอ มิใช่ลงลายมือชื่อในฐานะส่วนตัวและมิได้มีเจตนาให้ผูกพันเป็นการส่วนตัว เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากคำฟ้องและพยานหลักฐานของโจทก์ชัดแจ้งว่าการที่จำเลยที่ 5 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ในหนี้รายนี้เป็นการกระทำในฐานะนายอำเภอบางเลนมิใช่ในฐานะส่วนตัว ซึ่งโจทก์ทราบดีอยู่แล้ว สัญญาค้ำประกันดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอในขณะดำรงตำแหน่งเท่านั้น จำเลยที่ 5 ซึ่งพ้นจากตำแหน่งนายอำเภอบางเลนไปแล้ว จึงหาต้องรับผิดเป็นส่วนตัวไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3784/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายประนีประนอม: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยต้องผูกพันตามสัญญาประนีประนอมที่ทนายทำไป แม้มีข้อตกลงก่อนหน้า
จำเลยแต่งตั้งให้ทนายจำเลยมีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ทนายจำเลยย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจเต็มที่ขณะทำสัญญาประนีประนอมต่อหน้าศาลว่าข้อความและจำนวนเงินที่จะตกลงกับโจทก์นั้นเหมาะสมไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน เมื่อทนายจำเลยใช้ดุลพินิจไตร่ตรองแล้วจึงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ต่อหน้าศาลไปแล้ว แม้จะมีข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นอย่างอื่นก่อนหน้าทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตามจำเลยจะอ้างว่าเป็นการทำไปโดยโจทก์ฉ้อฉลหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความผูกพันลูกจ้าง แม้เกิดจากเหตุตั๋วรถหาย
โจทก์ทำตั๋วรถยนต์โดยสารของจำเลยหายต่อมาโจทก์ทำ หนังสือยอมรับผิดชดใช้เงินเท่าราคาตั๋วที่หายให้แก่จำเลยโดยขอผ่อนชำระจนครบเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายต้องรับผิดในเงิน ค่าตั๋วรถยนต์โดยสารที่หายได้ลงชื่อรับผิดไว้ในหนังสือนั้นถูกต้อง หนังสือดังกล่าวก็เป็นหลักฐานแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา851 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1729/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับสิทธิการเช่าของโจทก์ในคำให้การของจำเลยมีผลผูกพัน ไม่สามารถยกเหตุใหม่ในชั้นอุทธรณ์ได้
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงสิทธิการเช่าอาคารพิพาทและได้ให้จำเลยเช่า จำเลยให้การว่าเดิมสิทธิดังกล่าวเป็นของจำเลยซึ่งได้โอนให้แก่โจทก์เพื่อประกันการชำระหนี้ คำให้การเช่นนี้เท่ากับยอมรับว่าโจทก์เป็นผู้ทรงสิทธิการเช่าอาคารพิพาทและจำเลยอยู่ในอาคารนั้นโดยอาศัยสิทธิการเช่าของโจทก์
ที่จำเลยกล่าวอ้างว่าสิทธิการเช่าอาคารพิพาทยังเป็นของจำเลยการโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์เป็นการแสดงเจตนาลวงเพราะไม่ได้โอนกันจริงนั้น จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงไม่เป็นประเด็นและไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์
ที่จำเลยกล่าวอ้างว่าสิทธิการเช่าอาคารพิพาทยังเป็นของจำเลยการโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์เป็นการแสดงเจตนาลวงเพราะไม่ได้โอนกันจริงนั้น จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงไม่เป็นประเด็นและไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้จำเลยยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์